เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 20 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.ถึงการหารือของฝ่ายต่างๆ ในเวทีสภาปฏิรูปการเมือง ซึ่งรัฐบาลจะเปิดเวทีหารือครั้งแรกในวันที่ 25 ส.ค. นี้ ว่า ขณะนี้ยังมีเวลาเหลือจนกว่าจะเปิดเวที จึงอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ทบทวนท่าทีของตัวเอง แม้จะยืนยันไม่เข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูปการเมืองในเวลานี้ ก็ควรเสนอสรุปสาระหรือประเด็นให้สังคมรับทราบว่าการปฏิรูปการเมืองในมุมของพรรคประชาธิปัตย์ คืออะไร แล้วมีรูปแบบที่เป็นรูปธรรมที่จะคลี่คลายวิกฤติความขัดแย้งของประเทศไทยที่มียาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 7 ปี อย่างไร และควรจะนับหนึ่งตรงไหน และจะไปสิ้นสุดปลายทางที่เส้นชัยอย่างไร
เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์จงใจอธิบายว่าสาเหตุความขัดแย้งเกิดจากรัฐบาลผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริงดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ควรอธิบายถึงรากเหง้าของความขัดแย้งและอธิบายด้วยว่าการเดินเกมทั้งในและนอกสภาของสมาชิกพรรคจะตอบโจทย์ความขัดแย้งได้อย่างไรเพราะตนเห็นว่าเป็นประโยชน์มากกว่าการเดินสายเชิญชวนประชาชนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้วางแผนโค่นล้มรัฐบาล หากการโค่นล้มรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์หมายถึงการจัดการด้วยวิธีการนอกระบบและสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารเท่ากับพรรคประชาธิปัตย์กำลังขยายวิกฤตและซ้ำเติมความขัดแย้งของประเทศซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
สำหรับการเข้าร่วมของฝ่ายอื่นในเวทีปฏิรูปการเมือง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ในส่วนของนปช. จะมีนางธิดา โตจิราการประธานนปช. เป็นตัวแทนเข้าร่วม
ส่วนการเชิญอดีตผู้นำระต่างดับโลก อาทิ นายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ร่วมเวทีปาฐกถาพิเศษ ในวันที่ 2 ก.ย.นี้ ตนอยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกลูกพรรคให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้งบประมาณในการจัดงานดังกล่าวได้แล้ว เพราะกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่าผู้นำที่เดินทางมาร่วมงานไม่ได้คิดค่าตอบแทนหรือค่าตัวแต่อย่างใด
ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์และลูกพรรคพูดแสดงความเห็นจนประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและสร้างความเสียหายให้กับอดีตผู้นำประเทศที่จะเดินทางมาที่เข้าไม่ได้เรียกร้องค่าตอบแทนอีกทั้งนายโทนี่ แบลร์ ซึ่งเป็นอดีตผู้นำอังกฤษเท่ากับเป็นอดีตผู้นำของนายอภิสิทธิ์ ดังนั้นการไปสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่สมควรตนจึงเป็นห่วงว่าหากคนอังกฤษทราบข่าวก็กล่าวหานายอภิสิทธิ์ว่าเสียชาติเกิดได้เพราะเกิดที่นั่นแล้วยังอธิบายข้อเท็จจริงบิดเบือน
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สำหรับการทำหน้าที่ในสภาของส.ส.ควรยึดสาระและเหตุผลเป็นหลัก ให้เหมาะสมกับเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างสง่างาม การใช้วิธีเล่นการดึงรั้ง ถ่วงเวที หรือแสดงอาการต่างๆ นั้น อยู่ในสายตาประชาชน ดังนั้นควรรักษาศรัทธาต่อระบบรัฐสภาไว้ด้วย เพราะการอภิปรายโดยไร้สาระแต่มากด้วยเทคนิคชั้นเชิงทางการเมือง จะทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย ส.ส.มีสิทธิ์อภิปรายเรื่องงบประมาณ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะเห็นเรื่องที่เหมาะสมในการอภิปรายเช่นกัน
