ทีมข่าว นปช.
21 พฤศจิกายน 2556
เมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) เวลาประมาณ 19.00 น. อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ได้ขึ้นเวที "นปช. เพื่อคนไทย ปกป้องประชาธิปไตย" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก หลังจากได้ฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โดยได้มีการวิเคราะห์ให้พี่น้องได้ฟังว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้เปิดเผยตัวตนอย่างชัดเจน และระบอบอำมาตย์เขาไม่ต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ สำหรับรายละเอียดในคำปราศรัยนั้นทีมข่าว นปช. ได้ลงรายละเอียดไว้ด้านล่าง เชิญติดตามได้ค่ะ
ถอดคำปราศรัยของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
เวที “นปช. เพื่อคนไทย ปกป้องประชาธิปไตย”
ณ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กรุงเทพฯ
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2556
สวัสดีค่ะ พี่น้องในสนามแห่งนี้และที่บ้านทุกท่าน ภารกิจของเราครั้งนี้ เราจัดขึ้นอย่างค่อนข้างที่จะเร่งรีบ ฉุกละหุก แต่ว่าจากการที่เราใช้เวลาสั้นมาก 2 วัน ไม่เกิน 3 วัน บางพื้นที่ได้ 3 วัน เราสามารถนัดผู้คนได้หลายหมื่นคนเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของพี่น้องคนเสื้อแดงค่ะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นวันปกติธรรม พี่น้องประชาชนจำนวนมากต้องใช้เวลาทำงาน แต่ว่าการที่เรามีคนหลายหมื่นคนและนัดอย่างรวดเร็วเป็นการแสดงถึงพลังของคนเสื้อแดง พลังอันนี้กำลังต้องได้รับการทดสอบอยู่ตลอดเวลา สำหรับวันนี้เนื่องจากการที่เราจะแถลงโดยมีคำแถลงการณ์อย่างเป็นทางการนั้น เราจะมีการแถลงตามมาในวันหลังเมื่อเราได้วิเคราะห์คำวินิจฉัยส่วนตนและวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดหมดทุกกระบวนความ แต่อย่างไรก็ตาม ภารกิจที่สำคัญวันนี้เราก็สามารถมีสาสน์ถึงพี่น้องเรา สาสน์ถึงพรรคเพื่อไทยรัฐบาล และสาสน์ถึงประชาชนไทยในวาระสำคัญยิ่งของการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในประเด็น ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งอันเป็นจุดสำคัญในประวัติศาสตร์
เพราะฉะนั้นพี่น้อง ดังที่เราได้รู้มาตั้งนานแล้วว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงและพลังประชาธิปไตยเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนาน ไม่มีใครเก่งและหัวใจยิ่งใหญ่ไปกว่าคนเสื้อแดงสู้มากว่า 7 ปีแล้วค่ะ เราต่อสู้กับการรัฐประหารและเราต้องต่อสู้กับระบอบอำมาตยาธิปไตยที่ไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชน พูดกันตรง ๆ คำวินิจฉัยวันนี้ก็เป็นการเปิดเผยตัวตนที่ชี้ให้เห็นว่าระบอบอำมาตย์ไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชนอย่างไร? ล่อนจ้อนเลยค่ะ คำวินิจฉัยวันนี้ทำให้เราได้เข้าใจและรู้ว่าที่ประชุมของคนสำคัญในระบอบอำมาตย์เขาวางแผนอย่างไร? ท่านสามารถอ่านได้จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีวุฒิสมาชิกจากการเลือกตั้งได้อย่างหมดเปลือกเลยค่ะ เมื่อคนเสื้อแดงก็รู้ว่าเราต้องต่อสู้ยืดเยื้อ การต่อสู้ที่ยืดเยื้อเราต้องยกระดับทั้งคุณภาพและปริมาณ การยกระดับของคนเสื้อแดงไม่เหมือนแถวราชดำเนินนะ ของเรายกระดับในเวลา 7 ปีมาเป็นลำดับ แต่ของเขายกระดับเป็นวัน ๆ เป็นชั่วโมงที่ราชดำเนิน ของสุเทพ เทือกสุบรรณอย่างเอามาเทียบเคียงกับเรา ของเราคือการยกระดับที่เป็นจริง เพราะเราเห็นได้ว่าทั้งคุณภาพและปริมาณของคนเสื้อแดงนั้นมากขึ้น ๆ
ในวันนี้เราได้มีข้อตกลงจากการประชุมของแกนนำซึ่งอาจารย์ธิดาจะได้ถ่ายทอดส่วนหนึ่ง แต่หมายความว่านี่ยังไม่สิ้นสุด หลังจากนั้นก็เป็นความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัยจากของอาจารย์ธิดา ในวันนี้เราต้องขอชื่นชมในนามของแกนนำ ขอชื่นชมประชาชนที่ให้ความร่วมมือมาพร้อมเพรียงกัน แม้ว่าตัวเลขเราอาจจะไม่ถึงแสนคนแต่เราก็ได้หลายหมื่นคนในเวลารวดเร็ว เพราะฉะนั้นเที่ยวหน้าเราจะต้องทำให้ดีกว่านี้อีกค่ะ จากการที่เราได้ปรึกษาหารือกันเราก็อยากจะแถลงต่อทั้งสื่อมวลชนและพี่น้องว่า ประการแรกจุดยืนของเรายังเหมือนเดิมก็คือ เราปฏิเสธการที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจก้าวก่ายแทรกแซงอำนาจอื่นอันได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร เรายังยืนยันในเรื่องเหล่านี้ก็คือคัดค้านการใช้อำนาจข้ามพรมแดนค่ะ เราได้ยื่นถอดถอนตุลาการรัฐธรรมนูญเรื่องยังไปค้างที่ ปปช. ขณะนี้สุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องการถอดถอนเหมือนกันแต่เขาไม่ใช่ถอดถอนตุลาการรัฐธรรมนูญ ยังทำไม่เป็นวันนี้เพิ่งจะไปเริ่มต้น ขณะนี้ที่เรานั้นได้เคยมาแล้วหลายรอบ การถอดถอนตุลาการรัฐธรรมนูญเรามีรายชื่อนับแสนคน และผ่านการตรวจสอบมาแล้ว 7-8 หมื่นคน อยู่ที่ ปปช. เพราะฉะนั้นเราก็จะถามเช่นกันว่า ปปช. เอาไปดองเอาไว้ทำไม? ตอบมาเสียดี ๆ ค่ะ และที่สำคัญเราได้ประกาศเห็นชัดในเวทีนี้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของรัฐสภาเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องของศาลรัฐธรรมนูญค่ะ นี่เรายังยืนยันในจุดยืนเดิม และผ่านที่ประชุมข้อเสนอที่เป็นเอกภาพก็คือ เราเรียกร้องต่อรัฐบาล ต่อรัฐสภาว่า ขอให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ได้โดยผ่านวาระสามไปเลยค่ะ ก็แก้ทั้งฉบับเขาบอกว่า...ไม่ให้แก้ แต่ก็สรุปได้แล้วว่ามันไม่ได้เป็นกบฏ แนะนำให้มาแก้เป็นรายมาตรา แก้เป็นรายมาตราก็ไม่ให้แก้ งั้นก็กลับไปแก้ทั้งฉบับเลยดีกว่า...ใช่หรือเปล่าพี่น้อง
เราถือที่ประชุมแห่งนี้เป็นสมัชชาก็ได้ พี่น้องทั้งหลาย ถ้าพี่น้องเห็นด้วยว่ารัฐสภา รัฐบาล สมควรเดินหน้าวาระสามแก้ไขรัฐธรรมนูญ...โห่ร้อง...เห็นชอบด้วยค่ะ (เสียงพี่น้องโห่ร้อง...เป่าแตร..เห็นชอบ) ขอให้ส.ส.และรัฐบาลได้รับทราบด้วยว่าหัวใจของคนเสื้อแดงซึ่งมีพี่น้องเราที่นี่เป็นตัวแทนล้วนเป็นดวงเดียวกันและเปล่งคำพูดเดียวกันว่า “เดินหน้าวาระสามแก้รัฐธรรมนูญ”
