ศาลไต่สวนชันสูตรศพฮิโรยูกิž ช่างภาพญี่ปุ่นที่ถูกยิงตายในเหตุการณ์ 10 เม.ย. 53

 เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดไต่สวนคดีที่อัยการขอให้ไต่สวนชันสูตรพลิกศพนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น ผู้ตายที่ 1 นายวสันต์ ภู่ทอง ผู้ชุมนุมนปช. ผู้ตายที่ 2 และนายทศชัย เมฆงามฟ้า ผู้ชุมนุมนปช. ผู้ตายที่ 3 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตหน้าร.ร.สตรีวิทยา ถ.ดินสอ ในเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 2553

 พ.ต.ต.นพสิทธิ์ อัครนพหงส์ กลุ่มงานตรวจอาวุธปืนและเครื่องกระสุน กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตร. เบิกความสรุปว่า เมื่อ 12 เม.ย. 2553 พยานได้รับคำสั่งให้ไปตรวจหาวิถีกระสุนปืนบริเวณ ถ.ดินสอ ตั้งแต่แยกสะพานวันชาติจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พบร่องรอย 120 รอย มีจำนวน 6 รอย ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากอะไร ส่วนอีก 114 รอย เกิดจากกระสุนปืน สามารถยืนยันวิถีกระสุนได้ 108 รอย ทั้งหมดมีแนววิถีกระสุนยิงมาจากแยกสะพานวันชาติไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ส่วนอีก 6 รอย ไม่สามารถบอกทิศทางได้ ส่วนใหญ่เป็นลักษณะมุมเงยที่มีระดับตั้งแต่ขาขึ้นไปจนเลยศีรษะ ทั้งนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่ารอยกระสุนทั้งหมดเกิดจากกระสุนปืนชนิดและขนาดใด เนื่องจากไม่พบชิ้นส่วนลูกกระสุนปืนติดอยู่ที่ร่องรอยนั้นหรือตกอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ

 อัยการถามว่า เฉพาะจุดเกิดเหตุบริเวณร.ร.สตรีวิทยาพบกี่รอยและมีทิศทางอย่างไร พยานเบิกความว่า พบ 26 รอย บริเวณรั้วร.ร.มี 8 รอย รถยนต์ของทหารที่จอดอยู่ฝั่งร.ร.มี 17 รอย และที่ตู้โทรศัพท์ฝั่งตรงข้ามร.ร.มี 1 รอย ทั้งหมดมีวิถีกระสุนมาจากแยกสะพานวันชาติ นอกจากนี้ยังพบรอยกระสุนตามตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่หันหน้าไปทางแยกสะพานวันชาติมีระดับตั้งแต่ขาจนถึงปีกด้านบนของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

 พยานเบิกความต่อว่า หลังจากตรวจที่เกิดเหตุแล้ว พยานทำรายงานการตรวจและแผนผังที่เกิดเหตุไว้ และได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนยังนำรูปถ่ายขณะทหารปฏิบัติการในวันเกิดเหตุมาให้ดูและถามพยานว่า ทหารใช้อาวุธใดปฏิบัติหน้าที่ จากรูปถ่ายพบว่ามีปืนเอ็ม 16 เอชเค 33 ทาโวร์ และปืนลูกซอง

 ทนายญาติผู้ตายถามว่า ปืนเอเค 47 หรืออาก้า ใช้กับกระสุนขนาดใดและใช้ในหน่วยราชการใด พยานเบิกความว่า ใช้กระสุนขนาด 7.62 ม.ม. ซึ่งจะมีใช้ในหน่วยราชการทหาร

 นพ.รังสิมา แต้ไพบูลย์ แพทย์นิติเวช ร.พ.กลาง เบิกความสรุปว่า วันที่ 10 เม.ย. 2553 เวลาประมาณ 21.41 น. ศูนย์เอราวัณนำศพนายฮิโรยูกิมาให้ชันสูตร พบว่าหน้าอกด้านซ้ายมีบาดแผลลักษณะเป็นรู ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซ.ม. ทะลุออกต้นแขนขวาด้านหลังมีลักษณะเป็นรู ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 ซ.ม. สันนิษฐานว่า ถูกวัตถุที่มีความเร็วสูง ต่อมารับศพนายวสันต์เวลาประมาณ 22.20 น. ตรวจพบว่ากลางหน้าผากมีบาดแผลฉีกขาดขอบไม่เรียบลักษณะเป็นรู ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ซ.ม. กว้าง 1 ซ.ม. ลึกจนเห็นเนื้อสมอง บริเวณกระโหลกศีรษะเหนือคิ้วขึ้นไปหลุดหายทั้งหมด และมีเนื้อสมองแตกกระจาย สันนิษฐานว่าถูกวัตถุที่มีความเร็วสูง

