แถลงข่าว นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ประจำวันพุธที่ 9 ตุลาคม 2556



ทีมข่าว นปช.
9 ตุลาคม 2556


วันนี้เวลา 13.00 น. เริ่มการแถลงข่าว นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ประจำวันพุธที่ 9 ตุลาคม 2556 ที่อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 5




คุณธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกประจำ นปช.ได้กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชน กลุ่มกองทัพประชาชน และกลุ่มกองทัพธรรม รวมถึงพรรคการเมืองที่อยู่เบื้องหลังบางพรรค ซึ่งเราต้องคอยเฝ้ามอง อย่าเข้าไปตกหลุมพรางของพวกเขาที่วางไว้  และขอให้พี่น้องคนเสื้อแดงรักษาวินัย อย่าได้เข้าไปกระทบกระทั่งกัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโกราหลน หรือบุคคลที่สาม เข้ามาสร้างสถานการณ์เกิดขึ้น ตรงนี้จึงขอความร่วมมือไปกับพี่น้องคนเสื้อแดง  อย่าได้ไปในบริเวณนั้นเพราะจะทำให้การแก้ไขสถานการหรือดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงขอให้เป็นความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง

โฆษกประจำ นปช.ยังได้ประชาสัมพันธ์ถึง “เวทีสุภาพชนคนรักประชาธิปไตย” เป็นกิจกรรมที่ทางนปช.จะจัดขึ้นในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ ณ วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป จึงขอเชิญพี่น้องเสื้อแดงไปร่วมพบกัน

อีกทั้งยังได้กล่าวถึง "สดมภ์อนุสรณ์นวมทองไพรวัลย์" ซึ่งถือว่าบุคคลคนนี้เป็นบุคคลที่ต่อสู้คนแรกก็ว่าได้ หลังจากมีการรัฐประหารในปี 49   โดยขับรถชนรถถัง ในวันที่ 30 กันยายน 2549 โดยหลังจากนั้นก็มีนายทหารคนหนึ่งสบประมาท ว่าไม่มีใครยอมตายเพื่อประชาธิปไตย และหลังจากนั้น 1 เดือน คือ 31 ตุลาคม ก็ได้ไปผูกคอตายหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ด้าน อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. กล่าวถึง เหตุการณ์อดีตในเดือนตุลาคม ที่สำคัญที่จะต้องจาลึก เป็นประวัติศาสตร์การต่อสู่ของประชาชน ในแผ่นดินไทย คือ 6 ตุลาคม และ 14 ตุลาคม โดยวันที่ 14 ตุลาคม นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนลุกขึ้นสู้กับทหาร คือมีทั้งพวกอนุรักษ์นิยม และเสรีนิยม รวมกลุ่มก้าวหน้าและล้าหลัง แต่มีการรวมศูนย์อย่างเดียวกันคือการต่อต้านเผด็จการทหาร และเมื่อ 14 ตุลาคมประสบชัยชนะ กลุ่มที่ได้ผลประโยชน์ก็คือ กลายเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยม แต่นั่นก็ทำให้ประเทศมีความก้าวหน้ามาระดับหนึ่ง วีรชนที่เสียชีวิตก็ได้เผาศพที่สนามหลวง เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกก็คือ การปรากฎบบวรเดช พวกที่เสียชีวิต 17 คน ได้เผาที่สนามหลวงเป็นครั้งแรกในฐานะสามัญชน และครั้งที่สองในเหตุการณ์วีรชน 14 ตุลา ซึ่งกำลังจะมีงานในวันข้างหน้าและในวันที่ 13 ตุลาคม ทางคณะผู้จัดงานก็ได้เชิญทางนปช.ให้มาวางพวงมาลาเป็นการไว้อาลัย ฉะนั้นก็ขอเชิญชวนพี่น้องว่า ในวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม เวลา 8.00 น. เป็นต้นไปที่อนุสาวรีย์ แต่ในวันที่ 14 จะมีอีกคณะหนึ่ง ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าผู้จัดงานเป็นตุลาที่เรียกว่า ตุลาเหลือง และทาง 13 ตุลาเป็นตุลาแดง ซึ่งแยกกันจัด