สำหรับสาสน์ที่เราขอส่งมายังพี่น้องในสังคมไทยก็คือ ขอให้พี่น้องในสังคมไทยได้ตรวจสอบการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน ของตุลาการรัฐธรรมนูญ โปรดอ่านคำวินิจฉัยทั้งฉบับและย่อ ทางที่ดีอ่านทั้งฉบับเลยถ้าพอมีเวลา และจะได้เข้าใจด้วยว่าขณะนี้สิ่งที่เราพูดว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยที่ครอบงำสังคมไทยอยู่นั้นไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชน อ่านในคำวินิจฉัยแล้วจะเห็นชัด ๆ ทั้งหมดเลยค่ะ แล้วจะได้รู้ว่าคนเสื้อแดงพูดจริงไม่มีคำโกหกเลยแม้แต่นิดเดียว ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ได้เปลือยกายล่อนจ้อนในคำวินิจฉัยนี้ค่ะ
และส่งสาสน์มายังพี่น้องเราว่า ในคำวินิจฉัยนี้แน่นอนยังไม่ใช่ในลักษณะเลวร้ายที่สุดก็คือการที่ไม่ถึงกับถอดถอนลงโทษสมาชิกรัฐสภาสามร้อยกว่าคน และยังไม่ขั้นยุบพรรค แต่อย่างไรก็ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์สำคัญของเราก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญและลบล้างผลพวงการทำรัฐประหารก็ถูกสกัดกั้นโดยตุลาการรัฐธรรมนูญนั่นเองค่ะ แต่อยากให้พี่น้องมีกำลังใจ ถามว่าถ้าวันนี้ไม่มีพี่น้องเสื้อแดง ไม่มีพี่น้องออกมาต่อสู้แบบนี้ มันก็เป็นไปได้ว่ามันจะต้องยุบพรรคเพื่อไทยและถอดถอนส.ส.สามร้อยกว่าคน นี่คือชัยชนะของประชาชนคนเสื้อแดงค่ะ เราไม่ได้พึงพอใจกับชัยชนะนี้ เพราะเป้าหมายของเราก็คือลบล้างผลพวงการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดในระบอบประชาธิปไตย ยังไม่ได้แก้ นี่คือภารกิจทางประวัติศาสตร์ของคนเสื้อแดงที่จะต้องเอาชนะให้ได้ค่ะ
วันนี้เราคงจะไม่เลิกดึกเกินไปและเพื่อให้ท่านวีระกานต์ คุณจตุพร และณัฐวุฒิ สิ่งที่อาจารย์ธิดามาพูดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการแถลงร่วมกันของแกนนำ นปช. จากอาจารย์ธิดาก็จะมีคุณวีระกานต์, คุณจตุพร คุณณัฐวุฒิ ทั้งหมดร้อยเรียงเป็นการแถลงในมุมมองของแต่ละท่าน แต่อาจารย์ธิดามาพูดก่อนเพื่อพูดภาพรวมและจุดสำคัญก็คือข้อเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเดินหน้าวาระสาม นี่เป็นภารกิจที่มาแถลงกับพี่น้องค่ะ
พี่น้องคงจำได้ว่าอาจารย์ธิดาเคยบอกว่านี่คือการต่อสู้ระหว่างระบอบ 2 ระบอบ คือระบอบอำมาตย์กับระบอบประชาธิปไตย พลังอนุรักษ์นิยมล้าหลังและพลังประชาธิปไตยในขณะนี้เป็นดุลกำลังกัน ถ้าเป็นสงครามเขาเรียกว่ายุทธศาสตร์ขั้นยัน นี่คือเป็นการพิสูจน์อีกครั้งก็คือผ่านจากการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยได้สัญญากับพี่น้องว่าจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นปช.ก็มีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ว่าจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญลบล้างผลพวงการทำรัฐประหารและกฎหมายไม่เป็นธรรมทั้งปวง เป้าหมายยุทธศาสตร์สองกลุ่มนี้เป็นอันเดียวกัน เมื่อได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งก็จำเป็นต้องเดินหน้า เมื่อดุลกำลังเราประสบชัยชนะจากการเลือกตั้งแต่กลไกรัฐล้าหลังอยู่ในมือของระบอบอำมาตย์ ผลจากการวินิจฉัยในเรื่อง ส.ว. เลือกตั้งนี้แสดงให้เห็นว่าระบอบอำมาตย์นั้นตั้งรับและไม่ยอมให้เรารุก ก็คือยันกันอยู่อย่างนี้ เขาจะทำให้เราล้ม เราก็ไม่ล้ม แต่เราจะเดินหน้า เขาก็ไม่ยอม มันจึงอยู่ในระดับแบบนี้พี่น้องคงเข้าใจทั้งหมดใช่หรือเปล่าคะ แต่ถ้าพี่น้องและพรรคเพื่อไทยไม่คิดรุกเดินหน้า ก็แปลว่าเราตั้งรับและปล่อยให้เขารุกจนเราอาจจะต้องถอยหลังล้มระเนระนาดไปอีกใช่หรือเปล่าพี่น้อง ยอมหรือเปล่า ทางเดียวที่จะทำให้ฝ่ายประชาชนสามารถรุกคืบหน้าหรือไม่ถอยหลังก็คือ ความเข้มแข็งของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะคนเสื้อแดงค่ะ
บอกไปยังพรรคเพื่อไทยว่าอย่าไปฝากความหวังไว้ที่คนอื่น อย่าไปฝากความหวังไว้กับคำหวาน ๆ หรือคนที่ดูแล้วน่าเชื่อถือเพราะคนที่ท่านต้องเชื่อไม่ใช่คนที่พูดหวาน ๆ เป็นคนที่พูดตรง ๆ หน้าดำ ๆ ก็คือประชาชนนี่เองค่ะ ประชาชนไม่หักหลัง ประชาชนไม่เอาเปรียบ ประชาชนไม่เคยที่จะเล็งผลเลิศ ประชาชนนั้นต้องอดทนและเสียสละ เพราะฉะนั้นมีแต่ประชาชนเท่านั้นที่เป็นมิตรที่ไว้วางใจได้เสมอเลยค่ะ อย่าได้เห็นคนอื่นดีกว่าประชาชนเป็นอันขาด...จำไว้...พรรคเพื่อไทยค่ะ
สำหรับคำวินิจฉัยก็จะไปเร็ว ๆ สักนิดหนึ่ง ในคำวินิจฉัยนี้เป็นบทศึกษาสำหรับแกนนำ นปช. และประชาชนผู้รับประชาธิปไตยทุกคน ในคำวินิจฉัยนี้เราจะแบ่งได้เป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งว่าด้วยกระบวนการของการที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านสภา ว่าด้วยกระบวนการ นับตั้งแต่เขียนเลขไม่ตรงกัน นี่เป็นคำพูดนะคะ นับตั้งแต่รายละเอียดบางอย่างไม่ตรงกัน ให้พี่น้องไปดูได้ว่าในกระบวนการนั้น ในคำวินิจฉัยเราจะเห็นว่ามีตั้งแต่เรื่อง ที่น่าสนใจมากก็คือศาลรัฐธรรมนูญพูดถึงการวางตัวและการควบคุมรัฐสภาของประธานรัฐสภา นี่แปลว่าศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของประธานรัฐสภาไปแล้วหรืออย่างไร? เราจะไม่พูดเรื่องกระบวนการมากนัก แต่ว่าในส่วนของกระบวนการนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงว่าวิธีคิดเหมือนของนายถาวร เสนเนียม ที่ไปพูดเถียงกันกับคุณณัฐวุฒิ ก็คือเขาคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรสูงสุดในประเทศนี้ที่สามารถควบคุมประเทศไทย สั่งการและลงโทษได้ทุกคนเลยค่ะ พวกคุณกำลังละเมิดสองอย่างที่สำคัญที่สุด หนึ่งคุณละเมิดอำนาจประชาชน สองคุณละเมิดอำนาจพระเจ้าอยู่หัวไปด้วยคือพระราชอำนาจค่ะ เขาเข้าใจเช่นนั้นจริง ๆ เพราะเขาสามารถลงโทษใครก็ได้ ลงโทษองค์กร 1, 2, 3, 4 และทำมาแล้ว จัดการกับนายกรัฐมนตรีไปเป็นจำนวนมาก นั่นมันในอดีตนะ ไม่ใช่วันนี้ วันที่ประชาชนสงสัยและตื่นตัวทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นก็ยังดีที่ยังไม่เกิดกลียุคเพราะการถอดถอนและการยุบพรรคเพื่อไทยในวันนี้นะคะ
