หมายเหตุ "ข่าวสด" : หยุด "เหมาเข่ง" เดินหน้าคดี 99 ศพ


 

 ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ซึ่งมีการปรับแก้จนกลายเป็นฉบับสุดซอย ฉบับเหมาเข่ง ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงทั่วสังคมไทยในวันนี้ จะเห็นได้ว่าหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสารและความคิดเห็นต่อกรณีนี้อย่างตรงไปตรงมาโดยตลอด ซึ่งภาพที่สะท้อนผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ข่าวสด คือ มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

 โดยเน้นย้ำว่า คนที่ไม่เห็นด้วยนั้น มีมุมมองที่ควรเคารพและรับฟังอย่างยิ่ง

 นับตั้งแต่ การนำเอาร่างพ.ร.บ.ฉบับเดิมซึ่งดีอยู่แล้ว คือนิรโทษกรรมให้เฉพาะกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง และจำนวนไม่น้อยต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในเรือนจำ

 กลับเอาไปปรับแก้ในกรรมาธิการ ขยายไปครอบคลุมทั่วทั้งหมด เป็นพฤติกรรมที่เริ่มต้นไว้อย่าง ทำไปทำมากลายเป็นอีกอย่าง อันไม่ควรยอมรับนับถือ


 ขณะเดียวกัน ในฐานะที่ ข่าวสด เป็นหนังสือพิมพ์ที่ติดตามขุดคุ้ยค้นหาความจริงในเหตุการณ์ปราบปรามการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 อย่างเกาะติด

 ได้นำเสนอภาพข่าวและพยานหลักฐานต่างๆ อันบ่งชี้ว่า เป็นเหตุการณ์นองเลือดทางการเมืองที่มีประชาชนล้มตายมากที่สุด เมื่อรวมกับเจ้าหน้าที่ทหารอีกส่วนหนึ่งแล้ว มีคนตายถึง 99 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 2 พันราย

 ความตายของประชาชนที่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างมากมายเช่นนี้ สื่อมวลชนจะเพิกเฉยไม่ได้

 ข่าวสด ยังตีแผ่ให้เห็นว่า ประชาชนร่วมร้อยที่ถูกยิงตาย ไม่มีศพใดเลยที่มีอาวุธอยู่ในมือ ไม่มีใครเลยที่เป็นชายชุดดำ ดังนั้นข้ออ้างของผู้มีอำนาจในเหตุการณ์เมื่อปี 2553 จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ไม่อาจกลบเกลื่อนความผิดและความรับผิดชอบได้

 ยิ่งล่าสุด เมื่อคดีนี้ผ่านขั้นตอนการไต่สวนชันสูตรศพในชั้นศาล จนกระทั่งศาลได้มีคำสั่งชี้ผลการไต่สวนออกมาแล้วว่า เสียชีวิตด้วยกระสุนปืนจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งปฏิบัติการภายใต้คำสั่งของศอฉ. หรือตายด้วยกระสุนปืนจากฝั่งเจ้าหน้าที่ จำนวน 14 ราย

 อันเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานตั้งเป็นสำนวนคดีอาญา ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือก สุบรรณ ผู้มีอำนาจในศอฉ.

 กลายเป็นคดีอาญา กระทั่งอัยการได้พิจารณาสำนวนและพยานหลักฐานเหล่านี้แล้ว ได้มีความเห็นสั่งฟ้องบุคคลทั้งสอง

 ทำให้คดีคืบหน้าไปสู่ขั้นตอนสำคัญ คือ กำลังจะนำเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลแล้ว


 ดังนั้น ข่าวสด จึงเห็นว่า หากใช้ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่ง จะมีผลให้การพิสูจน์ความจริง หาตัวผู้สั่งการผิดพลาดจนประชาชนล้มตายร่วมร้อยศพดังกล่าว ต้องพลอยยุติไปด้วย

 คดีซึ่งกำลังจะถือเป็นประวัติศาสตร์ในการทวงความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่ต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งถูกผู้มีอำนาจปราบปรามอย่างเกินความจำเป็น และผิดหลักสากล ควรจะเป็นคดีในทางประวัติศาสตร์การเมืองไทยอย่างแท้จริง

 เพื่อเป็นบทเรียนให้กับผู้มีอำนาจที่ไม่เห็นประชาชนคนรากหญ้าอยู่ในสายตา

 ไม่เท่านั้นยังพบว่า ร่างพ.ร.บ.นี้จะกลายเป็นชนวน ให้ฝ่ายที่เห็นต่างอย่างสุดโต่งรุนแรง ใช้เป็นเงื่อนไขในการสร้างความวุ่นวายต่อบ้านเมือง อันไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย

 จึงเห็นว่า สมาชิกพรรคการเมืองและสมาชิกสภา ควรร่วมมือกันยุติการผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับเหมาเข่งดังกล่าว เพื่อคลี่คลายบรรยากาศในบ้านเมือง

 เพื่อให้คดี 99 ศพเดินหน้าไปจนสุดซอย!

ที่มา ข่าวสด