แถลงข่าวนปช.แดงทั้งแผ่นดินประจำวันพุธที่ 31 กรกฏาคม 2556 :



ทีมข่าว นปช.
31 กรกฏาคม 2556

เวลา 13.00 น.เริ่มการแถลงข่าว นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ประจำวันพุธที่ 31 กรกฏาคม 2556 ที่ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว ชั้น 5 นำโดย อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.แดงทั้งแผ่นดินและแกนนำหลักของนปช. อาทิคุณจตุพร พรหมพันธุ์, นพ.เหวง โตจิราการ, คุณธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ, และคุณนิสิต สินธุไพร

คุณธนาวุฒิ โฆษกของ นปช. ได้แถลงถึงความร้อนแรงทางการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ในเดือนสิงหาคมที่จะถึง เพราะทางรัฐสภาจะเปิดประชุมสามัญประจำปี โดยเรื่องหลัก ๆ เน้นมากเป็นพิเศษที่จะเข้าสภาก็คือเรื่อง พรบ.นิรโทษกรรม คุณธนาวุฒิชี้แจงว่าที่ต้องมี พรบ.นิรโทษกรรม นั้นเป็นเพราะพวกเราเจอแต่เรื่อง 2 มาตรฐานมาโดยตลอดจากเหตุการณ์ทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องเสื้อแดงที่ถูกสั่งฆ่าโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ บ้างก็ถูกคุมขัง พร้อมทั้งย้ำว่า พรบ.ฉบับ "วรชัย" นั้นไม่มีแกนนำรวมอยู่ จะมีก็แต่ประชาชน

คุณธนาวุฒิ ให้เหตุผลว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อล้มพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นเพราะประชาธิปัตย์รู้ดีว่าเลือกตั้งไปก็มีแต่จะแพ้ เลยต้องใช้แต่วิธีนอกสภาเพื่อล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดูได้จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยออกมาแสดงอาการคัดค้านเผด็จการที่มายึดอำนาจประชาชนแต่อย่างใด แต่พอมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกลับแสดงอาการต่อต้าน คุณธนาวุฒิได้ลงท้ายว่า "รัฐบาลชุดนี้จะไม่ฆ่าประชาชนเหมือนกับรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างแน่นอน"

คุณจตุพร เริ่มแถลงข่าวโดยบอกพี่น้องว่า อุปสรรคสำคัญที่เป็นขวากหนามในการล้มรัฐบาลนั้นคือ "คนเสื้อแดง" ซึ่งคุณจตุพร ก็เล่าว่ากระบวนการเหล่านี้ก็เป็นเครือข่ายเดิม ๆ ที่ปฏิบัติการมาตั้งแต่ปี 48-51 เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น คุณจตุพร ได้เอ่ยถึงแถลงการณ์จากกลุ่มพันธมิตร โดยสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวานที่ สนธิพาดพิงถึง "ประชาธิปัตย์" ว่าถ้าประชาธิปัตย์อยากจะสู้นอกสภา ก็ขอให้ลาออกจาก ส.ส. แล้วมาสู้ แต่อย่าเอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้

ในส่วนของรัฐบาลนั้น คุณจตุพร ได้กล่าวถึงการที่รัฐบาลกำลังประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันในช่วงระยะเปิดสมัยประชุม โดยบอกพี่น้องว่าไม่ต้องวิตก เพราะในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ นั้นเคยมีการประกาศใช้ พรบ.นี้ถึง 20 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการประชุมอาเซียนที่ จ.ภูเก็ต ฯลฯ ชี้ให้เห็นว่า "ประชาธิปัตย์" ใช้อำนาจรัฐอย่างเต็มที่ จนกระทั่งประชาธิปัตย์ ได้ยกระดับมาเป็น พรก.ฉุกเฉิน ก็มีการใช้กำลังทหารกว่า 6 หมื่นคน, งบประมาณกว่า 6 พันล้านบาท, กระสุนกว่า 6 แสนนัด, สไนเปอร์, รถหุ้มเกราะ, อาวุธทุกรูปแบบ พร้อมทั้งการใช้โฆษณาชวนเชื่อเพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง

พร้อมกันนั้น คุณจตุพร ได้เผยว่า ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม "วรชัย เหมะ" ไม่รวม "ทักษิณ ชินวัตร" และเหล่าแกนนำเสื้อแดง แต่จะนิรโทษให้ประชาชนทุกฝ่าย  ทาง "ประชาธิปัตย์" กลับไปบิดเบือนว่า มีการซ่อนเอาไว้ใน พรบ.นิรโทษกรรม ที่จะช่วยให้ปล่อยเหล่าแกนนำเสื้อแดง คุณจตุพร ได้ฝากบอกประชาธิปัตย์ว่า "พรรคประชาธิปัตย์จะบิดเบือนอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ข้อเท็จจริงจะเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ไม่ได้ เพราะว่าร่าง พรบ.นิรโทษกรรมนั้น มีเพียงแค่ 7 มาตราเท่านั้น แกนนำและ พันตำรวจโททักษิณจะไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ ความจริงพรรคประชาธิปัตย์และแกนนำพันธมิตร และแกนนำกลุ่มต่าง ๆ ควรจะร่วมมือกับแกนนำคนเสื้อแดง เพื่อปลดปล่อยประชาชนของตัวเอง" แต่ฝ่ายประชาธิปัตย์กลับไม่เห็นด้วย แถมยังยุให้ประชาชนเข้าร่วมชุมนุมโดยปราศจากแกนนำ เพื่อจะหลีกเลี่ยงการรับผิดชอบ คุณจตุพร จึงเตือนประชาชนว่า "ถ้าท่านทำผิดกฎหมายใด ๆ ก็ตาม ก็ต้องถูกดำเนินคดี"

ในสถานการณ์นี้ คุณจตุพร แนะนำพี่น้องว่าให้รับฟังการแถลงจาก นปช. เพื่อเป็นแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบัน และถ้าหากมีเหตุจำเป็นที่มวลชนต้องสำแดงพลัง ทาง นปช. ก็จะไปจองสนาม "ราชมังคลากีฬาสถาน" เพื่อพบปะพูดคุย

อ.ธิดา ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ได้เริ่มแถลงถึงการสู้รบที่มีมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่หลังรัฐประหารจวบจนปัจจุบัน ซึ่งประชาชนก็ได้เดินก้าวหน้ามาจนถึงจุดที่เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลยังมีปัญหาในการเดินหน้า เพราะถูกฝ่ายตรงข้ามหยุดยั้งทุกอย่างที่รัฐบาลพยายามบรรลุผล และยังมีการตีโต้เพื่อให้ฝ่ายประชาชนต้องถอยไปอีกครั้งหนึ่ง  อ.ธิดา จึงแนะให้พี่น้องเดินหน้าด้วยการใช้ความคิด

เรื่องของ พรบ.นิรโทษกรรมนั้น อ.ธิดา ฝากบอกไปยังกลุ่มต่าง ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามว่า "1. พรบ.นิรโทษ ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับคุณทักษิณ  2.ไม่เกี่ยวกับแกนนำที่นั่งอยู่ในนี้ แล้วก็ไม่เกี่ยวกับกองทัพด้วย" เหตุผลต่าง ๆ ของฝ่ายต่อต้านนั้นมีไม่พอ จึงไม่มีความชอบธรรมในการต่อต้าน

ในวันที่ 3 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ อ.ธิดา ได้แถลงว่าจะเป็นการ "ประชุมแกนนำทั่วประเทศ" โดยมีหัวข้อดังนี้ 1.วิเคราะห์รากเหง้าของความขัดแย้ง  2.วิเคราะห์สถานการณ์  3.การกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีประชาชน  4.ภาระหน้าที่ที่พึงปฏิบัติของแกนนำ   เหล่านี้เป็นหัวข้อเบื้องต้น