เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับภาคประชาชนว่า พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยและยินดีที่มีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชน เพราะเนื้อหามีความน่าสนใจ แต่พรรคเพื่อไทยมีมติสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยแล้ว จึงต้องยืนยันในหลักการเดิม แต่เชื่อว่าเมื่อถึงขั้นตอนของการพิจารณาเนื้อหา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม น่าจะมีการนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับอื่นๆ มาพิจารณาร่วมด้วย แต่การตั้งต้นพิจารณาขณะนี้ต้องใช้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัยก่อน ส่วนจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เข้าพิจารณาเป็นวาระแรกทันทีที่เปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปในเดือน ส.ค.หรือไม่นั้น ต้องรอหารือระหว่างคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และส.ส.ก่อน เพราะขณะนี้ยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ แต่ยืนยันว่าจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมโดยเร็วที่สุด หลังเปิดสภาฯ เพียงแต่ความรวดเร็วนั้นต้องไม่กระทบต่อการดำเนินการหลักของรัฐบาล
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าทันทีที่ภาคประชาชนเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็รีบสนับสนุนทันที ไม่รู้ว่าเป็นการตอบรับแบบหวังผลทางการเมืองหรือไม่ และไม่ทราบว่านายอภิสิทธิ์ได้คุยกับคนในพรรคแล้วหรือยัง เพราะจุดยืนของคนในพรรคประชาธิปัตย์หลายคนยังเห็นแตกต่างกันอยู่ อย่ารีบหาคะแนนโดยการสนับสนุนพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชน เพราะคนเสื้อแดงทราบดีว่า เหตุการณ์สลายชุมนุมปี 53 จะไม่เกิดขึ้น ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่ประกาศ พ.ร.กฉุกเฉินฯ แล้วยิงใส่ประชาชน
นายอนุสรณ์ กล่าวถึงความพยายามดิสเครดิตวงการข้าวไทยของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนตั้งคำถามและรอท่าทีพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อไรจะหยุดการดิสเครดิตข้าวไทย อยากวิงวอนประชาชนที่กดแชร์ข้อมูลในทางที่ส่งผลเสียต่อข้าวไทย อาจตกเป็นผู้กระทำผิดในการส่งข้อมูลที่ยังไม่มีการตรวจสอบ ซึ่งโอกาสในการแก้ตัวหรือขอโทษไม่ได้มีเหมือนกันทุกคนเหมือนกับนายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรชื่อดัง ดังนั้นจึงขอให้ไตร่ตรองการส่งต่อข้อมูลก่อน อาจเป็นความผิดแบบไม่น่าอภัย เพราะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของตลาดข้าวไทย คงเป็นเรื่องน่าเสียใจ หากทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะตกเป็นเหยื่ออุปทานหมู่ทำลายข้าว ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นประเมินค่าไม่ได้
นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวบนเวทีการเมืองกับอนาคตประเทศไทยระบุรัฐบาลกำลังบิดเบือนกระบวนการประชาธิปไตย และมีการส่งคนไปปลุกระดมต่อต้านองค์กรอิสระที่ตรวจสอบรัฐบาลว่า นายอภิสิทธิ์พูดเรื่องกระบวนการประชาธิปไตยไม่ได้ พูดแล้วเข้าเนื้อ เพราะผลงานในอดีตเห็นชัดเจนทั้งการบอยคอตเลือกตั้ง การตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร การใช้กระสุนจริงยิงประชาชน หากจะมอบรางวัลผู้นำจอมเผด็จการ นายอภิสิทธิ์คือตัวเต็งที่จะได้รางวัล ส่วนที่ประชาชนไปแสดงท่าทีต่อองค์กรอิสระ เป็นสิ่งที่ทำได้ หากการกระทำดังกล่าวไม่เกินกรอบกฎหมาย ไม่ไปละเมิดสิทธิหรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยบิดเบือนกระบวนการประชาธิปไตย และใช้มวลชนไปกดดันองค์กรอิสระ ขณะนี้รัฐบาลเหลือเวลาอีก 2 ปี ขอให้เอาเวลาไปคิดนโยบายมาแข่งกับพรรคเพื่อไทยดีกว่า จะได้ไม่แพ้ซ้ำซาก
นายอนุสรณ์ กล่าวถึงนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงการไปเยี่ยมเยียนหมู่บ้านเสื้อแดง จ.ขอนแก่นว่า เป็นการใช้เฟซบุ๊กหาเศษหาเลยทางการเมือง สร้างภาพให้ตัวเองดูดี ทั้งที่การเดินทางไปครั้งนี้ต้องการใช้ชาวบ้านกล่าวหารัฐบาล หรือเข้าไปล้วงข้อมูลว่า มีการให้อามิสสินจ้างในการเดินทางไปชุมนุมหรือไม่ แต่คนเสื้อแดงรู้ทัน การที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ก็ไม่ใช่เป็นการต่อต้านการไปสร้างมิตรภาพ แต่การที่นายกรณ์โกหกว่า ชาวบ้านให้เสื่อมาผืนหนึ่ง ทั้งที่ไปซื้อมาจากชาวบ้าน ถือเป็นนาธานการเมือง ยืนยันรัฐบาลนี้อยู่ครบ 4 ปี อย่าหวังเป็นรัฐบาลส้มหล่นอีก ยังมีเวลาให้พรรคประชาธิปัตย์ปฏิรูปพรรคอีกมาก