ที่สำคัญที่อาจารย์ธิดาอยากจะพูดจากคำวินิจฉัยฉบับย่อก็คือเนื้อหาที่ใช้คำพูดว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำให้เรื่องราวในวงสนทนาของอำมาตย์ระดับสูงกลายเป็นสิ่งที่เปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างโจ่งแจ้ง ในนี้ได้สะท้อนเจตจำนงวิธีคิดต่าง ๆ และเป้าหมายในอนาคต ดังนั้นถ้าเราต้องการให้ประชาชนมีอำนาจจริง เราต้องรู้ว่าตุลาการรัฐธรรมนูญและอำมาตย์คิดอย่างไรให้อ่านดูในคำวินิจฉัย ยกตัวอย่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือการแสดงให้เห็นว่าในอำนาจนิติบัญญัตินั้นเขาต้องการดุลยภาพ พี่น้องอย่าลืมว่าอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารนั้นมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนใช่หรือเปล่า แต่ในเนื้อหานี้อ้างว่าถ้ามาจากการเลือกตั้งสิ่งที่เป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยเขาใช้คำว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้เป็นการแก้กลับไปสู่จุดบกพร่องที่ปรากฏแล้วในอดีต ความหมายก็คือมีการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกทั้งหมดเป็นจุดบกพร่องที่ล่อแหลมเสี่ยงต่อสูญสิ้นศรัทธาสามัคคีธรรมของหมู่มหาชนไทย เป็นความพยายามทำประเทศให้ถอยหลังเข้าคลอง เลือกตั้งนี่นะเขาบอกว่าทำให้ประเทศถอยหลังเข้าคลอง แล้วส.ว.แต่งตั้ง มันไปลงทะเลหรือแม่น้ำที่ไหนถ้าหากเลือกตั้งนี่ถอยหลังเข้าคลอง นี่คือวิธีคิดที่ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้เลย หมายความว่าเขามองว่าดุลอำนาจนั่นก็หมายถึงระบอบอำมาตย์ไม่สามารถที่จะให้อำนาจนิติบัญญัติมาจากการเลือกตั้งของประชาชนร้อยเปอร์เซ็นได้ ขอเอี่ยวสักครึ่งหนึ่งค่ะ นั่นก็คือมีพรรคระบอบอำมาตย์ก็มีเสียงอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือวุฒิสมาชิกต้องมาจากการสรรหาหรือแต่งตั้งซึ่งเป็นคนของระบอบอำมาตย์เกือบทั้งหมด เขาต้องการเช่นนี้ เขาปฏิเสธการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกโดยสิ้นเชิง นี่คือความคิดของระบอบอำมาตย์ไทยชัดเชนค่ะ ใช้คำพูดเหมือนประชาธิปัตย์พูดเลยว่า ทำให้วุฒิสภากลับไปเป็นสภาญาติพี่น้อง สภาของครอบครัวหรือสภาผัวเมีย ลอกกันมาเลยค่ะ