ประธานนปช.ยังกล่าวถึง งานรำลึกวีรชนทุกงาน ต้องมิใช่งานเชงเม้ง แม้กระทั่งลุงนวมทองก็ตาม  เราต้องนำบทเรียนและนำจิตใจที่กล้าต่อสู้กล้าเสียสละของเขาเหล่านั้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ 6 ตุลานั้นมีความเหี้ยมโหดเป็นอย่างยิ่ง เพราะผู้เสียชีวิตนั้นเป็นนิสิตนักศึกษา อยู่ในมหาวิทยาลัย ไม่มีอาวุฒิและก็อยู่ในขอบเขตของมหาวิทยาลัย ไม่ได้ออกมาข้างนอกรบกวนใคร แต่ถูกล้วนจัดการทั้งฆ่า ผู้เสียชีวิตก็มีเป็นจำนวนมากทั้งบันทึกไว้และมิได้บันทึกและจับกุมไป สามพันกว่าคนและสุดท้ายก็เหลือแกนนำ สิบเก้าคนถูกขังไว้หลายปี ซึ่งน่าจะเกินกว่าสองปี จึงมีการนิรโทษกรรมในตอนหลัง และนี้คือ 6ตุลา 19 ซึ่งเกิดตามหลัง 14 ตุลา 16 ฉะนั้นในฐานะอาจารย์เป็นคนในยุคนั้น ซึ่งได้มีโอกาสรวมงานกับพวกเรา ซึ่งเป็นคนร่นปัจจุบัน เป็นนักต่อสู้ อ.ถือว่า คนรุ่น 14 ตุลา 6 ตุลาและวีรชนเหล่านั้นถ้าเขาพูดได้เขาก็จะขอบใจคนเสื้อแดงทุกคน ที่ได้สืบทอดเจตนารมณ์ของการต่อสู้ กล้าเสียสละถ้าไม่มีการต่อสู้ของคนเสื้อแดง วิญาณของวีรชนเหล่านี้ก็จะต้องเหี่ยวเฉาอยู่กับอดีตที่ยังไม่สามารถให้กระบวนการประชาชนนั้นเติบโตได้

ประธานนปช.ยังได้ทิ้งท้ายบทเรียนสั้นๆว่า “บทเรียน 6 ตุลานั้นมันชัดเจนว่า คนได้นำเอาคำว่าชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นที่อ้างว่ามีการแสดงละครหมิ่นแล้วมีการทำให้ วาทะกรรมนี้กลายเป็นความชอบธรรมในการฆ่าคน สังหารอย่างเหี้ยมโหดและป่าเถื่อนในรั้วมหาวิทยาลัย และยิ่งนี้ก็ยังเกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้กระทั่งพระที่สำคัญรูปหนึ่งในยุคนั้น ก็เอ่ยปากว่าพวกในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นคอมมิวนิสต์ เพราะฉะนั้นฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป นี่เป็นวาทะกรรมในช่วง 6 ตุลาที่โด่งดัง เราจึงจะมองเห็นได้ว่า มีการปลุกระดมด้วยความเกียดชัง จนกระทั่งสามารถฆ่าคน แล้วก็ยื่นดูคนถูกฆ่า อย่างหน้าชื่อตาบานได้และสิ่งนี้และได้สืบทอดมาจนกระทั่งเหตุการณ์พฤษภา 35 จนกระทั่งเหตุการณ์เมษา พฤษภา 52 และ53 ที่เรามีดีวีดี ที่พูดถึงยุทธการยิงนกในกรง เพราะหลายคนไม่เขาใจว่า มีการฆ่าคนมือเปล่าได้อย่างไร ทั้งหมดมันมาจากการปลุกระดมให้มีความเกียดชัง โดยอาศัยอุดมการณ์คำว่าชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แล้วถือว่าการฆ่านั้นชอบธรรม”

 อาจารย์ธิดากล่าวต่อว่า  อยากจะฝากต่อสังคมไทยและชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมทั้งหลายที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในอดีตจนถึงปัจจุบันว่า ทุกฝ่ายต้องสรุปบทเรียน แต่ว่าฝั่งท่านก็ต้องสรุปบทเรียนด้วยเช่นกัน ว่าการฆ่าคนเช่นในอดีตมาจนถึงพฤษภา 53 ว่าจะยังเกิดขึ้นได้อีกหรือไม่ และท่านจะทำเช่นนั้นได้อีกหรือเปล่าเพราะว่าเราเชื่อว่า ประชาชนไทยทั้งประเทศ พ.ศ.นี้แตกต่างจากเมื่อปี 19 โดยสิ้นเชิงและแม้กระทั่งปี 53 เพราะประชาชนไทยใน พ.ศ.นี้ มีการตื่นตัวทางการเมืองและมีสติปัญญาเกินกว่าที่พวกอนุรักษ์นิยมสุดขั่ว ได้ทำการเหี้ยมโหดเอาไว้ เพราะประชาชนจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก เป็นเด็ดขาด และเราก็เชื่อว่าท่านไม่อาจอยู่ในสังคมไทยและสังคมโลกอีกต่อไป เพราะฉะนั้นบทเรียนครั้งนี้ควรจะเป็นบทเรียนที่สำคัญของฝั่งระบอบอมาต

