ทีมข่าว นปช.
30 กรกฎาคม 2556
ถอดคำพูดในรายการเหลียวหลังแลไปข้างหน้าเพื่อประชาธิปไตย
ประเด็น "ปัญหาความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับวรชัย"
ออกอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2556 สถานีเอเชียอัพเดท
อ.ธิดา : ทีนี้ฉบับของแม่น้องเกด พูดประเด็นเฉพาะทหารก่อนก็คืออยู่ในมาตรา 4 มาตรา 3 ก็มีคนมีความเห็นมากมายว่าถ้าทำตามนี้คนที่อยู่ในเรือนจำก็คงจะไม่ได้ออกมาทั้งหมดเพราะเขาแบ่งเป็นลหุโทษ โทษเบา โทษหนัก และพูดถึงว่าการมีอาวุธ เรื่องเผาถ้าเป็นของเอกชนไม่ได้ อะไรต่าง ๆเหล่านี้
ทีนี้เราพูดมาตรา 4
การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติการที่มิได้ฝ่าฝืนคำสั่งการบังคับบัญชา
และ/หรือ ไม่ได้กระทำการเกินกว่าเหตุให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด
และความรับผิดโดยสิ้นเชิง และมาวรรคหลัง
การกระทำของบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง ตลอดจนการสลายการชุมนุมไม่ว่าจะได้กระทำการในฐานะเป็นผู้สั่งการหรือผู้ปฏิบัติการ
และไม่ว่าจะกระทำในขั้นตอนใด ๆ ในนี้มาเน้นตรง
หากการกระทำนั้นไม่สมควรแก่เหตุ และ/หรือเป็นความผิดตามกฎหมาย
ในทรรศนะของบางท่านรวมทั้งญาติวีรชนก็คิดว่าเขียนแบบนี้แปลว่าไม่นิรโทษให้ทหาร แต่ว่านี่คือนิรโทษ อาจารย์จะบอกให้ว่า
พ.ร.ก.ฉุกเฉินเขาก็ไม่อนุญาตให้ทำเกินกว่าเหตุนะ
แล้วคุณจำเป็นอะไรที่ต้องเขียนมาตรา 4
ไม่มีความจำเป็นแต่กลายเป็นว่าพอเขียนไปแล้วก็มีคนไปชี้แนะแล้วมาโจมตีว่าร่างของวรชัย เหมะ นิรโทษให้ทหาร
นี่เป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าใครไปเรียนมาจากพรรคประชาธิปัตย์นะที่เปลี่ยนผิดเป็นถูก
บิดเบือนถูกเป็นผิด ขาวเป็นดำไปเลย ทั้ง ๆ ที่มันไม่มีเหตุผลเลย
คำพูดที่ว่าร่างของวรชัยนิรโทษให้ทหารมาจากการกระทำของคนที่ไม่หวังดี เพราะว่าจากการที่ญาติวีรชนเดินสายไปพบคนนั้นคนนี้แล้วก็เวลาไปพบนักวิชาการกฎหมายเสื้อเหลือง
เท่าทีอาจารย์ทราบไปพบที่หน่วยงานของคอป.เก่า คปก. ท่านคณิต ณ นคร
แล้วก็มีการบอกกันว่าร่างของวรชัยนั้นนิรโทษให้ทหาร ทางนี้ก็เต้นซิคะ มีการมาพูดโจมตี
อาจารย์ถึงได้บอกว่าคำพูดเป็นนายนะ
คือในหมู่มิตรด้วยกันถ้าเราใช้ท่วงทำนองไม่ถูกมันเสียมิตร เพราะฉะนั้น นปช.
ระวังมาก
เราไม่ได้ไปก้าวล่วงกระทั่งทางพรรคหรือทางรัฐบาล เพราะเขาก็มีสิทธิที่จะตัดสินใจ
เราใช้ท่าทีของมิตรในการแนะนำหรือในการให้ความคิดเห็นแต่เราจะไม่โจมตีด่าทอหรือใช้คำพูดรุนแรง ที่นปช.พูดนั้นเรามีความเห็นต่อเนื้อหา เราไม่ได้มีความเห็นต่อผู้เสนอ เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงผู้เสนอ
เรายังต่ออยู่ในประเด็นเรื่องของนิรโทษให้ทหารเขาเขียนกันอย่างไร?
