จากเฟสบุ๊ค "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน 2556
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคือการสถาปนาอำนาจใหม่เหนืออำนาจอธิปไตยของประชาชน
สอดคล้องกับหลักการที่คนปชป.ประกาศว่านิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการอยู่ใต้ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกเขายอมรับ
สถานการณ์นี้ยุบพรรคไหนตัดสิทธิ์ใครบ้างเป็นเรื่องเล็ก เพราะเรื่องใหญ่คือศาลรัฐธรรมนูญบังคับใช้กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศตามอำเภอใจ รุกรานอำนาจสามสถาบันหลักในระบอบประชาธิปไตยอย่างอุกอาจ ขยายอำนาจองค์กรตนด้วยคำว่า "คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร"
ผมยืนยันว่าต้องผูกพันภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มิใช่ไร้มาตรฐานแม้กระทั่งการวินิจฉัยกรณีแบบเดียวกันก็ตัดสินแตกต่างอย่างที่กำลังเกิดขึ้น บางคนอาจมองโลกในแง่ดีว่าพรรคยังอยู่รัฐบาลยังอยู่ไม่เสียหาย ก็ต้องเข้าใจความจริงว่าเขาทำได้มากที่สุดเท่านี้ เพราะไม่มีช่องกฎหมายให้ไปไกลได้ถึงตรงนั้น แต่การฟันธงว่าทุกกระบวนการขัดรัฐธรรมนูญคือการส่งสมาชิกรัฐสภา ๓๑๒ คน ไปเสี่ยงตายป้ายหน้าซึ่งปปช.ก็ออกตัวแรงตั้งกรรมการสอบ ๒ ประธานทันที
สถาบันนิติบัญญัติต้องต่อสู้ด้วยหลักการถึงที่สุด จริง ๆ ฝ่ายค้านต้องร่วมสู้ด้วย อย่ามัวแต่ฝันถึงส้นหล่นจากการล้มรัฐบาล เพราะถ้ายอมให้เป็นไปแบบนี้อำนาจอธิปไตยของประชาชนก็ไร้ความหมาย เพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็ถูกแทรกแซงประชาธิปัตย์มาเป็นก็ต้องเอานิติบัญญัติกับบริหารไปสยบยอมแล้วมีหน้าที่ต้องปกป้องมรดกของฝ่ายเผด็จการด้วย
ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็จะใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ก็เป็นเช่นนั้นแล้ว