ถอดคำปราศรัยของ "ธิดา ถาวรเศรษฐ" ที่ ราชมังฯ 28 พ.ย. 56



ทีมข่าว นปช.
29 พฤศจิกายน 2556

เมื่อคืนการปราศรัยขนเวที "รัฐถูกประหารโดยศาลรัฐธรรมนูญ" ที่ นปช.แดงทั้งแผ่นดินออกมาปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง  ปกป้องระบอบประชาธิปไตย  ซึ่งดำเนินการจัดเวทีปราศรัยมาอย่างต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 5 แล้ว นับจากวันที่ 24 พ.ย. 56  ที่ ราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กรุงเทพฯ

ส่วนเนื้อหาการปราศรัยจากแกนนำก็เข้มข้น  รวมทั้งมีการสลับสับเปลี่ยนให้ผู้ประสานงานส่วนภูมิภาคต่าง ๆ ขึ้นมาแสดงความคิดเห็นด้วย  สำหรับ อ.ธิดา  ถาวรเศรษฐ  ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน เมื่อวานนี้ได้ขึ้นเวทีปราศรัยในเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่า ๆ  ซึ่งทีมงานได้นำคลิปการปราศรัยมาเสนอต่อพี่น้องเพื่อรับฟังย้อนหลัง  พร้อมกันนี้ได้ถอดคำปราศรัยบางส่วนสำหรับผู้ต้องการอ่าน  ติดตามได้ตามด้านล่าง


เชิญชมคลิปการปราศรัยของ อ.ธิดา  ถาวรเศรษฐ

ถอดคำปราศรัยของ อ.ธิดา  ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
เวที “รัฐถูกประหารโดยศาลรัฐธรรมนูญ”
ณ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กรุงเทพฯ
วันพฤหัสที่ 28 พฤศจิกายน 2556


สวัสดีค่ะพี่น้อง  วันนี้เจอกันหลายครั้ง เบื่อไหม?  เนื่องจากเป็นการชุมนุมที่เราอยู่กัน 24 ชั่วโมง  การที่แกนนำจำนวนมากอยู่พบปะพี่น้องและเรามีการแถลงข่าวตลอด จึงเป็นเรื่องจำเป็น  และที่ต้องน่าชื่นชมอย่างท่าน รมต.ณัฐวุฒิก็ปวารณาตัวนอนด้วยกันกับพี่น้องที่นี่ดูเหมือนจะบนเวที  เพราะว่าเราต่อสู้มาด้วยกัน  ถ้าเราจำได้ในปี 53 ยามที่เราสู้รบ  เราอยู่ด้วยกัน  กินด้วยกัน  นอนด้วยกัน  นอนอยู่หลังเวที  ในยุคนั้น อ.ธิดา ปฏิเสธไม่ขึ้นเวที  เคยถูกบังคับ 2 ครั้ง ตอนอยู่หน้าราบ 11 ขบวนยังไม่มา คุณวีระกานต์พูดอยู่นานมาก  แล้วไม่มีใครพูด  ก็ให้เก่ง การุณพูด  คุณวีระกานต์กลัวว่าราบ 11 จะระเบิด ก็เลยกวักมือเรียก อ.ธิดาช่วยพูดสักทีนั่นเป็นครั้งแรกที่ อ.ธิดาขึ้นเวที  เพราะตั้งใจจะอยู่หลังเวที  เพราะบ้านนี้มีหมอเหวงคนเดียวก็เยอะแล้ว

