‘ณัฐวุฒิ’ท้าปชป.เผยตัวตนอยู่เบื้องหลังหน้ากากขาว ชี้ไร้สาระปล้นเซเว่นฯสร้างสถานการณ์

ข่าวสด 25 มิถุนายน 2556



 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนหน้ากากขาว ซึ่งล่าสุดมีคนร้ายสวมหน้ากากขาวไปปล้นร้านสะดวกซื้อ (เซเว่นอีเลฟเว่น) ว่า ส่วนตัวมั่นใจว่าไม่ได้เป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐบาลหรือกลุ่มคนเสื้อแดงเพราะไม่มีเหตุผล ไร้ประโยชน์ไร้สาระที่รัฐบาลหรือคนเสื้อแดงจะไปทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันตนก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนในกลุ่มหน้ากากขาวเองที่ตั้งใจสวมหน้ากากขาวไปปล้นร้านสะดวกซื้อเพื่อประชาธิปไตย การเรียกร้องนายกฯ ม.7 คงเป็นไปได้จากกลุ่มนี้ แต่จะถึงขนาดว่าไม่ได้นายกฯ ม.7 แล้วจะเอาร้านเซเว่นฯ ก็ไม่น่าจะไปถึงขนาดนั้น

 แต่ตนมีข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวโดยการปกปิดใบหน้าและตัวตนอาจจะเป็นช่องว่างให้กับกลุ่มมิจฉาชีพแทรกซึม ใช้สถานการณ์ไปก่อเหตุอย่างอื่นได้ จึงอยากให้ประชาชนที่เคลื่อนไหวอยู่นึกถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพราะโจรผู้ร้ายหาช่องทางที่จะสร้างปัญหาอยู่แล้ว ซึ่งหากมีรายแรกแบบนี้ก็น่าเป็นห่วงว่าอาจมีพฤติกรรมเลียนแบบ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังเคลื่อนไหวชุมนุมก็เปิดหน้าตาออกมาเลย เพราะก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนหน้าเดิมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และปัจจุบันเราก็ทราบดีว่าใครเคลื่อนไหวอย่างไร มีวัตถุประสงค์อย่างไรทางการเมือง

 เมื่อถามว่าการเพิ่มจำนวนของกลุ่มคนหน้ากากขาวจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เท่าที่ติดตามข้อมูลไม่ปรากฎว่ามีการขยายตัวของกลุ่มหน้ากากขาวโดยมีนัยยะสำคัญ หรือ รัฐบาลเกิดความวิตกกังวล เพราะข้อมูลที่ตนมีไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายใน กทม.เครือข่าย ตจว.ก็เป็นการประสานงานกันของกลุ่มพันธมิตรและกองเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจนมากขึ้นว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ของพรรค ส.ส.ของพรรคก็แสดงบทบาทชัดเจนมากขึ้น และเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ไม่มีอะไรปิดบังได้ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย ดังนั้นจำนวนของผู้ชุมนุมยังไม่มีอะไรน่าจับตามองเท่ากับพฤติการณ์ของคนที่อยู่เบื้องหลังที่กำลังชักใย เพราะคนกลุ่มนี้ไม่เลือกวิธีการที่จะล้มรัฐบาล จะเป็นรัฐประหาร หรือการเรียกร้องนายกฯ พระราชทาน หรือวิธีการนอกระบบทุกวิธีคนเหล่านี้ขานรับทั้งสิ้นถือเป็นอันตรายที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย