ทบ. แจงอย่าด่วนสรุปศาลชี้จนท.ทหารยิงสังหาร 6 ศพวัดปทุมฯ - ลั่นกองทัพพร้อมพิสูจน์ต่อ

ข่าวสด
6 สิงหาคม 2556

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดี 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม ว่า ซึ่งศาลมีคำสั่งว่า ถูกยิงจากอาวุธปืนซึ่งวิถีกระสุนมาจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ ตามที่สื่อได้นำเสนอไปนั้น  อย่าเพิ่งด่วนสรุปเป็นแค่กระบวนการไต่สวนฯ  และยังไม่มีการพิจารณาดำเนินคดีอาญา  ถ้าจะมีการพิจารณากันจริงๆ จะต้องอาศัยองค์ประกอบทางด้านพยานหลักฐานอีกมากมายหลายขั้นตอน  ไม่ว่าจะเรื่องคราบเขม่าดินปืนที่ปรากฏที่มือของผู้ตายบางคน ผลการตรวจก็ยังขัดแย้งกันอยู่คงต้องพิสูจน์กันต่อไป  กรณีมีหรือไม่มีชายชุดดำก็ต้องไปดูที่พยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกที เพราะสังคมทราบดี  อาวุธปืนที่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมปล้นยึดไปก็ถูกตรวจพบอยู่ในวัดฯ เมื่อ 20 พ.ค.53  ซึ่งช่วงนั้นโดยเฉพาะในขณะที่มีการเสียชีวิต  เจ้าหน้าที่ทั้งทหาร และตำรวจเองก็ยังไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้   กำลังพลของกองทัพบก คงไม่ต้องวิตกกังวล กองทัพบกขอยืนยันว่าจะใช้แนวทางด้านกฏหมายตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้อย่างดีที่สุด  สำหรับกรณีคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต  ทางกองทัพบกได้มีการทวงถามติดตามความคืบหน้าเรื่องคดีฯ กับเจ้าพนักงานที่รับผิดชอบอยู่ตลอดด้วยเช่นกัน

 ก่อนหน้านี้ เวลา 09.30 น. วันที่ 6 ส.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอ่านคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพคดีหมายเลขดำที่ ช.5/2555 ที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องให้ศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพการตายของนายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้ตายที่ 1 นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ตายที่ 2 นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้ตายที่ 3 นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี อาชีพพนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน ผู้ตายที่ 4 น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี อาชีพพยาบาลอาสา ผู้ตายที่ 5 และนายอัครเดช ขันแก้ว อายุ 22 ปี อาชีพรับจ้าง ผู้ตายที่ 6 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 น่าเชื่อว่าเป็นการตายที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ขอให้ศาลทำการไต่สวนและมีคำสั่งแสดงว่าผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน ตายเมื่อใด เหตุและพฤติการณ์ที่ตายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150

 ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องและญาติผู้ตายทั้ง 6 อันประกอบด้วยประจักษ์พยาน พยานแวดล้อมกรณี และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ตายที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 ถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 มม. จากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ ที่ประจำการอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส และผู้ตายที่ 2 ถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 มม. จากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ที่ประจำการอยู่บนถนนพระรามที่ 1

 จึงมีคำสั่งว่า ผู้ตายที่ 1 คือนายสุวัน ศรีรักษา ผู้ตายที่ 2 คือนายอัฐชัย ชุมจันทร์ ผู้ตายที่ 3 คือนายมงคล เข็มทอง ผู้ตายที่ 4 คือนายรพ สุขสถิต ผู้ตายที่ 5 คือ น.ส.กมนเกด อัคฮาด  ผู้ตายที่ 6 คือนายอัครเดช ขันแก้ว ถึงแก่ความตายในวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 เวลากลางวัน เหตุและพฤติการณ์ที่ตาย สืบเนื่องมาจากถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .223 หรือ 5.56 มม. ซึ่งวิถีกระสุนปืนยิงมาจากเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หน้าวัดปทุมวนารามราชวรวิหารและบริเวณถนนพระรามที่ 1 ซึ่งเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. เป็นเหตุให้ผู้ตายที่ 1 มีบาดแผลกระสุนปืนทะลุปอดและหัวใจ เสียโลหิตปริมาณมาก ผู้ตายที่ 2 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด ผู้ตายที่ 3 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด หัวใจ ตับ ผู้ตายที่ 4 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด ตับ ผู้ตายที่ 5 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง ผู้ตายที่ 6 มีบาดแผลกระสุนปืนทะเข้าใจช่องปาก โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการอ่านคำสั่ง ศาลกล่าวสรุปประเด็นให้ผู้ที่เข้าร่วมฟังด้วยว่า 1.เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานทหาร 2.ผู้ตายทั้ง 6 ไม่มีคราบเขม่าดินปืนที่มือทั้งสองข้าง แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนมาก่อน 3.การตรวจยึดอาวุธในวัดปทุมวนาราม ไม่น่าเชื่อว่ามีการตรวจยึดจริง และ 4.กรณีชายชุดดำ ไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยศาลมีคำสั่งให้นำคำสั่งนี้ส่งต่อให้พนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150