และเราก็ชี้ให้ดูว่าเขาต้องเขียนลงไปเลยให้ชัด ทีเราพูดถึงร่างของคุณสนธิ บุณยรัตกลินแบ่งเป็นวงเล็บหนึ่งพูดถึงประชาชน
วงเล็บสองพูดถึงทหาร ในร่างของคุณเฉลิมก็เขียนต่อแต่อย่างน้อยก็ต้องเขียนว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้ที่ทำหน้าที่ปราบปรามประชาชนคือบางคนอาจจะไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ
ทีนี้มาดูของคุณนิยม วรปัญญา
เรียกว่านิรโทษให้กับเจ้าหน้าที่รัฐแล้วเขาเขียนอย่างไร สิ่งที่เขาเขียนก็คือว่าเขามี (2)
ทีนี้อาจารย์จะดูข้างหน้า มาตรา 3 ทำแบบเดียวกัน
มาตรา 3 เพื่อสร้างความปรองดอง
ถ้าก่อนวงเล็บหนึ่งเขานิรโทษให้กับผู้ที่เป็นผู้กระทำหลังถูกกระทำวันที่ 19
กันยายน 2549 หมายความว่าผู้ที่ถูกกระทำแล้วกลายมาเป็นผู้กระทำ ข้อ 1. วงเล็บหนึ่ง
การกระทำการปฏิรูปการปกครอง นี่หมายถึงพวก คปค. ก็คือไปนิรโทษให้พวกทำรัฐประหารอีกด้วยนะคะ ความจริงไม่มีเหตุผลเลย
ข้อ
2. (2) การกระทำในการชุมนุมหรือเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุม หมายถึงผู้ชุมนุม
ข้อ
3. (3) การกระทำบุคคลที่ถูกสอบสวน ไต่สวน
หรือคำวินิจฉัยบุคคลตามคำสั่งประกาศของคณะปฏิรูปการปกครอง
อันนี้หลายคนรับไม่ได้เพราะเขากลัวคุณทักษิณจะได้ประโยชน์จากวงเล็บสามอันนี้
ข้อ
4. (4) การกระทำในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทหาร ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐอื่น
ๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือคณะบุคคลที่ได้กระทำในการควบคุมการชุมนุม การสลายการชุมนุม
ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่ราชการอื่นใด
รวมถึงการกระทำการสอบสวนทางวินัยราชการอันเนื่องจากวงเล็บสอง รอบคอบมาก
เขียนละเอียดเลย
เพราะฉะนั้นขอให้ผู้ที่บอกว่าร่างของคุณวรชัยเป็นร่างที่นิรโทษให้ทหารได้รู้ด้วยว่าเขาเขียนกันอย่างไร เขาเขียนกันอย่างนี้แหละ ก็คือถ้าเขาจะนิรโทษให้ใครเขาก็ใส่ อย่างอันนี้เขาใส่ คปค. เขาใส่องค์กรอิสระ
น่าสนใจ ใส่หมดเลย
ข้อ
5. (5) การกระทำใด ๆ ขององค์กรอิสระหรือองค์กรอื่นใดด้วย ก็แปลว่าถ้าเขาจะนิรโทษให้ใครเขาก็เขียน ถ้าเขาไม่นิรโทษเขาก็ไม่ต้องเขียน
เพราฉะนั้นนี่เป็นการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า นี่แหละคือพ.ร.บ.นิรโทษกรรม และพูดจริง ๆ
นะก่อนหน้านี้อาจารย์ก็นั่งอ่านถามว่าทำไมถึงมีส่วนช่วยเขียน พ.ร.ก.
ได้ง่ายและรวดเร็ว (แต่เราก็ให้ฝ่ายกฎหมายดู)
เพราะอาจารย์กลับไปย้อนดู พ.ร.ก.นิรโทษกรรมและ
พ.ร.บ.นิรโทษกรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่าเขาเขียนอย่างไร เพราะฉะนั้น พ.ร.ก.ของ นปช. มันก็มี 3 มาตรา 4
มาตรา หน้าเดียวจบ
อาจารย์อยากจะบอกว่าถ้าเรามีความเข้าใจกัน ไม่มีความระแวงกันก็จะไม่มีปัญหา แต่บางครั้งคนจากไม่ระแวงนะอยู่ ๆ
ไปทำไมมันเกิดระแวงขึ้นมาก็เพราะมีคนพูดให้เข้าใจผิดหรือเปล่า แล้วถ้ามีคนพูดอะไรให้เข้าใจผิดเราก็มาคุยกันได้ สมมุติว่าญาติวีรชนมาถามอาจารย์ว่า อ.ธิดาร่างของวรชัยนิรโทษให้ทหารเรือเปล่า
ง่ายนิดเดียวไม่มีปัญหาเลยอาจารย์ก็อธิบายอย่างนี้แหละ
เพราะว่าพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของคุณวรชัยมาจากพระราชกำหนดของนปช.
บางคนบอกว่าพ.ร.บ.ของวรชัยเกิดจากการผลักดันของกลุ่มโน้นกลุ่มนี้
อาจารย์ก็ไม่ปฏิเสธว่าทั้งสังคมเราช่วยกันกดดันว่าทำอย่างไรถึงจะนิรโทษกรรม เราเริ่มที่เขาใหญ่โบนันซ่า เดือนธันวาคม ปี 55
เรามาประกาศว่าจะต้องมี พ.ร.ก.นิรโทษกรรมเป็นอันที่หนึ่ง แล้วถัดมา วันที่ 14
มกราคม 56 ก็มาพูดที่เรือนจำหลักสี่มี อ.ธิดา, ณัฐวุฒิ, จตุพร
ไปยืนอ่านคำแถลงเรื่องของพระราชกำหนดออกมาเป็น1, 2, 3, 4 แล้วแจก ก่อนการเคลื่อนไหว 29 มกรานะ
คือมันเป็นเรื่องบังเอิญเพราะเราต่อเนื่องมาจากจากโบนันซ่าเขาใหญ่ที่เราพูดแต่ไม่มีตัวพระราชกำหนด แต่เรามาเขียนและมาประกาศในวันที่ 14 จริง ๆ
มันเสร็จก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 1 แต่ว่าหาสถานที่เหมาะไม่ได้ก็เลยมาเป็นวันที่ 14
ต่อมาคุณวรชัยโทรศัพท์มาบอกว่า ผมว่ารัฐบาลทำไม่ได้หรอกเพราะด้านหนึ่ง พ.ร.ก.
มันมีคำพูดว่าต้องฉุกเฉินเกี่ยวข้องกับความมั่นคง
ก็กลัวว่าพวกนั้นจะจัดการกับรัฐบาล ผมอยากจะเสนอเป็น พ.ร.บ.ได้ไหม?
อาจารย์ก็เลยบอกว่าคุณมีสิทธิเพราะคุณเป็นส.ส. แต่พูดในหลักการแกนนำนปช.นั้นต้องปฏิบัติตามมติ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่ามีส.ส.จำนวนมากที่ไม่ได้เซ็นชื่อในร่างของวรชัย หมายถึงส.ส.เสื้อแดงนะ เหตุผลเพราะเขาต้องปฏิบัติตามหลักการคือยืนมตินปช.คือเอาพระราชกำหนด แต่ถามว่าคนเขียนไม่ใช่คุณวรชัยหรอก เป็นทีมกฎหมายของนปช. ก็เอาพระราชกำหนดนี้แหละไปเขียนดังที่เราเห็น เพราะฉะนั้น พ.ร.บ. ของคุณวรชัย เหมะจึงไม่มีการพูดถึงทหาร นี่คือเหตุผลว่าทำไม อ.ธิดา, คุณหมอเหวง หรือแกนนำอื่น ๆ
ออกมาพูดแทนคุณวรชัย
เพราะว่าหนึ่งเราอ่าน
สองที่มามันมาจากที่เดียวกันเราจึงเข้าใจจิตวิญญาณเพราะว่านี่คือมติของเรา เราไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องทหาร แต่คุณวรชัยอาจจะไม่ได้เข้าประชุมด้วย
แต่ก็เข้าใจวิญญาณว่าปลดปล่อยประชาชนทุกสีเสื้อยกเว้นแกนนำแค่นี้ แต่ว่ารายละเอียดมันเป็นเรื่องเทคนิคของฝ่ายกฎหมายซึ่งบางครั้งพวกเราก็ไม่อยากจะไปรับรู้ เหมือนกับทางญาติวีรชนก็ต้องการบอกนักกฎหมายว่าเขาไม่ต้องการนิรโทษให้ทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารที่ทำเกินกว่าเหตุ แต่ว่าพอสิ่งที่เขียนขึ้นมา เราถามว่าแล้วทำไมต้องเขียนล่ะ เพราะว่ากฎหมายพระราชกำหนดมันบอกไว้แล้ว
ตรงกันข้ามกลับสบายเลยเพราะทุกคนจะบอกว่าเขาไม่ทำเกินกว่าเหตุเพราะพวกนี้มีชายชุดดำ
พวกนี้มีอาวุธ
เหมือนกับที่เขียนไว้ในมาตรา 3
ร่างของญาติวีรชน ในนี้แบ่งเป็นวงเล็บหนึ่ง วงเล็บสอง วงเล็บสาม วงเล็บสี่ อันนี้แหละที่เข้าใจว่าจะมีนักวิชาการแสดงความคิดเห็น
เท่าที่อาจารย์ทราบเขามีการไปสัมมนาก็พบว่าญาติวีรชนส่วนหนึ่งก็เลยต้องยอมจำนวนว่าการเขียนแบบนี้นั้นมันไม่สามารถนิรโทษให้กับคนที่อยู่ในเรือนจำตอนนี้ได้เลย
แล้วกลายเป็นเรื่องที่เรียกว่ามันไม่ใช่ให้คุณ มันให้โทษกับนักโทษที่ติดคุกทั้งหมดเลย เพราะในนี้ก็พูดถึงหากเป็นความผิดลหุโทษ
หรือเป็นความผิดอันมีโทษปรับสถานเดียวหรือเป็นความผิดอันมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี
ตามกฎหมายอื่นให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง นี่เราติดคุยมา 3
ปีกว่าแล้วนะ แล้ว 2 ปีมันจะเหลือหรือ อาจจะมีบางคนที่ยังไม่ได้ถูกฟ้องร้องก็มีหรืออยู่ในระหว่างดำเนินการ แต่จำนวนน้อย
วงเล็บสามในนี้เป็นการนิรโทษโดยพูดถึง
3(1), 3(2) ที่เราพูดมาแล้วคือลหุโทษ หรือตลอดจนการกระทำใด ๆ
ที่ได้กระทำขึ้นระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2554
ของบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมือง
แต่การกระทำนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ทางการเมือง
ความหมายก็คือหมายความว่าไม่ใช่ชุมนุมแต่อยู่นอกชุมนุมก็ได้แต่มีความเกี่ยวเนื่องกัน
หากการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
