น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมครม.แถลงข่าวที่ตึกไทยคู่ฟ้า ว่ากราบเรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพรัก จากความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาร่วม 10 ปีได้สร้างความบอบช้ำให้กับประเทศอย่างมาก และเมื่อตนได้รับเลือกตั้งเข้ามา ตนเชื่อว่าคนไทยทุกคนเห็นตรงกันว่าหากความขัดแย้งดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปจะเป็นการบั่นทอนความเจริญก้าวหน้าของประเทศ และทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ดังนั้น นับแต่ที่รัฐบาลนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศ ตนได้ประกาศชัดแจ้งว่า เราจะใช้นโยบายชัดเเจ้งว่าเราจะเริ่มสร้างความปรองดองของคนในชาติ โดยยึดหลักนิติธรรมเเละต้องการเห็นกลไกของอำนาจอธิปไตยเและปวงชนชาวไทย ได้แก่อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการให้เป็นไปอย่างสมดุล ไม่ก้าวก่ายกันเเละกัน เจตนารมณ์ของรัฐบาลนั้นต้องการเห็นความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติอย่างไม่ลดละ
จนในที่สุดเมื่อเร็วๆนี้ได้เสนอเเนวทางการสร้างเวทีการเมืองร่วมกับทุกฝ่ายที่มีความคิดเห็นที่เเตกต่างเเละเป็นความคิดเห็นที่มาจากหลากหลาย รวมทั้งหลายกลไกในการร่วมกันสร้างความปรองดองเเละความสมานฉันท์ ขณะเดียวกันการสร้างกลไกลที่มีความสมดุลในอำนาจประชาธิปไตยทำให้เห็นได้ในหลายเวลาว่า เมื่อส.ส.ได้เสนอร่างกฎหมายต่างๆเเม้เเต่การเสนอเเก้ไขรธน. รัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหารโดยเฉพาะตนที่อยู่ในตำเเหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหารไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายกลไกที่ทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติเลยจนกระทั่งตนโดนกล่าวหาว่าละเลยไม่ยอมไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะส.ส. ทั้งที่ความจริงเเล้วตนต้องการให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่ สำหรับกรณีที่สภาผู้เทนฯผ่านร่างพรบ.นิรโทษกรรมที่เป็นต้นเหตุการถกเถียงกันในตอนนี้ ข้อเท็จจริงเเล้วในหลายประเทศที่มีเหตุความขัดเเย้งการเมืองขั้นรุนเเรง มีการเสียชีวิตเเละทรัพย์สินก็มีการนิรโทษกรรมเเละเป็นบทเรียนที่ประเทศไทยควรต้องศึกษา
หลักของทางออกหนึ่งในการนิรโทษกรรม ถือเป็นอีกทางออกหนึ่งที่ควรพิจารณา หากทุกฝ่ายมาเรียนรู้การให้อภัยกันเเละกัน เชื่อว่าความขัดเเย้งย่อมลดลง ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เเต่น่าเสียใจอย่างยิ่งว่าจากเหตุการณ์ทที่ผ่านมาประชาชนนับร้อยที่ต้องสูญเสียชีวิตเเละหลายพันคนได้รับบาดเจ็บมาจากเหตุความรุนเเรงที่มาจากความขัดเเย้งเเละมีต้นตอมาจากการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย ฉะนั้นการนิรโทษกรรมไม่ได้หมายความว่าจะให้ลืมบทเรียนอันเจ็บปวดเเต่ทุกคนต้องเรียนรู้ เเละเข้าใจ เพื่อประเทศไทย เพราะไม่ต้องการลูกหลานต้องเผชิญวิกฤติต้องทำให้ประเทศเดินหน้าได้ จะมาติดหล่มหรือวังวนความขัดเเย้งต่อไปไม่ได้หากจะให้บ้านเมืองสงบปลอดภัยนั้น ต้องปราศจากอคติ ไม่ใช้อารมณ์ เปิดใจกว้างของความขัดเเย้ง เพื่อเเสดงความเห็นเต็มที่ ตนเข้าใจว่าหลายอย่างเเม้ทำได้ยาก เเต่ต้องคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าความเจ็บปวดส่วนตน จนถึงวันนี้เราพบว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ที่ผ่านการพิจารณาของส.ส.เสร็จเเล้วนั้น มีการนำเสนอสู่การพิจารณาของส.ว.ซึ่งเป็นการดำเนินการตามหลักเกณฑ์เเละกลไลของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
ทำให้มีความคิดเห็นเเตกต่างอย่างหนักเเละเกิดข้อขัดเเย้งของคนในชาติหลายกลุ่ม หลายสถาบัน เเม้กระทั่งพรรคการเมืองเเละประชาชนในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตามเมื่อส.ส.ผ่านร่างพรบ.ฉบับนี้เเล้ว คนไทยหลายกลุ่มมีความเห็นเเตกต่างกันเเละยังไม่พร้อมที่จะให้อภัย เเละมีท่าทีที่ทำให้เป็นบ่อเกิดของความขัดเเย้งที่นำไปสู่ความรุนเเรง ตนไม่อยากเห็นการนำร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้นำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำให้เกิดข้อถกเถียง สับสนเเละถูกบิดเบือนโดยมีเจตนาล้มล้างรัฐบาลเเละประชาธิปไตยอีกครั้ง การบิดเบือนนั้นทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายการเงิน หากเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน ตนในฐานะนายกฯต้องลงนาม เเต่ตนไม่เคยลงนามใดๆเลย
ที่สำคัญมีความพยายามบิดเบือนว่ากฎหมายจะกลบเกลื่อนการทุจริต คอรัปชั่น มันเป็นคนละประเด็นกับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ยกโทษให้คนที่ได้รับผลพวงจากทางการเมือง การรัฐประหารที่ไม่อยู่ในหลักนิติธรรม รวมทั้งคนที่โดนกล่าวหาว่ากระทำต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช้เสียงข้างมากมาฝืนความรู้สึกประชาชนเด็ดขาด เพราะรัฐบาลนี้เป็นของทุกคนย่อมต้องฟังเสียงสนับสนุน-คัดค้าน เป้าหมายของรัฐบาลนี้คือสร้างความปรองดอง เเละทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ภายใต้วิถีประชาธิปไตยเเละประชาชนมีส่วนร่วมโดยใช้เหตุผลไม่ใช้อารมณ์ ภายใต้บรรยากาศความขัดเเย้งที่ปะทุอยู่นี้ รัฐบาลเห็นว่าทุกฝ่ายน่าจะหยุดคิด หยุดกระทำที่สร้างความเเตกเเยกภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญขั้นตอนทางกฎหมายยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของส.ว. จึงใคร่ขอเสนอว่าให้ส.ว.ที่เป็นตัวเเทนจากการเเต่งตั้งเเละเลือกตั้ง ทั้งที่มาจากกลุ่มที่เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลกรุณาใช้ดุลพินิจเต็มที่ เป็นที่ทราบกันดีว่า ส.ว.นั้นไม่มีใครก้าวก่ายได้ ขอให้โปรดใช้ดุลพินิจในการพิจารณาโดยอาศัยความเมตตาธรรม เเละคนที่เจ็บปวดมานานให้ได้รับความยุติธรรมอย่างเสมอภาค การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้คำนึงประโยชน์ประเทศเป็นหลัก ไมว่าจะตัดสินอย่างไร จะไม่เห็นด้วย-เห็นด้วย จะยับยั้งกฎหมายหรือเเก้ไขก็ตาม เชื่อว่าส.ส.ที่ลงคะเเนนผ่านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จะยอมรับการตัดสินใจด้วยเหตุผลเพื่อความปรองดองของคนในชาติ ทั้งนี้เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาที่ต้องช่วยกันรักษา ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน
สุดท้ายนี้ ขอบคุณฝ่ายนิติบัญญัติที่สนับสนุนเเนวทางปรองดอง คิดว่าทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถเเล้วเพื่อประเทศ ขอใช้เวลาจากนี้ไปเป็นเวลาของคนไทยทุกคนที่ต้องรวมคิด เเละตัดสินใจในการพิจารณาเเนวทางด้วยความเป็นธรรม เเละเข้าใจกันเเละกันไม่มีอคติ อารมณ์ ใจเปิดรับ เห็นอกเห็นใจกัน อันเป็นพื้นฐานสำคัญของการปรองดองที่คนไทยทุกคนต้องการ
จากกรุงเทพธุรกิจ