แล้วอีกครั้งหนึ่งที่เวทีราชประสงค์ตอนเช้า  ไม่มีใครพูด  ณัฐวุฒิก็ไป ๆ ๆ ขึ้นหน่อย จับขึ้นเวที ก็ขึ้น 2 ครั้งพูดตอนเช้าซึ่งมีคนนิดเดียว  แต่ว่าเป็นความทรงจำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้อง  แต่ก็ร่วมเหมือนพี่น้องคือไม่ได้ขึ้นบนเวทีอยู่ข้างหลัง ปรึกษาหารือ ทำงานด้วยกัน กินนอนด้วยกัน  ที่พูดอย่างนี้ วันนี้ยังไม่เหมือนวันนั้น  วันนั้นเราลำบากกันมาก  พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีอำนาจรัฐส่วนหนึ่ง เพราะว่าโดนจัดการตอนนั้นเป็นพรรคพลังประชาชน  เราอยู่กันวันนั้น  เราลำบาก  ทุกข์ยากอยู่ด้วยกัน  วันนี้อย่างไรเสียก็ดีกว่าวันนั้นมากมาย  แล้วถ้าเราไม่ได้เตรียมตัวให้ดี  วันนี้ที่ค่อนข้างเป็นวันชื่นคืนสุขสักหน่อย ก็จะกลายเป็นวันนั้น  เพราะฉะนั้นเราต้องทำวันนี้  วันที่เรายังพร้อมเพรียงกัน  วันที่เรายังสามารถไป-มา  มาบ้าง นอนบ้าง  ให้เป็นวันที่เราสร้างความยิ่งใหญ่  สร้างความน่าเกรงขาม
เวทีปราศรัยปีนี้  ในตอนหัวค่ำและกลางคืนอาจจะค่อนข้างเครียดไปนิดหนึ่ง  เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นการปราศรัยล้วน ๆ  ร้องรำทำเพลงมีตอนบ่ายกับตอนดึก  ก็เห็นใจพี่น้อง  วันนี้ก็ขอเพิ่มสิ่งที่อาจจะเป็นประโยชน์ให้พี่น้องเข้าใจว่า  ข่าววันนี้ที่สำคัญก็คือมีการตัดน้ำตัดไฟ  ถามว่าม็อบพวกนี้มันจะรู้ได้อย่างไรว่าสายไฟไปที่ไปแต่เฉพาะ DSI เพราะถ้ามันตัดไม่ดีก็จะหมดเลยทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง กสม. อาจจะโดนหมด  แต่ทำไมมันไม่โดนเพราะว่ามีคนทำที่เป็นและรู้เรื่อง  ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ต่อกับโรงพยาบาลตำรวจมันก็มีร่วมกัน  ถ้าตัดไม่ดีมันก็โดนโรงพยาบาลตำรวจหมดทั้งโรงเลย  เขาก็รู้ว่าจะตัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วเขาก็คิดว่าไม่โดนโรงพยาบาล  มันก็โดนเพราะมันมีการเชื่อมต่ออยู่บ้าง  ที่แน่นอนก็คือที่เก็บศพไม่มีไฟฟ้าเลย  แสดงว่าคนที่ทำงานเหล่านี้เป็นมืออาชีพและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ  มันมาจากพวกรัฐวิสาหกิจ

วันนี้คุณจิตรา  คชเดช ได้พูดถึงสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ  รัฐวิสาหกิจในประเทศไทยมีอยู่มากมาย  รวมทั้งไฟฟ้า  ประปา  รถไฟ  เป็นต้นที่ดัง ๆ  รวมทั้งการบินไทย  แต่การบินไทยเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว ถามว่าพวกนี้มันโกรธแค้นอะไรนักหนากับรัฐบาลนี้  เพราะวันที่จริงสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ได้ประโยชน์จากรัฐบาลไทยรักไทย  พลังประชาชน  และเพื่อไทยมากมาย  โดยเฉพาะรถไฟ  รถไฟจะมีรัฐบาลไหนที่จะทำให้รถไฟกลายเป็นกิจการใหญ่โตในระดับสองล้านล้าน  มีรถไฟความเร็วสูง มีรถไฟรางคู่  ก็มีแต่รัฐบาลเพื่อไทยนี่แหละที่เสนอโครงการนี้  สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจพวกนี้มีต้นตอ  แต่ในทัศนะอาจารย์นั้นก่อนอื่นก็คือ  พูดตรง ๆ ว่าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทำมาทั้งหมดตั้งแต่ต้นทางการเมืองจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน  พวกคุณคิดเวลามีการเมืองออกมาพูดอย่างเดียวคือเพิ่มเงินเดือน ๆ ๆ

