31 กรกฏาคม 2556
ทั้งๆ ที่มีการตระเตรียมการชุมนุมเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการ เชื่อมร้อยระหว่างแต่ละกลุ่มอย่างคึกคัก เข้มข้น
แต่เหตุใดปริมาณคนเข้าร่วมจึงมีไม่มากนัก
การตระเตรียมในลักษณะเชื่อมร้อยเห็นได้จากการที่เกี่ยวขากันระหว่างการก่อรูปขึ้นของ หน้ากากขาว กับการจัดเวทีปราศรัย ผ่าความจริง ของพรรคประชาธิปัตย์
รวมถึงการประกาศจัดตั้ง กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ
โดยการชุมนุมเคลื่อนไหวจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ไปถึงวันสุกดิบในวันที่ 4 สิงหาคม เพื่อรอการเป่านกหวีดยาวในวันที่ 7 สิงหาคม
วันที่ 7 สิงหาคม อันเป็นวันแตกเสียงปืน
แล้วเหตุใดไม่ว่าการข่าวของกระทรวงมหาดไทย การข่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสรุปออกมาตรงกันว่าปริมาณจะอยู่ระหว่าง 5,000 ถึง 10,000 คน
จิ๊บจ๊อย น้อยนิดอย่างยิ่ง
หากย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับปริมาณอันมหาศาลซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยทำได้นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นมา
ถือได้ว่าการระดมมวลชนระยะหลังตกต่ำ
เพราะปริมาณของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นเรือนแสนไม่ใช่เรือนหมื่น เป็นเรือนแสนที่พร้อมจะบุกเข้ายึดที่ใดก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน
อย่างไรก็ตาม นับแต่การก่อรูปขึ้นของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายน 2552 เป็นต้นมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 ปริมาณการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีความเหนือกว่าการชุมนุมของเสื้อเหลืองอย่างเห็นได้ชัด
ส่งผลถึงการเลือกตั้งเมื่อปี 2554
การเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยได้ 265 ส.ส. หากแต่ยังทำให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความแข็งแกร่ง
แข็งแกร่งร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล
ในอีกด้าน การชุมนุมเคลื่อนไหวของฝ่ายต้องการล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เกิดการแปรเปลี่ยนเป็นอย่างสูง
มากที่สุดคือ กลุ่ม แช่แข็ง ได้จำนวน หมื่น
นอกจากนั้น อย่างเก่งที่สุดก็เรือนพันทั้งยังเป็นเรือนพันต้นๆ ส่วนใหญ่ก็ไต่ระดับเพียงจำนวนร้อยและหลายร้อย
ตกต่ำไปกับ ประชาธิปัตย์
การชุมนุมของ กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ จะเป็นหินลองทองคมแหลมทางการเมือง
ทดสอบให้เห็นพลานุภาพของพรรคประชาธิปัตย์ ทดสอบให้เห็นอุณหภูมิความไม่พอใจที่ดำรงอยู่ในสังคมว่ามากน้อยเพียงใด
ทั้งหมดนี้จะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า แน่นอน