และใช้คำพูดที่สำคัญก็คือว่าการแก้ไขให้คุณสมบัติของวุฒิสมาชิกเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับฝ่ายการเมืองหรือส.ส. ย่อมทำให้หลักการตรวจสอบอำนาจและถ่วงดุลซึ่งกันและกันของรัฐสภาต้องสูญเสียไปอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ฝ่ายการเมืองสามารถควบคุมอำนาจเหนือรัฐสภาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เอ้า...ก็ประชาชนเลือกมา...มันก็ต้องเบ็ดเสร็จ...เด็ดขาด...น่ะซิ นี่คือจุดสำคัญที่สุดที่เปิดเผยให้เห็นว่าระบอบอำมาตย์ไม่ต้องการให้แตะรัฐธรรมนูญนี้ เพราะอุตส่าห์ออกแบบมาเพื่อแก้จุดอ่อนของรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งเปิดโอกาสให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร สามารถที่จะมีเสียงข้างมากในรัฐสภาทั้งในวุฒิสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งเขาเชื่อเช่นนั้น และในสภาสามัญ สภาผู้แทนราษฎร
เพราะฉะนั้น ถ้าปล่อยให้เลือกตั้งก็แปลว่าจะเป็นจุดที่ทำให้พรรคเพื่อไทยหรือพรรคต่อจากพรรคไทยรักไทย พูดง่าย ๆ ก็คือสิ่งที่เขาเรียกว่าระบอบทักษิณนั้นสามารถกุมอำนาจในรัฐสภาได้ คำถามก็คือคุณคิดอย่างนี้คุณรู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่คุณพูดมันเป็นระบอบอำมาตย์ที่เปิดเผยตัวตนชัดเชน ไม่ใช่ประชาธิปไตย ยังมีจุดอื่น มีจำนวนมาก เช่น ก่อนที่คุณจะแก้คุณต้องส่งมาให้ศาลรัฐธรรมนูญดู ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจอยู่ตรงไหน? มาตรา 291 การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญแม้แต่น้อยสักคำเดียวเลยค่ะ ถ้าเป็น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นี่ไม่ใช่!!! นี่คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มันเป็นอำนาจของรัฐสภา มันไม่เกี่ยวกับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญแม่แต่น้อย ได้ยินหรือเปล่าคะศาลรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากวันนี้เราจะพูดประเด็นเดียวคือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เราจะเห็นว่าเขาบอกให้ชัดเลยว่าเป้าหมายยุทธศาสตร์ของเขาคือไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และหัวใจสำคัญคือมาตรา 68 รวมทั้งการแก้ไขให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง ก่อนที่อาจารย์ธิดาจะจากลาไป มีคำพูดของปรีดี พนมยงค์ เป็นคำพูดเอาไว้ว่า ถ้าจะดูว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยในประเทศไทยจะยังคงอยู่หรือไม่ให้ดูว่าวุฒิสมาชิกมาจากไหนแม้กระทั่งครึ่งเดียวก็ไม่ได้ ถ้าใครเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์ถ้าใครยอมรับว่าปรีดี พนมยงค์เป็นครูและเป็นรัฐบุรุษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นครูทางกฎหมาย นี่คือคำกล่าวว่าประบอบประชาธิปไตยนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นอย่างน้อยข้อที่หนึ่งก็คือวุฒิสมาชิกต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดค่ะ นี่เป็นเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2470 กว่า ๆ บัดนี้ 80 ปีแล้ว ระบอบอำมาตย์ยังไม่ยอมให้มีการเลือกวุฒิสภา ไม่ยอมให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด น่าอนาถไหม 81 ประเทศไทยค่ะ
