16 สิงหาคม 2556
วันที่ 14 สิงหาคม 2556 นพ.เหวง โตจิราการ ได้ยื่นหนังสือขอแปรญัตติ ในมาตรา 3 “โดยเปลี่ยนข้อความเดิม จาก ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พศ.2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 ให้เป็น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พศ.2548 ไปจนถึง วันที่ ประกาศพระราชบัญญัติฉบับนี้ในราชกิจจานุเบกษา”
ด้วยเหตุผล สามประการดังต่อไปนี้
1.เป็นการแสดงความ จริงใจ และบริสุทธิ์ ใจในการนิรโทษให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มการเมือง ทุกสีเสื้อ ทุกความเห็นทางการเมือง ไม่ว่าผู้ใด ที่ได้กระทำความผิดทางอาญาอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับอานิสงส์ จากการนิรโทษกรรม
ก็คือทุกกลุ่มก่อนรัฐประหาร 19กันยายน2549 ซึ่งมีทั้งพวกเสื้อเหลืองพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มต่อต้านรัฐประหาร และกลุ่มคนรักทักษิณ ทั้งหมดทุกกลุ่ม
รวมไปถึง การชุมนุมในปัจจุบันหรืออนาคตอันใกล้ ของ กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “กองทัพประชาชนเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ” หรือ พวก “เสนาธิการร่วม” หรือ “พวกหน้ากากขาว” หรือพลพรรคประชาธิปัตย์ที่ อาจจะออกมา โค่นล้ม สร้างความวุ่นวายทางการเมือง ในช่วง พิจารณาพรบ.นิรโทษหรือ พรบ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ พรบ.2ล้านล้าน ไปจนถึงวันประกาศในราชกิจจาฯจะได้รับอานิสงส์ทั้งสิ้น
เป็นการลบล้างข้อครหา หรือการใส่ร้ายป้ายสีว่า นิรโทษเฉพาะ พวกคนเสื้อแดง ซึ่งส่วนใหญ่ อยู่ในห้วงเวลา 19กันยายน2549 จนถึง 10พฤษภาคม2554
2.เพื่อตอบ คำถามของพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มอื่นๆ ที่กล่าวหาว่า พรบ.นิรโทษเลือกปฏิบัติ เมื่อขยายกรอบเวลาให้กว้างเช่นนี้แล้ว การกล่าวหาเช่นนี้ก็ ตกไปโดยสิ้นเชิง
3.เพื่อทำให้ การโต้แย้งที่กล่าวว่า พรบ.นิรโทษ ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ที่ต้อง เป็นการบังคับใช้เป็นการทั่วไป ในเมื่อหลักการ ต้องการ ให้ประชาชน ที่ต้องโทษทางอาญาอันเนื่องมาจากการขัดแย้งทางการเมืองได้รับนิรโทษ เราก็ทำเสียให้ครอบคลุมให้ครบถ้วน ในห้วงการต่อสู้ทางการเมือง ในระยะที่พวกอนุรักษ์นิยมจารีตนิยมตระเตรียมการรัฐประหารเป็นต้นมา แต่ดังที่ได้กล่าวยืนยันมา หลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็ยัง ยืนยันว่า พรบ.นิรโทษฉบับนี้
ไม่ได้นิรโทษให้แกนนำทุกฝ่าย รวมทั้งรัฐบาลอันได้แก่นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ นายสุเทพเทือกสุบรรณ รวมไปถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่วางแผนร่วมกับศอฉ.ในการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนด้วย
ทั้งนี้พรบ.ฉบับนี้ เป็นภาคขยายหรือทางเลือก ของพรก.ของนปช.ที่มุ่งมั่นในการ หยุดการรัฐประหาร และหยุดการฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมืองโดยทหารที่ใช้อาวุธสงครามไม่ให้เกิดในสังคมไทยอีกต่อไป
จึงตั้งใจเขียนไว้ในวรรคสองว่า “ความในวรรคต้นไม่รวมถึง บรรดาผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจหรือสั่งการในการเคลื่อนไหว” ซึ่งข้อความชัดเจนในตัวครับว่า แกนนำทุกกลุ่ม นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ นายสุเทพเทือกสุบรรณ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ร่วมวางแผนปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนด้วยอาวุธสงครามไม่ได้รับนิรโทษครับ
นพ.เหวง โตจิราการ 16 สค.56 16.20น.