ต้นเหตุสำคัญก็คือคนเหล่านี้ต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์  จริง ๆ มันไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลไทยรักไทย  เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาลชวน  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542-43  เพราะวิธีคิดของพรรคประชาธิปัตย์เอาใจ IMF จึงเกิดกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ  และหนึ่งในสิ่งที่ต้องการแก้เศรษฐกิจประเทศก็คือทำให้รัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่เขาเรียกว่าแปรรูป  จริง ๆ มันไม่ได้แปรรูป  มันไม่ได้ทำเป็นเอกชนแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์และรัฐก็สามารถถือหุ้นได้จำนวนหนึ่ง  แต่ว่าพวกเขาต้องการเป็นข้าราชการเหมือนมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่งก็ไม่ต้องการออกนอกระบบ  เพราะหลายคนคิดว่าเป็นข้าราชการนั้นดีกว่าที่จะไปอยู่เอกชนเพราะได้ทั้งสายสะพาย  สวัสดิการซึ่งดี แต่จริง ๆ มันไม่ใช่เป็นเอกชนมันเข้าตลาดหลักทรัพย์  มันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น

สิ่งที่พวกเขาโกรธก็คือพอมาในรัฐบาลไทยรักไทยซึ่งทำงานต่อเนื่อง  แต่ก็ไม่ได้ต่อเนื่องทั้งหมด  บางรัฐวิสาหกิจก็ถูกแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์  แต่รัฐก็ยังถือหุ้นเป็นจำนวนมาก เช่น ธนาคารกรุงไทย  ปตท. รัฐก็ถือหุ้นจำนวนมากแต่มีคนอื่นถือหุ้นด้วย  การต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนี้เลยลามปามมาในยุคไทยรักไทย  และตัวเอ้ต้องยอมรับคนเคยเป็นมิตรสหายกันก็คือสมศักดิ์  โกศัยสุข ซึ่งเป็นผู้นำสหภาพรัฐวิสาหกิจก็กระโจนไปอยู่กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  และบัดนี้เวลาวันที่มีการบุกเข้าไปในกระทรวงการคลังและในที่ต่าง ๆ เพื่อไปตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดประตู ก็พบว่ารัฐวิสาหกิจเหลานี้เป็นกองหน้าและเป็นกำลังสำคัญในการทำให้มีการหยุดยั้งโดยตัดน้ำ ตัดไฟ

อ.ธิดาขอส่งสาสน์ไปยังรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ว่าพวกคุณผิดทั้งหมด  คุณทำตัวไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของประชาชน  คุณเป็นแรงงาน  แต่คุณไม่ใช่แรงงานกรรมกร คุณเป็นแรงงานผู้ดี  คุณเป็นแรงงานที่มีรายได้สูงกว่าพี่น้องประชาชน  และเคลื่อนไหวเฉพาะผลประโยชน์ส่วนตัว  คุณไม่รักประชาชนไทยเลย  แล้วคุณมาทำได้อย่างไรในการที่มาเป็นหัวหอกในการตัดน้ำตัดไฟและยึดสถานที่ราชการ  คุณลองคิดว่าพรรคไทยรักไทย  พรรคเพื่อไทย  ได้ทำคุณประโยชน์ให้กับรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ เป็นเท่าไหร่  รวมทั้งค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท  และก็ทำให้เงินเดือนของคุณค่าจ้างก็ขึ้นสูงตามไปด้วย  การขึ้นเงินเดือนข้าราชการรัฐวิสาหกิจก็ได้  การขึ้นเงินเดือนลูกจ้างรัฐวิสาหกิจก็ได้  มีแต่ได้ทั้งนั้นแล้วคุณมาประท้วงทำไม?

เพราะฉะนั้น  ถ้าคุณต้องการเป็นอันหนึ่งอันเดี่ยวกับประชาชน  และข้อเรียกร้องของคุณ  แม้จะเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวประชาชนจะสนับสนุน  คุณต้องทำทุกอย่างบนผลประโยชน์ของประชาชน  ไม่ใช่ผลประโยชน์ของพวกอนุรักษ์นิยมล้าหลัง  ซึ่งที่แท้จริงเป็นปฏิปักษ์กับชนชั้นผู้ใช้แรงงาน  หรือคุณเป็นแรงงานขุนนาง  กรรมกรขุนนาง  กรรมกรผู้ดี  คุณห่างเหินกับประชาชนคุณถึงทำเช่นนี้  นี่เป็นความรู้สึกในใจ  อ.ธิดา เคยพูดกับผู้นำแรงงานรัฐวิสาหกิจมาตลอดว่า  พวกคุณมีแต่ประท้วงเอาเงินเดือน  คุณไม่เคยออกมาต่อสู้กับประชาชน  ประชาชนจะสนับสนุนคุณอย่างไร  ผ่านมาเป็นสิบปีก็ยังเป็นเหมือนเดิม  นี่คือรัฐวิสาหกิจไทย!!!
ประเด็นที่สอง  เพื่อให้ทำความเข้าใจขอขยายคำว่า “สภาประชาชน”  และเราได้พูดในตอนแถลงข่าวอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง  แต่อยากจะอธิบายเพื่อเป็นเชิงความรู้ว่า  สภาประชาชนนั้นมันเกิดและมีขึ้นอย่างไร  สภาประชาชนในสถานการณ์ปกติไม่มี  รัฐธรรมนูญไทยก็ไม่มี  สมมุติตอนนี้มีคนขอหาทางออกประเทศไทย  ปรากฏว่าทางออกของสุเทพบอกว่าต้องมีสภาประชาชน  แล้วมีรัฐบาลประชาชน  แล้วโค่นระบอบทักษิณ  ทั้งสามข้อนี่มันบ้าทั้งนั้นเลย  จะเป็นทางออกของประเทศไทยได้อย่างไร  เพราะมันทำไม่ได้

มีแต่คนโง่กับคนบ้าเท่านั้นที่คิดเพ้อฝัน  สภาประชาชนนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้  คุณสุเทพ  เทือกสุบรรณคุณจะเอาใครมาเป็นสภาประชาชน  เพราะสภาในรัฐสภาคนสามสิบกว่าล้านคนเขาเลือกตัวแทนมา  แล้วคนของคุณคือใคร  คุณจะแต่งตั้งดังที่บอกว่าเขาเรียกว่าสภาขุนนางหรือสภาอำมาตย์ที่คุณคิด  ไม่ใช่สภาประชาชนค่ะ  ขุนนาง  อำมาตย์  ก็ต้องทำสภาขุนนาง  สภาอำมาตย์   รัฐสภาของแก้ไขรัฐธรรมนูญให้วุฒิสมาชิกส่วนหนึ่งที่เคยมาจากการแต่งตั้งเปลี่ยนเป็นเลือกตั้งทั้งหมด

เลือกตั้งทั้งหมดก็แปลว่าเป็นอำนาจประชาชน  วุฒิสมาชิกก็มาจากประชาชนที่มีสิทธิออกเสียง 30 กว่าล้านคน  แล้วมันไม่ยอม  บอกว่าต้องแต่งตั้ง  เพราะถ้าเลือกตั้งจะเป็นการถอยหลังเข้าคลอง  แล้วน้ำหน้าอย่างนี้หรือจะตั้งสภาประชาชนได้อย่างไร?  สภาประชาชนในอดีตมาจากการปฏิวัติประชาชนจริง  เช่นปฏิวัติในประเทศฝรั่งเศส หรือปฏิวัติในประเทศอื่น ๆ  มันไม่ใช่แบบนี้  มันไม่ใช่ชนชั้นระดับบนไม่พอใจการเลือกตั้งแล้วขอตั้งสภาประชาชน  มันทุเรศ ๆ มาก ๆ เลย เพราะฉะนั้น  ถ้าหากได้ยินคำว่า “สภาประชาชน”  พี่น้องทั้งหลายถุยน้ำลายใส่เลย  เพราะว่าเป็นเรื่องโกหก  เป็นเรื่องของคนบ้า  แล้วที่ อ.ธิดา บอกว่า ในภาษาอังกฤษ People Committee เกิดในประเทศเช่นโซเวียต รัสเซีย เขาจะเรียกพวกนี้ว่าเป็นคอมมิสซา  ไอ้นี้มันบ้า  ด้านหนึ่งด่า โจมตี ไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ ไม่ยอมรับประชาชน  แต่มาอ้างว่าจะตั้งสภาประชาชน  และเขาจะต้องรัฐบาลประชาชนด้วย  พี่น้องถุยน้ำลายใส่ทั้งรัฐบาลประชาชน  สภาประชาชนของสุเทพ  เทือกสุบรรณ  ได้ไหม?