ประเด็นต่อมาประธานนปช.ได้กล่าวถึง วันที่ 8 ตุลา ที่มีคนคิดว่ารัฐบาลอ่อนแอที่สุด สิ่งที่ทำได้ที่เราเห็นคือการไปยึดพื้นที่ ที่หน้าทำเนียบ ซึ่งเราก็หวังว่าทางรัฐบาลคงจะแก้ปัญหานี้อย่างเหมาะสม

ประธานนปช.ยังได้กล่าวถึงกรณีของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า สภาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย กับ 40 ส.ว.ที่มีการนัดหมายเช่นกัน ซึ่งจะมีการนัดหมายกันใหม่วันที่ 13 ตุลา ซึ่งวันที่ 8 ตุลาไม่มีอะไรก็หวังกันใหม่ในวันที่ 13 ตุลาจะไปพบกัน ด้านอาจารย์ธิดาได้โต้7 ประเด็นที่กลุ่มเหล่านี้ได้ร่วมตัวกันมีข้อเสนอ คือ

ข้อที่1.ปัญหาระบบรัฐสภา โดยรัฐสภาไทยเป็นศูนย์กลางของวิกฤติการเมือง ประธานนปช.เห็นว่าว่าไม่ใช่เพราะรัฐสภาไทยมาจากการเลือกตั้งของประชาชนไม่ใช่ศูนย์กลางวิกฤติการเมืองแต่จะเป็นศูนย์กลางการแก้ไขวิกฤติการเมืองและตัวที่ทำให้เกิดวิกฤติไม่ใช่รัฐสภาไทย ไม่ใช่ประชาชนไทยแต่เป็นพวกชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมสุดขั่วที่สิงสถิตในที่ต่างๆทั้งในระบบและนอกระบบและในพรรคการเมืองในอนุรักษ์นิยม

2. พรรคการเมืองกลายเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ เห็นว่าก็อาจจะใช่ เพราะมีบางพรรค เช่นพรรคแมลงสาป

3.รัฐสภาถูกคุกคามอำนาจทางการเมืองจากฝ่ายบริหารที่เข้ามาแทรกแซง  ซึ่งเห็นกันว่ามันตรงข้ามเพราะมีแต่รัฐสภา และฝ่ายบริหารถูกองค์กรอื่นแทรกแซง

4.บทเรียนจากกลุ่ม 40 สว.ยืนยันว่าเสียงข้างมากไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ให้ประชาชนอย่างชัดเจน และเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น ประธานนปช.ตั้งคำถามกลับว่าอย่างถามว่าแล้วเสียงข้างน้อยปกป้องผลประโยชน์ของใคร อย่าบอกว่าปกป้องประชาชน ซึ่งกลุ่ม 40 ส.ว.ล้วนทำการขัดขวางผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้น

ความสมดุลของข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำที่เสียไป เห็นได้จากข้าราชการประจำเกิดความกลัว ไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานกับคณะกรรมาธิการ ซึ่งอยากจะบอกว่าข้าราชการประจำเขาไม่ได้กลัวฝ่ายการเมืองแต่เขากลัวการเมืองนอกระบบซึ่งเป็นฝ่ายที่คงทนถาวรเพราะการเมืองมาแล้วก็ไป
แต่ทั้งนี้ประธานนปช.เห็นด้วยกับข้อที่ว่า  “ข้อบังคับการประชุมรัฐสภาควรมีการปฏิรูปใหม่” เพราะเห็นว่าไม่ใช่ให้ใครมาลากคอ ลากเก้าอี้ โยงเก้าอี้ เพราะฉะนั้นข้อบังคับการประชุมรัฐสภาควรจะมีใหม่ เพื่อไม่ให้มีการกระทำแบบที่แล้วมา

ข้อสุดท้าย วาระการดำรงตำแหน่งของ สส. 4 ปี และ สว. 6 ปียาวเกินไป ประธานนปช.ได้ตั้งคำถามถึงศาล และองค์กรอิสระที่มีวาระ ครั้ง 8 ปี 9 ปี ตาหากที่ยาวเกินไป

