"จตุพร" ยัน นปช.ไม่เคลื่อนไหว 4 ส.ค.นี้ อ้างเกรงเข้าทางฝ่ายตรงข้าม กลายเป็น "น้ำผึ้งหยดเดียว" หนุนใช้ พ.ร.บ.มั่นคง คุมม็อบ นัดแกนนำ นปช. 77 จังหวัด วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง 3 ส.ค.นี้...
วันที่ 30 ก.ค. 56 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ เตรียมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ว่า ในส่วนของคนเสื้อแดงจะไม่มีการชุมนุมใดๆ ในลักษณะที่เป็นการเผชิญหน้า และจะไม่มีการเดินทางไปยังบริเวณหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลและอารักขารัฐสภาอย่างสะดวก เพราะหากคนเสื้อแดงไปชุมนุมในบริเวณนั้น จะเข้าทางอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งตนไม่ต้องการให้มีสถานการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น หากมีการปะทะเกิดขึ้น กลุ่มใหญ่ก็จะออกมา และกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่จะนำไปสู่การล่มสลายของระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง
“หากมีการปะทะเกิดขึ้น เราไม่รู้ว่าจะมีมือที่ 3 มือที่ 4 หรือไม่ สถานการณ์ในประเทศไทย ประมาทไม่ได้เลย ถ้าเราชะล่าใจ ท้ายที่สุดเราจะพบกับชะตากรรมมากมาย ไม่ควรสร้างเงื่อนไขให้เกิดขึ้นและเข้าทางฝ่ายศัตรู” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มสนามม้าและพรรคประชาธิปัตย์ มีการแบ่งภารกิจกันดำเนินการอย่างเป็นระบบ คือ กลุ่มสนามม้า จะเน้นการระดมการ์ดและกำลัง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นผู้ระดมประชาชนทั่วไป ซึ่งท้ายที่สุด คน 2 กลุ่มนี้ ก็จะมารวมตัวกัน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ที่จะมาขึ้นในวันที่ 31 ก.ค.นี้นั้น จะมีการพิจารณาอนุมัติตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีความห่วงใย เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่จะได้มีกฎหมายไว้คุ้มกัน ซึ่งการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะในสมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีการประกาศใช้ทุกเรื่อง แม้ว่าคนเสื้อแดงประกาศว่าจะไม่มีการชุมนุมใดๆ
นายจตุพร กล่าวอีกว่า จากการประเมินสถานการณ์ ต้องยอมรับว่าไม่ว่าเราจะนำเรื่องอะไรขึ้นมาพิจารณาก่อน ก็เข้าทางฝ่ายต่อต้านทั้งสิ้น เพราะเป้าหมายของเขาคือ การล้มรัฐบาล ซึ่งขอยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ไม่มีส่วนใดที่แกนนำได้รับอานิสงส์ ในกฎหมายฉบับดังกล่าวเลย แต่จะเป็นการปลดปล่อยประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย
เชื่อว่าที่กลุ่มสนามม้าและพรรคประชาธิปัตย์ โหมแรงขนาดนี้ เป็นเพราะเกรงว่าเมื่อกฎหมายเข้าสู่สภาฯ ความจริงทุกอย่างจะปรากฏ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 3 ส.ค.นี้ แกนนำ นปช. 77 จังหวัดทั่วประเทศ จะมีการประชุมที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และจัดบทบาทภาคประชาชนว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร ในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งการขับเคลื่อนใดๆ แม้ว่าจะมีเจตนาที่ดี แต่ไม่รอบคอบ จะเป็นการเพิ่มปัญหาและอุปสรรคได้.