ถ้าเป็นกองทัพทำรัฐประหาร  เอาปืนมา  ฉีกรัฐธรรมนูญ  แล้วเขียนรัฐธรรมนูญใหม่  นั่นแหละคือการรัฐประหาร  แต่ถามว่ารัฐธรรมนูญที่ทหารสั่งให้ทำเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนหรือเปล่า?  ไม่เป็น!!! แล้วคุณสุเทพ  คุณกำลังเอาอะไรมาจี้ประเทศนี้  คุณบอกว่ามาจี้ประเทศนี้เพื่อตั้งสภาประชาชน  บ้าที่สุด  มีคนเสนอทางออกของประเทศไทย  หลายคนบอกว่านายกฯ ลาออก  สุเทพบอกไม่เอา  ยุบสภา เลือกตั้งใหม่  สุเทพบอกไม่เอาต้องไปไกลกว่านั้น  เขาบอกต้องมีสภาประชาชน  ต้องมีรัฐบาลประชาชน  และนี่จะเป็นทางออกประเทศไทยหรือไม่  ทางออกประเทศไทยก็คือสุเทพผูกคอตายนั่นแหละ

อ.ธิดา จะเปิดโรงเรียนการเมืองให้ฟรี ๆ เลย  บอกว่าประชาชนคือใคร?  สิ่งที่พวกคุณกำลังทำไม่ใช่เกี่ยวข้องอะไรกับประชาชน  แต่เป็นการประหารอำนาจประชาชนแท้ ๆ นักวิชาการบางคนบอกว่าให้ทำประชามติเพื่อแก้รัฐมนตรี  ปรากฏว่าเราได้ได้คำเฉลยว่าทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญไม่มีเลยในมาตรา 291  และนอกจากนั้นการทำประชามตินั้นล้วนเป็นหลุมระเบิด  เพราะมันเขียนรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อไม่ให้แก้เลย  แต่ขนาดมันเขียนเพื่อไม่ให้แก้  เขียนเพื่อให้อำมาตย์ได้ผลประโยชน์มันยังไม่พอใจ
สรุปได้ว่า  ทางออกประเทศไทย สุเทพ  เทือกสุบรรณ ผูกคอตายนั่นแหละ  ใช่เลย!!!

มันคงไม่ยอมผูกคอตาย  และวันนี้มีการโกรธคุณกรณ์  จาติกวณิช เป็นเรื่องขำ ๆ ว่า เผอิญสุเทพ  เทือกสุบรรณ อาจจะบ้ามากไปคนในพรรคประชาธิปัตย์จำนวนหนึ่งไม่อยากเดินตามไปจนสุดกู่ก็เลยไม่เห็นด้วยกับสุเทพ  เทือกสุบรรณ  เราก็ขอภาวนาและเอาใจช่วยอย่างหนึ่งก็คือ  ถ้าพรรคประชาธิปัตย์คิดว่าที่แพ้มาทั้งหมดเพราะตัวเองโง่  ตัวเองทำผิด  ถ้าระลึกได้แล้วแก้ไขนั่นคือทางออกของประชาธิปัตย์  ไม่ใช่มาบ้าตามนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ นี่พูดอย่างดี ๆ นะ  พูดอย่างคนอยากช่วยนะ  ว่าถ้าคุณเดินตามสุเทพ  เทือกสุบรรณ  คุณก็ต้องผูกคอตายทั้งพรรคเลย