ประธานนปช.ยังทิ้งท้ายไว้ว่า เราก็หวังว่า รัฐบาลนี้ก็ควรจะแก้ปัญหาไปได้ และอยากให้รัฐสภาไทยนั้นเดินหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมตรา 68 มาตรา 190 มาตรา 237และมาตราที่สำคัญ คือ309 หรือดำเนินการวาระ3 มาตรา 291 ไปเลย


ต่อมาด้านคุณจตุพร แกนนำนปช. ได้ลำดับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เพื่อให้พี่น้องได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน ในกรณีมติของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลายคนฟังแล้วเรื่องการแก้ไขที่มาของสว.ที่มีการยื่นอยู่หลายคำร้อง ซึ่งวันนี้ ศาลรธน.ได้วินิจฉัยไม่รับคำร้องที่มาของสว.กรณีขัดรธน.มาตรา 154 กรณีขัดได้ให้เหตุผลว่าเนื่องจากเหตุไม่ได้เป็นพระราชบัญญัติ ซึ่งในกรณีเราก็ได้พูดมาตั้งแต่ต้นว่าศาลรธน.นั้นมีสิทธิ์จะวินิจฉัย ประเด็นขัดหรือไม่ขัดรธน.นั้นได้เฉพาะพระราชบัญญัติประกอบรธน.เรียกว่ากฏหมายลูกหรือพระราชบัญญัติธรรมดา ถ้าเป็นกฏหมายลูกต้องยื่นโดยอัตโนมัติ ถามว่าทุกอย่างจบแล้วหรือยัง บอกว่ายังไม่จบเพราะหัวใจจริงๆนั้นคือการยื่นตามมาตรา68 ว่าการแก้ไขที่มาของสว.ต้องมาจากการเลือกตั้ง 200 คนทั่งประเทศและให้สว.ที่มาจากการแต่งตั้ง 73 คนพ้นจากตำแหน่ง หลังจากที่ได้สว.มาจากการเลือกตั้งครบทั้ง200คนแล้วว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามมาตรา68 นี่ยังไม่มีการวินิจฉัยอีกแต่ว่าสาระจริงๆนั้นต้องให้ติดตามดู


อีกทั้งคุณจตุพรยังได้กล่าวถึง เมื่อวานนี้ที่หลักโหราศาสตร์บอกว่าเป็นวันที่ดวงรัฐบาลดวงนายกตกด้วยศูนย์ ก็เป็นวันเดียวกันที่ศาลตุลาการรัฐธรรมนูญเลือกศาลตุลาการัฐธรรมนูญคนใหม่ชื่อนายจรูญ อินทจาร ซึ่งเป็นตัวละครอยู่ในคลิป

ที่ไปต่อสู้เรื่องคดีตัดต่อกรณีมีภาพโพสเข้าไปในยูทรูปเรื่องการโกงข้อสอบของเจ้าหน้าที่ศาลรธน. เป็นคนที่พูดว่าเมื่อมีเหตุถูกบันทึกในห้องประธานศาลรธน.เก่าเรื่องใครไปแจกข้อสอบให้กับใคร
และต่อมาเมื่อข่าวนี้หลุดที่พรรคเพื่อไทยในเวลานั้นก็ไปประชุมใหม่และถูกถ่ายอีกที ทีนี้ก็มาแก้ตัวก็บอกให้ยืนสู้ว่าใช้วิธีตัดต่อแบบที่นายกอภิสิทธิ์ฟ้องไอ้ตู่มัน แต่ตู่เรียกอภิสิทธิ์นายกอภิสิทธิ์ เพราะฉะนั้นวันที่8 วันโลกาวินาศก็เป็นวันเดียวที่ได้เลือกประธานศาลรธน.ใหม่

ถามว่ากองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณซึ่งหายไปจากจอเรด้าเป็นระยะเวลานานได้โผล่มาอีกทีที่หน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น เค้าก็เอาฤกษ์วันนี้เข้าไปยึดหน้าทำเนียบรัฐบาลเพราะพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเค้าจะใช้คนไม่มากและเป็นจุดของการไหลคนเข้ามาอย่างง่ายดาย หลายคนมีการประเมินว่าคนจำนวนไม่มากแต่ว่ามือที่สาม เท้าที่สี่นี่จะผสมโรงได้ง่ายเพราะสถานการณ์มันเป็นแอเรียที่มีพื้นที่มีอนาเขตที่ชัดเจน และรัฐบาลเองก็แก้ไขเรื่องนี้ปัจจุบันทันด่วน

โดยประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงในราชอาณาจักรระหว่างวันที่ 9 ถึง 18 ตุลาคมเนื่องจากว่าระหว่างวันที่11 ถึงวันที่13 ตุลาคมนั้นผู้นำของประเทศจีนเค้าเป็นแขกบ้านแขกเมืองของรัฐบาลไทยและคนไทยเค้าต้องเดินทางมาทำเนียบรัฐบาล และประเทศไทยไม่มีหน้าที่เอาสันติอโศกเอาบรรดากองทัพที่ว่านี้เป็นเครื่องต้อนรับผู้นำของประเทศจีน คือผู้นำจีนจะตกใจมากถ้าเจอพวกนี้ไปรอรับกันอยู่ พวกเค้าก็มีความคิดกันว่าเอาฤกษ์ดาวโจรเนี่ยตั้งต้นวันที่ 8 แล้วก็ให้คนไหลมาๆแล้วก็จะนำไปสู่การปิดล้อม
อย่างที่ว่าเรียงตามลำดับ เพราะฉะนั้นต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่คิดอ่านกันเมื่อประกาศใช้พรบ.ความมั่นคงแล้วก็คงจะต้องใช้วิธีตามกฏหมายทุกประการ

คุณจตุพรยังได้กล่าวย้ำว่า สำคัญที่สุดก็คือว่าเราจะประมาทอะไรไม่ได้เลย เราอย่าคิดว่าเขาไม่ทำอะไรเหมือนกับกรณีกับการแก้ไขรธน.ที่มาของสว.ปล่อยมาตรา154 ก่อนหน้านี้ปล่อยให้งบประมาณก่อนซึ่งมันไม่ผิดตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แล้วก็มาปล่อยประเด็นมาตรา154เรื่องการขัดรธน.หรือไม่ซึ่งก็ไม่มีอำนาจมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่เหลือมาตรา68ซึ่งมีอำนาจยุบพรรค ตัดสิทธิ์ ดำเนินคดีทางอาญา

ศาลกำหนดต่อสมาชิกทั้งสภาผู้แทนฯและวุฒิสภา 312 คน ก็คือ 310 บวก 2 ประธาน เพราะฉะนั้นการที่เขาวางเป้านัดหมายใหญ่เหมือนกันในวันที่ 13 นั้นทำให้เราเองมองสถานการณ์แบบนี้เราก็จะประมาทไม่ได้ดูเสมือนง่ายได้ เค้าเอาหมัดเดียว รอจังหวะเดียวเท่านั้น

เพราะฉะนั้นในกระบวนการนี้ของพวกเราเห็นว่าในส่วนของคนเสื้อแดงก็ยังเตรียมตัวอยู่ในฐานที่มั่นเหมือนเดิม วันที่ 12 ก็ไปร่วมเวทีปราศรัยสุภาพชนคนรักประชาธิปไตยที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ไม่ต้องไปกันให้มากนะครับ อยากให้พวกนั้นเห็นว่านี่ ขนาดเวทีเล็กที่สุดของคนเสื้อแดง ก็ขอเชิญพี่น้องโดยทั่วกันเวลา 4 โมงเย็น

คุณจตุพรกล่าวต่อว่า ผมต้องเรียนกับท่านทั้งหลายว่าสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้ซึ่งอยู่ในช่วงของปลายฤดูฝนกำลังจะเข้าต้นฤดูหนาวถ้าฝนยังตกแบบนี้อยู่ก็ยังสบายๆ เพราะความอดทนเรื่องฝนมันไม่ค่อยถูกกับไอ้พวกใบกระท่อมเท่าไหร่นัก ผมเองก็ต้องการให้เห็นว่า ถ้าคนเหล่านี้อยู่ในเวทีเดียวกันนั้นจะมีจำนวนเท่าไหร่ เพราะบางคนวันเสาร์ไปผ่าความจริง วันอาทิตย์ไปหน้ากากขาว วันจันทร์มาเป็นกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณมี 3 เครื่องแบบ 3in1 และที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือว่าความกดดันต่างๆหลังจากคดีไต่ส่วนคดีพลิกศพได้เสร็จสิ้นตามลำดับนั้น

แน่นอนที่สุดอภิสิทธิ์กับสุเทพเป็นจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลในคดีนี้ ทำให้สถานการณ์ต่างๆนั้นมันบีบรัดเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นภาระทั้งหมดนั้นคือการโค่นล้มระบอบประชาธิปไตย
อย่างที่ผมได้เรียนให้พี่น้องฟังหลายครั้งว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์สำแดงออกในการประชุมสภาฯ

