ทีมข่าว นปช.
1 สิงหาคม 2556
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม เวลา 18.00 น. อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.แดงทั้งดิน และ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้รับการเชื้อเชิญให้ไปร่วมงานฉลองวันชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่โรงแรมสวิส โซเทล ปาร์ค นายเลิศ โดยมีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
โดย นางคริสทีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ได้ขึ้นกล่าวเปิดงานโดยมีเนื้อหาดังนี้
"ดิฉัน ขอสวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่ได้มาร่วมงานกับเราในช่วงเย็นของวันนี้ เพื่อเฉลิมฉลองงานวันชาติของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 722 ปี และสวิตเซอร์แลนด์ตั้งอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างแปลกเพราะเป็นประเทศที่จำเป็นต้องใช้ถึง 4 ภาษาในการสื่อสารระหว่างกัน
หลังจาก 722 ปีของการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของชนชาติทั้ง 4 ภาษานี้ ทำให้เราซึมซับวัฒนธรรมของกันและกัน ดังเช่นเสื้อผ้าและความเป็นอยู่ และจนถึงปัจจุบันเราก็ยังคงใช้ 4 ภาษานี้อยู่
แต่ไม่ว่าเราจะอยู่กลุ่มภาษาไหนก็ตามเราก็ยังคงสืบสานความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นภาษาท้องถิ่นในสวิตเซอร์แลนด์ (โรแมช) หรือภาษาเยอรมัน อิตาเลี่ยน และฝรั่งเศสก็ตาม มันอาจจะง่ายกว่าสำหรับคนที่อยู่ในเมืองเจนีวา ที่จะพูดคุยกับคนฝรั่งเศสในปารีส มากกว่าคนที่อยู่ในเมืองเบิร์น ....
เราคนสวิสเองยังถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่าพวกเรามีอะไรเหมือนกันบ้างนอกจากพาสปอร์ตที่เราใช้เหมือนกัน แต่เราต่างก็บอกตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่าสาเหตุที่เราอยู่รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ เพราะเราทุกคนเชื่อมั่นในความสามัคคี ทัศนคติโดยทั่วไปของคนสวิสสามารถที่จะสรุปได้ด้วยประโยคนี้ "มีเอกภาพ แต่ไม่ได้เป็นเอกรูป"
ความเป็นเอกภาพนี้ ทำให้เราแข็งแกร่งพอที่เราจะสามารถยึดมั่นในสันติภาพ ความเคารพในสิทธิมนุษยชนและความช่วยเหลือสำหรับคนที่ไร้ที่อยู่อาศัยและผู้อพยพต่างๆ ... เรายังจำได้ว่ามันเป็นความยากลำบากกว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะได้มาด้วยซึ่งความเป็นประชาธิปไตย
เราจึงหวังว่าประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในความยากลำบากและการหาความสมานฉันท์นี้ ซึ่งจะเป็นรากฐานไปสู่สันติภาพในอนาคตในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาการประชุมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้เพิ่มมิตรภาพระหว่างประเทศของเราทั้งสองซึ่งมีมาอยู่นานแล้วมากขึ้น...
มีความเป็นไปได้ที่ความสัมพันธ์และศักยภาพทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของเราจะขยายใหญ่ขึ้นในอนาคต ทั้งประเทศไทยและสวิตเซอร์แลนด์ต่างก็เป็นประเทศที่มีความสามารถในการปรับตัวและมีความหลากหลายทางเศรษฐกิจและนอกเหนือจากความคล้ายคลึงกันนี้ เรายังมีความสนใจในโครงการต่าง ๆ ของประเทศที่เหมือนกัน
ในขณะนี้ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการขนส่งมวลชน ขณะที่ทางประเทศสวิตเซอร์แลนด์เอง ก็กำลังสร้างอุโมงค์ทางรถไฟเพื่อที่จะทะลุผ่านเทือกเขาเอลป์ เพราะมีความประสงค์ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของรถไฟให้รับน้ำหนักของสินค้าได้มากขึ้นเป็นสองเท่า และมีความรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม อุโมงค์สองอุโมงค์นี้จะแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2017 และจะกลายเป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในยุโรป มีความยาวถึง 57 กิโลเมตร และจะยอดขนส่ง จะรวมเป็น 90 เปอร์เซ็น ของสินค้าทั้งหมดในประเทศสวิส นอกจากนี้เรายังมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อนรับท่านนายก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการเยือนประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในอนาคต"