14 กรกฏาคม 2556
ก่อนการเดินทางไปยังกระทรวงกลาโหม
การ ไปปรากฏตัวของม็อบอันนำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ประสานกับ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ และ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ตลอดจน พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี คือ รูปธรรมยืนยันอย่างเด่นชัด
เป้าหมายเฉพาะหน้าคือสกัดขัดขวางมิให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินเข้ารับงานที่กระทรวงกลาโหมได้โดยราบรื่น
แต่ในที่สุดก็ล้มเหลวอย่างไม่เป็นกระบวน
เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหมโดยมีปลัดกระทรวงกลาโหม และผบ.เหล่าทัพมารอต้อนรับอย่างพร้อมเพรียงกัน
เป้าหมายที่วางไว้จึง "แป้ก"
การเข้ากระทรวงกลาโหมในสถานะแห่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ครั้งนี้ทรงความหมายเป็นอย่างสูง
เพราะเท่ากับได้รับการยอมรับจากกองทัพ จากทหาร
เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เพียงแต่เป็น "พลเรือน" หากแต่ยังเป็นพลเรือนซึ่งเป็นเพศหญิง
การเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจึงเท่ากับผ่านด่าน 2 ด่าน
ลำพังที่ "พลเรือน" ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็เป็นเรื่อง ที่เกิดขึ้น ได้น้อยเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว นี่ยังเป็น "พลเรือน" ซึ่งเป็น "ผู้หญิง" อันถือว่าเป็นเพศอ่อนแออีกด้วย
แต่นี่คือ ก้าวใหม่และก้าวสำคัญ
ที่ว่าเป็นก้าวใหม่และก้าวสำคัญเพราะการเข้าดำรงตำแหน่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินไปในขณะที่มีกระแสต่อต้านจากกรณี "คลิป" ฉาว
จงใจปล่อยออกมาราวกับเป็น "อาวุธ"
แต่ ด้วยผลงานการสร้างความสัมพันธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปีทำให้เรื่องที่ดูว่าจะร้อนแรงกลับกลายเป็นสงบเย็นอย่างรวดเร็วและราบรื่น
เพราะสายสัมพันธ์อันดีระหว่าง "รัฐบาล" กับ "กองทัพ"
ไมตรีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยื่นไปในฐานะรัฐบาลจึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผบ.เหล่าทัพ โดยไม่ติดข้องหรือเห็นว่าเป็นอุปสรรคกางกั้น
จังหวะนี้สำคัญยิ่งต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ใครก็ตามซึ่งเคยมอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างหมิ่นหยามเมื่อแรกที่เป็น "นายกรัฐมนตรี"
1 จำเป็นต้องมองด้วยมุมใหม่ ขณะเดียวกัน 1 สถานะอัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับมิใช่เพราะโชคอำนวย หากแต่จากฝีมือและความสามารถในการทำงานร่วมกับกองทัพกับทหาร
"ผลงาน" ต่างหากที่กองทัพให้การยอมรับ