และได้กระทำโดยเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ทางการเมือง
ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
อันนี้หมายถึงว่ามันไม่ได้ช่วยผู้ที่ยังอยู่เพราะเหตุว่าเขาพูดถึง (1) (2)
ซึ่งเป็นโทษเบา แต่หมายความว่า (1) (2)
นั้นพูดเฉพาะผู้ชุมนุม (3) ก็คือผิดแบบนั้นแหละ
แต่อยู่นอกที่ชุมนุม
(4) นี่สำคัญ การกระทำใด ๆ หรือการตระเตรียมการของผู้ใด
โดยมุ่งต่อการประทุษร้ายผู้อื่นโดยใช้อาวุธให้บุคคลนั้นยังคงมีความผิดตามกฎหมาย
การกระทำใด ๆ
ของประชาชนทั้งผู้ชุมนุมและผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมอันมุ่งต่อการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน
หรือการกระทำผิดต่อทรัพย์ เช่น การวางเพลิงเผาทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ลักทรัพย์
อันเป็นของเอกชน ให้บุคคลนั้นยังคงมีความผิดตามกฎหมาย แล้วในนี้ก็รวมถึงการกระทำใด
ๆ ของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจหรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหว
ความหมายคือหมายถึงแกนนำ ของเราหมายถึงประชาชนปล่อย ยกเว้นแกนนำ แต่อันนี้เขาบอกว่าให้มีความผิด ดังที่บอกแล้วว่ามีความคิดอยู่แล้วว่า
มีพวกหนึ่งพวกลักทรัพย์ อีกพวกหนึ่งถูกข้อหาวางเพลิง หรือว่าพวกที่มีอาวุธมุ่งประทุษร้าย
ที่อาจารย์อธิบายแล้วว่าถ้าประเทศนี้มีความยุติธรรม ถ้าประเทศนี้มีนิติรัฐนิติธรรม
ไม่ต้องนิรโทษค่ะ ให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปเลย
สิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาจนถึงวันนี้มีแต่ฝั่งเสื้อแดงที่ติดคุก
ที่ถูกลงโทษ อีกฝั่งหนึ่งไม่มีเลย หรือมีคนเดียวมั้งที่เข้าไปอยู่ในเรือนจำ
แล้วนอกจากนั้นก็คือปัญหาที่มาตอนขั้นต้นที่อาจารย์พูด ที่เล่าให้ฟังว่ามันมีสินบน 50,000
มันมีเหตุจูงใจในการที่จะยัดเยียดข้อหาในการที่จะจับคนโดยที่ไม่มีความผิด
ในการยัดเยียดอาวุธหรือเรื่องอะไรต่าง ๆ ที่เอามาตั้งโชว์ จะบอกให้ว่ามันไม่มี
หลังจากที่เราเลิกชุมนุมทั้งที่ในวัดปทุมฯ ก็เอาอาวุธไปโยนใส่เอาไว้ ความจริงมันไม่มี นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องทำนิรโทษกรรม
ผู้ดำเนินรายการ : ก็คืออย่างที่อาจารย์ได้ย้ำไป
ก็คือเหตุผลที่จะต้องมีการนิรโทษกรรมทุกวันนี้เนื่องจากว่ากลไกในเรื่องของการดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมนั้นมีรูปแบบที่บิดเบี้ยวไป ก็เลยทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม เรื่องนั้นก็คือสองมาตรฐาน
ทีนี้ขอถามอาจารย์ว่าเดินทางมาถึงวันนี้ในวันที่ 7-8
สิงหาคมก็จะเริ่มมีการพิจารณาพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของคุณวรชัย เหมะ ซึ่งวิปรัฐบาลและมติของพรรคเพื่อไทยรวมถึง
นปช. ก็เห็นด้วยในการที่จะมีการพิจารณา พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว อยากให้อาจารย์ชี้จุดดี ข้อดี ของ พ.ร.บ.