 นพ.รังสิมาเบิกความต่อว่า ส่วนศพนายทศชัยได้รับเวลาไล่เลี่ยกัน พบว่าใต้ราวนมซ้ายมีบาดแผลลักษณะเป็นรู ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 ซ.ม. ทะลุออกด้านหลังแถบซ้ายระดับเอวเป็นบาดแผลลักษณะเป็นรู ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 ซ.ม. สันนิษฐานว่าถูกวัตถุความเร็วสูงที่มีวิถีเฉียงจากบนลงล่าง จากความเห็นของพยานที่ระบุว่า ผู้ตายทั้ง 3 คนถูกวัตถุความเร็วสูงนั้นหมายถึงลูกกระสุนปืน หลังตรวจชันสูตรแล้ว พยานส่งศพผู้ตายทั้ง 3 คนไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ

 น.ส.วรินดา สัญญรัตน์ นักนิติวิทยาศาสตร์ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เบิกความสรุปว่า เมื่อ 2 พ.ย. 2553 ได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ให้ตรวจสถานที่เกิดเหตุและจำลองวิถีกระสุน บริเวณถ.ดินสอ หน้าร.ร.สตรีวิทยา พบรอยที่เกิดจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนบริเวณกำแพงรั้วของร.ร.สตรีวิทยา 1 รอย สูง 1.03 เมตร บนต้นไม้บริเวณหัวมุมถ.ดินสอตัดกับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยพบ 2 รอย รอยที่ 1 สูง 3.2 เมตร รอยที่ 2 สูง 4 เมตร ใกล้ต้นไม้พบรอยแตกกะเทาะของปูนซีเมนต์บนเสาไฟฟ้า 1 รอย สูง 3.32 เมตร ตู้โทรศัพท์หน้าร.ร.สตรีวิทยา พบ 2 รอย รอยที่ 1 ถูกยิงทะลุ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 คูณ 0.8 ซ.ม. สูง 1.77 เมตร รอยที่ 2 ถูกยิงทะลุ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2 คูณ 3.9 ซ.ม. สูง 1.4 เมตร และที่เสาเหล็กป้ายห้ามจอดติดกับตู้โทรศัพท์พบ 1 รอย มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 คูณ 1.5 ซ.ม. สูง 0.67 เมตร

 น.ส.วรินดา เบิกความต่อว่า เสาสัญญาณโทรศัพท์ทีโอที ตรงข้ามประตูทางเข้าร.ร.สตรีวิทยา พบรอยแตกกะเทาะของปูนซีเมนต์ 1 รอย สูง 1.7 เมตร และพบรอยฉีกขาดที่ท่อพีวีซีหุ้มสายไฟ บริเวณป้ายสัญญาณจราจรที่ติดอยู่กับเสาไฟพบ 1 รอย ถูกยิงทะลุ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.6 ซ.ม. สูง 2.18 เมตร โดยรอยกระสุนปืนที่ตรวจพบทั้งหมดมีทิศทางการยิงมาจากสะพานวันชาติไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ไม่สามารถระบุชนิดและขนาดของกระสุนปืนได้

 ต่อมาดีเอสไอส่งสำเนาการชันสูตรพลิกศพของนายฮิโรยูกิมาให้ เพื่อให้หาแนววิถีกระสุนปืนที่ยิงมาถูกนายฮิโรยูกิ พยานจึงนำข้อมูลดังกล่าวมาทำแบบจำลอง ทำให้ทราบว่ากระสุนที่ยิงถูกนายฮิโรยูกิมีทิศทางจากด้านหน้าไปด้านหลัง ด้านซ้ายไปด้านขวา และล่างขึ้นบนเล็กน้อย แต่ไม่สามารถจำลองแนววิถีกระสุนที่ยิงมาได้ เนื่องจากขาดหลักฐานภาพถ่ายหรือวิดีโอที่แสดงว่าขณะผู้ตายถูกยิงและก่อนถูกยิงอยู่ในลักษณะท่าทางใด หลังจากนั้นดีเอสไอยังส่งวัตถุพยานเป็นชิ้นส่วนกางเกงร.ต.ต.ชาตรี อุตสาหรัมย์ ผู้ช่วยเหลือนายฮิโรยูกิขณะถูกยิง มาให้ โดยแจ้งว่ามีเลือดของนายฮิโรยูกิติดอยู่ จึงส่งวัตถุพยานไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ พบว่าเป็นเลือดของนายฮิโรยูกิจริง

 ภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไป วันที่ 21 พ.ย. เวลา 09.00 น.


ที่มา ข่าวสด