 เค้าไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งใหม่ เค้าไม่ได้เรียกร้องให้มีการยุบสภาเพราะยุบสภาถ้ามีการเลือกตั้งเขาก็แพ้อีกและก็จะแพ้หนักกว่าเดิม เพราะฉะนั้นเป้าของเขาก็คือการล้มและไม่มีการเลือกตั้ง ไอ้การหวังยุบพรรคซีกนี้เหมือนเดิมเสร็จแล้วตัวเองไปจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารกันอีกต่อให้จัดตั้งในค่ายไหนให้รู้ไว้ค่ายนั้นก็ไม่มีแผ่นดินอยู่ เพราะคนไทยเขาจะไม่ทนกันอีกแล้วเพราะฉะนั้นวิธีที่เขาจะได้ตีไผ่กันเวลาก็คือว่าใครก็ได้ที่เข้ามามีอำนาจที่ไม่ใช่รัฐบาลนี้และไม่ใช่มีการเลือกตั้งในขณะนี้ เมื่อการเล่นเกมส์การเมืองในลักษณะคนกำลังจนตรอก เมื่อข้าไม่ได้เอ็งก็อย่าได้แล้วก็พาไปล้มกระดานนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวัง ในวังวนพรรคประชาธิปปัตย์จะปฏิรูปพรรคอะไรก็ปล่อยไปเถอะพี่ชายก็เรียกร้องให้มีการปฏิรูปพรรคไอ้ข้างแว่นก็ยังนั่งอยู่ในสภาอยู่เลยน้อง ยังไงก็ดูๆกันไปเพราะนี่มันเป็นเกมส์การเมืองที่เขาจะต้องว่ากันใหม่ คือถ้ามันเป็นทิศทางที่พอจะเห็นว่าเบียงเบนเขาจะต้องอย่างนั้นเขาจะต้องอย่างนี้นิสัยมันแก้ได้แต่สันดานคน 66 ปีมันแก้ยาก

เพราะฉะนั้นเรายังมีอีกหลากหลายขั้นตอนที่เราจะต้องไปเจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในศาลรธน.ซึ่งยังไม่จบและเรื่องที่อยู่ในปปช.บวกกับการชุมนุมอยู่ข้างนอกเพื่อรอเวลา จนกระทั่งเดือนตุลาคมเราก็จะไปเจอคดีเขาพระวิหารบนศาลโลกกันต่อและรัฐบาลชุดนี้ก็จะถูกปรักให้เป็นแพะรับบาป และคนที่ปรักไม่ใช่ใครก็ไอ้พวกที่ไปเป็นชะนวนจนทำให้ประเทศไทยต้องเข้าถึงจุดสุ่มเสี่ยงของการเสียดินแดนเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตร พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นตัวการที่สำคัญนั้นแต่ตัวการที่ทำให้เกิดเรื่องอยู่ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่จะผลักให้รัฐบาลรับไปเต็มๆ เหมือนสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช สมัยสมัครไอ้พวกนี้มาด้วยรัฐธรรมนูญพอ

รธน.ตก เหลือเรื่องเขาพระวิหารมันปลุกจนกระทั่งคนไทยสมองเสื่อมว่าประสาทเขาพระวิหารคนไทยยังไม่ได้เสียให้กับกัมพูชาทั้งที่เสียมาตั้งแต่ปี2505

เพราะฉะนั้นสภาพการขนาดนี้ที่พยายามจะปลุกกันเราจึงประมาทไม่ได้ดูเสมือนหนึ่งว่าเขาไม่ได้มีกำลังอะไร แต่ถึงเวลาจุดที่มีการตะลุมบอนกันนั้นใครก็จะระดมกันได้ พูดง่ายๆว่าใครก็พร้อมที่จะลงทุนเพื่อการโค่นล้มระบอบนี้ ดังนั้นทางนปช.ที่ท่านอ.ธิดา ได้วางเอาไว้

เรื่องโรงเรียนการเมืองวันที่ 27 ตุลาคม ที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เรื่องของการดูแลความสงบถือให้เป็นหน้าที่ของตำรวจนครบาล เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าหลังจากประกาศใช้พรบ.ความมั่งคงในวันนี้ก็จะเกิดผลหลายอย่าง แต่ทั้งหมดนั้นรัฐบาลชุดนี้จะทำอะไร  ก็ตามจะไม่ทำเหมือนรัฐบาลชุดที่แล้ว