ฉบับคุณวรชัย เหมะ
อีกครั้งเพื่อให้สังคมได้รับรู้อย่างกระจ่างชัดครับ
อ.ธิดา : ข้อดีของร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสืบเนื่องมาจากการที่ขณะนี้มีความขัดแย้งในทางความคิดสังคมแบ่งประชาชนเป็นพวกและไม่มีการยอมรับกติกา ถ้าหากสังคมนี้ยอมรับกติกาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น แต่การที่เราถูกกระทำ
ในนี้มีอยู่ฉบับหนึ่งที่พูดถึงผู้ถูกกระทำแล้วมากลายเป็นผู้กระทำ
ก็คือถูกกระทำจากการทำรัฐประหารแล้วมากลายเป็นผู้กระทำก็คือมาเป็นผู้ประท้วง
หรือมาขัดขืนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ หรืออาจจะทำให้เกิดความเสียหาย
นี่แปลว่าผู้ถูกกระทำแล้วมากลายเป็นผู้กระทำ นี่คือความคับแค้น
จึงต้องการแสดงออกเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม
เขาเรียกร้องอย่างสันติวิธีอย่างถูกต้องตามระบบ
เขาเรียกร้องให้ยุบสภา
เขาไม่ได้ทำเกินเลย
แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการตาย
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการจับกุมคุมขังที่สิ้นอิสรภาพ ไม่ได้รับการประกันตัว ตลอดจนถูกยัดเยียดข้อหาจำนวนมาก ถูกยัดเยียดว่าประหนึ่งเป็นชายชุดดำมีอาวุธไปเผาที่โน่นที่นี่กระทั่งศาลชั้นต้นยกฟ้องก็ยังอุทธรณ์อีก เพราะฉะนั้นกลไกรัฐเหล่านี้นี่แหละเป็นกลไกรัฐที่ทำลายสังคมไทย
คำถามก็คือเราจะอยู่กันอย่างนี้หรืออย่างไร ถ้าคุณไม่เอานิรโทษกรรมมันก็ได้นะ แต่หมายความว่าประเทศนี้มันจะอยู่กันอย่างไร
คุณปล่อยให้คนส่วนใหญ่คนที่ถูกกระทำแล้วต้องถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก พอเขาจะมาเป็นผู้กระทำคุณก็ไปจัดการเขาให้อยู่ในคุกแล้วก็ไม่ให้ประกันตัวหรือแม้กระทั่งยัดเยียดข้อหาเป็นแพะ
เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นความขมขื่นของสังคมว่าเราจำเป็นต้องใช้อำนาจนิติบัญญัติ คือออกกฎหมายเพื่อมาแก้ปัญหา เพราะกลไกยุติธรรมปัจจุบันมันใช้ไม่ได้ มันไม่ใช่ทางออกประเทศไทย ฝ่ายนิติบัญญัติต้องตระหนักในอำนาจของตัวเองว่าถ้าท่านไม่ทำ
ณ เวลานี้
ประชาชนเอายอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเลือกท่านขึ้นมาให้มาทำให้ที่แก้ปัญหาประเทศ ถ้าท่านไม่ทำแล้วท่านไม่เลือกทำตรงนี้
นั่นหมายถึงว่าจะเป็นหายนะประเทศไทยข้างหน้าเพราะประชาชนจะบอกว่าอำนาจอะไร
ๆ ก็ไม่ใช่ของประชาชน เลือกตั้งเข้ามาแล้วตัวแทนก็ไม่ใช่ตัวแทนของประชาชน ไม่ทำเพื่อให้เกิดทางออกของประชาชน ถามว่ามิคสัญญีในประเทศจะเกิดขึ้นไหม เพราะฉะนั้นขอส่งคำถามไปยังรัฐสภาว่า
ท่านอยู่ในฐานะตัวแทนประชาชนที่เลือกมาทำหน้าที่ตัวเองอย่างซื่อสัตย์ เพราะประชาชนนั้นฟางเส้นสุดท้ายคืออะไร? ก็คือทำตามกลไกรัฐทุกอย่างแล้ว แต่ปรากฏว่ายังถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก
ถ้าเช่นนั้นแปลว่าอำนาจนิติบัญญัติก็จะไม่ใช่ที่พึ่งของประเทศไทยเหมือนกับอำนาจอื่น
ๆ เช่นกัน
เพราะฉะนั้นก็ขอฝากว่าถ้าไม่ต้องการให้มีมิคสัญญีเกิดขึ้น ไอ้ที่กำลีงจะเกิดขึ้นวันที่ 4
นี้เรื่องเล็กนะ แต่ถ้าไม่มีการนิรโทษกรรม ข้างหน้ามันใหญ่กว่าม็อบแช่แข็งเยอะ!!!