19 กรกฏาคม 2556
แม้จะออกโทนคลิป หวานแหวว
น่าสังเกตว่า การเผยแพร่ขยายของ คลิป อย่างอึกทึกครึกโครมมาจากการประเมินถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นไปในทางดี
มากกว่าจะเป็นไปในทาง ไม่ดี
เพราะว่าแท้จริงแล้ว ยุทธศาสตร์เดิมของพวกเขาต้องการเห็นการยืนอยู่คนละฟากฝ่ายระหว่างกองทัพที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวแทน
กับรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อไม่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดวางเอาไว้ก็ต้องหาทางดิสเครดิต หาทางบ่อนเซาะและทำลาย
นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
คงจำได้ต่อสิ่งที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในห้วงซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกเคยประสบมาแล้ว
เมื่อมีการชุมนุมในเดือนกุมภาพันธ์ 2549
เป้าหมาย 1 อาจเพื่อยื่นหนังสือต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่เป้าหมาย 1 ซึ่งเป็นเป้าหมายรอง คือ การขอเข้าพบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
เป็นการเข้าพบเพื่อเสริม บารมี
เมื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยินยอมตามคำขอ สิ่งที่ได้รับคือกัปปิยโวหาร ยาวเหยียด แต่พลันที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไม่ยินยอมตามคำขอในระยะหลังต่อมา ก็ถูกเยาะเย้ย หยามหยันและดิสเครดิตเต็มเรี่ยวแรง
ตถตา เป็นเช่นนั้นเอง
ความพยายามตลอดมาในยุคของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็คือ ความพยายามในการตอกลิ่มเข้าไปในความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับทหาร
นั่นก็คืด แยก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา
ออกมาจากความสัมพันธ์ที่มีต่อกระทรวงกลาโหม ออกมาจากความสัมพันธ์ที่มีต่อรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี
ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จ
ผลก็คือ มีความพยายามทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเรื่องสามานย์
ชกใต้เข็มขัด เล่นนอกกติกา
สังคมไทย ณ วันนี้ หมิ่นเหม่เข้าสู่ลักษณะ อนาธิปไตย ไร้กฎเกณฑ์ ไร้กติกา เด่นชัดเป็นลำดับ
เพราะว่าการอนุญาตให้ด่าได้อย่างสบายปาก ปล่อยข่าวเท็จ สร้างข่าวลืออย่างย่ามมือย่ามใจเพื่อปูทางสร้างเงื่อนไขให้เกิดรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
7 ปีแล้วที่ อนาธิปไตย นี้ยังอยู่