เราต้องบอกต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า นี่เป็นการพูดในลักษณะที่เป็นวิชาการ แต่เป็นวิชาการของฝ่ายประชาชน ไม่ใช่วิชาการของฝ่ายอำมาตย์ ขุนนาง เราต้องพูดกันตรง ๆ เพราะพวกท่านชอบพูดว่าประชาชนไทยนั้นโง่และถูกซื้อด้วยเงิน แต่เวที นปช. นั้นจะไม่มีการหลอกลวง บิดเบือน เราต้องการให้คนของเรา คนเสื้อแดงและประชาชน มีวุฒิภาวะและเข้าใจ แล้วเขาจะตัดสินเองได้ค่ะว่าประเทศควรไปทางไหน
โดยสรุป วันนี้พี่น้องฟังคำแถลงและคำวิเคราะห์จากแกนนำต่อจากอาจารย์ธิดาไป และเราจะแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่เราต้องกลับด้วยความเข้าใจ หลายท่านอาจจะเป็นห่วงว่าไอ้สุเทพมันจะทำอะไรวันที่ 24 วันนี้วันที่เท่าไหร่ (พี่น้องตอบพร้อมกัน “20”) วันที่ 24 อีก 4 วันใช่ไหม? (พี่น้องตอบว่า “ใช่”) เราดูมันสักหน่อยดีไหม เราต่อให้เพราะเราเป็นรุ่นพี่ ต่อให้รุ่นน้อง ณัฐวุฒิก็เป็นรุ่นพี่ จตุพรก็เป็นรุ่นพี่ อาจารย์ธิดานี่รุ่นย่าเลยค่ะ เราต่อให้ คุณมาเลย แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ถามหน่อยว่าที่คุณบอกว่าปฏิวัติประชาชน คุณปฏิวัติอะไร? ดังที่เราได้พูดมาแล้ว เราต้องเข้าใจว่าเรายังอยู่ในสงครามที่ต่อเนื่อง ระบอบอำมาตย์ยังไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชน เขาแก้ไขจุดอ่อนรัฐธรรมนูญ 40 โดยการลงทุนทำรัฐประหาร แล้วเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ 2550 เพื่อเป็นหลักประกันว่าระบอบอำมาตย์จะอยู่สถิตสถาพรในประเทศไทย ประชาชนไทยจะไม่สามารถมีความเท่าเทียมกับขุนนางอำมาตย์และปัญญาชนชั้นสูงเป็นอันขาด เขาจึงวางกับระเบิดไว้ทั้งหมด เราประชาชน เราไม่ได้ต้องการที่จะทำให้ประเทศนี้เดือดร้อน เราต้องการเห็นประเทศนี้มีอนาคตที่ดี ต้องการให้ลูกหลานเรามีสิทธิเสรีภาพ มีความเท่าเทียม มีความเสมอภาคกันอย่างน้อยก็ทางกฎหมาย เมื่อเราได้ต่อสู้มากว่า 6 ปี นับไปแล้วก็กว่า 7 ปี พี่น้องจะสู้ต่อเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือเปล่าคะ (มวลชนพร้อมกันโห่ร้อง, เป่าแตร) ถ้าเรายอมสถานะของการต่อสู้ที่ยันกันเราก็จะต้องถูกจัดการให้ถอยหลัง ถูกทำให้ล้มไป แต่ถ้าเราสู้และเรายังจะรุกไปข้างหน้า แม้นเราจะยังรุกไม่ได้มาก แต่อย่างน้อยที่สุดชัยชนะที่ได้มาต้องไม่ถูกทำให้เสียหายไปเป็นอันขาดใช่หรือเปล่าพี่น้อง
เพราะฉะนั้น เข้าใจสถานการณ์ เข้าใจสถานะของเรา เข้าใจสถานะของฝั่งที่เป็นปฏิปักษ์กับเรา และนี่คือคำพูดของอาจารย์ธิดาว่า ในการต่อสู้ของประชาชนนั้นมีมิตรแท้และศัตรูถาวรเพราะเราไม่มีผลประโยชน์ส่วนตน ขอให้พี่น้องกลับไปยังที่ที่พวกเราได้มีกลุ่มก้อนและทำงาน เตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ซึ่งกำลังขยับเพราะเราจะไม่มีวันยอมแพ้ เราจะรุกต่อไปไม่ให้ชัยชนะประชาชนเสียหายเป็นอันขาด เราจะอยู่ ณ ที่ตั้งอย่างมีความรู้ มีสติ สัมปชัญญะ และเราต้องชนะหัวใจประชาชนไทยสีเสื้ออื่น ๆ ทั้งหมดเลยค่ะ....ขอบพระคุณค่ะ.