ทางออกที่แท้จริงของสังคมไทย  ก็คือ  พลังประชาธิปไตย  พลังของประชาชนคนเสื้อแดงซึ่งเป็นกองหน้าที่กล้าหาญและเสียสละอย่างถึงที่สุด  เพื่อทำให้ประเทศนี้มีความเจริญมีความเท่าเทียมกัน  ต้องกล้าแข็ง  ต้องแข็งแรง  จะต้องมีระเบียบวินัย  มีความเป็นเอกภาพในทิศทางใหญ่  ไม่ใช่ต่างคนต่างทำตามใจชอบ  เพราะนี่คือการรบ  นี่คือการต่อสู้  นี่คือการสงครามแต่เป็นสงครามที่เราไม่ต้องการการหลั่งเลือด  และเป็นสงครามยืดเยื้อยาวนานนับแล้ว 80 กว่าปี แต่ยุคเรามัน 7 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 49

นี่เป็นสงครามยืดเยื้อ  นี่ไม่ใช่เวลาที่เราคิดว่าเราประสบชัยชนะอย่างสมบูรณ์  และนี่จะเป็นศึกรอบใหม่เพราะเราเคยพูดว่าในทางยุทธศาสตร์เราอยู่ในขั้นยันกัน  เราจะรุกไปข้างหน้าเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ  เขาบอกไม่ได้  เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือการรุกทางยุทธศาสตร์เพียงเพื่อลบล้างผลพวงการทำรัฐประหารเท่านั้น  มันไม่ให้แล้วมันก็รุกกลับ  ในส่วนหนึ่งพรรคเพื่อไทยคิดว่าการต่อยอดนิรโทษกรรมฉบับวรชัยจะเป็นการรุกไปข้างหน้า  แต่ปรากฏว่าก็ใช้เรื่องนี้รุกเราอย่างสุดกำลัง  เราต้องยันให้อยู่  ถ้าเรายันไม่อยู่เขาก็จะรุกเราให้มันถอยหลังไปอีก  เพราะถ้ายอมที่เราตายไปแล้วติดคุกยังไม่ได้ออกมันเสียเปล่า  หน้าที่เราก็คือเขารุกเรามาก็ต้องรุกกลับ  ไม่ใช่นั่งรอนอนรอให้เขาเหยียบเรา  จะสู้โดยรุกกลับและไม่ยอมให้เขากระทำให้เราจะต้องพ่ายแพ้  จิตใจแบบนี้ยังเป็นจิตใจของคนเสื้อแดงอยู่หรือเปล่าพี่น้อง

ขอเรียกร้องต่อพี่น้องว่า  นี่เป็นการศึกครั้งใหม่  เราสู้มาจนถึงขนาดนี้  เราจะยอมให้เขารุกเราจนเราต้องถอยกลับ  ขอให้รวมใจเป็นหนึ่งเดียว  ที่ไม่พอใจกันก็วางเอาไว้ก่อนได้ไหม  รวมพลังเป็นหนึ่ง  มองให้เห็นว่าระบอบอำมาตย์ไทย  ไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชนและใช้กลยุทธ์ทุกรูปแบบ  เราจะนิ่งนอนใจและประมาทไม่ได้  ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง  ไม่ใช่ทำเพื่อคนเสื้อแดง  ไม่ได้ทำเพื่อคุณทักษิณ  ชินวัตร  แต่ทำเพื่อประเทศไทยทั้งหมด  ว่าต้องเดินไปข้างหน้า  อย่าให้คนบ้ามาพาถอยหลังเด็ดขาดค่ะ  ขอบคุณมากพี่น้อง....พบกันพรุ่งนี้....สวัสดีค่ะ.