ตร.พบอีก31ราย เผาห้าง-ไม่ใช่แดง

ข่าวสด 1 มิถุนายน 2555




ยันหลักฐานชัด เล็งออกหมาย

บช.น.-ดีเอสไอ ถกคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ล่ามือวางเพลิงตัวจริง "บิ๊กแจ๊ด" พบอีก 31 คนต้องสงสัยมีทั้งภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหวชัดเจน หลังจากม็อบสลายแล้ว พังประตูเข้าไปในห้าง แต่ไม่ใช่ผู้ชุมนุมเสื้อแดง คาดไม่เกิน 10 วันออกหมายจับ เบื้องต้นมี 6 คนอยู่ในข่าย ที่เรือนจำหลักสี่ปล่อยตัวนักโทษการเมืองอีกราย เป็นหนุ่มกำแพงเพชร การ์ดนปช. ต้องโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน คดีฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน กับครอบครองประทัดยักษ์ แต่ประพฤติตัวดี ได้รับอนุญาตพักการลงโทษ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 พ.ค. ที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ นายทองสุข หลาสพ อายุ 43 ปี การ์ดอาสาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ โดยมีนางธิดา โตจิราการ ประธานนปช. นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น.ส.สุดา รังกุพันธุ์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะแกนนำกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล พร้อมด้วยคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง รวมทั้งภรรยาและลูกชายมารับตัวกลับบ้านด้วยความดีใจ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทองสุขถูกจับกุมในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และครอบครองวัตถุระเบิด ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือนพ.ค.2553 ศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน และถูกคุมขังในเรือนจำมาแล้ว 1 ปี และได้รับอนุญาตให้พักการลงโทษ เนื่องจากมีความประพฤติดี

นายทองสุขกล่าวว่า เป็นชาว จ.กำแพงเพชร มีอาชีพรับเชื่อมเหล็ก สนใจการเมืองตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 เข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงในปี 2553 ถูกจับเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2553 เพราะฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมีประทัดยักษ์ไว้ในครอบครอง แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมบอกว่ามีระเบิดแสวงเครื่อง ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือน ได้รับการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีชั้นอุทธรณ์ ก่อนถูกถอนประกัน จึงต้องถูกคุมขังในเรือนจำ เมื่อได้รับอนุญาตพักการลงโทษก็ดีใจมาก ตั้งใจกลับไปบวชให้พ่อแม่ที่ภูมิลำเนา

"ผมเชื่อเสมอว่าประชาชนที่ออกมาชุมนุมเพื่อสิทธิเสรีภาพ ไม่ควรถูกทำร้ายถึงขนาดบาดเจ็บล้มตาย และสุดท้ายต้องมาติดคุก อยากให้กำลังใจเพื่อนนักโทษการเมืองคนอื่นๆ ที่ยังถูกจำคุกอยู่ ส่วนผมไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ตอนนี้แข็งแรงทั้งร่างกาย จิตใจ และความคิดเป็นอย่างดี ผมสัญญากับตัวเองว่าจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป" นายทองสุขกล่าว

ขณะเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจ นครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พ.ต.อ.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ รองผบก.น.6 พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.ดส. และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2559 โดยเชิญ พ.ต.ท.ชุมพร บุญประยูร ที่ปรึกษาด้านอัคคีภัยในเครือเซ็นทรัล มาให้ข้อมูลด้วย

พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวภายหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมงว่า ขอยืนยันว่าภาพชาย 2 คน ที่เผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ถูกออกหมายจับไปแล้ว ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย ดังนั้น หากใครชี้เบาะแสจับกุมได้ จะได้เงินรางวัลคนละ 10 ล้านบาท นอกจากนี้ ชุดสืบสวนบช.น.ส่งหลักฐานให้ดีเอสไอไปประชุมว่าจะออกหมายจับได้อีกกี่คน แต่ภาพที่พบผู้เกี่ยวข้องในขณะนี้เบื้องต้นมี 31 คน แต่จะออกได้กี่คน ให้ดีเอสไอดำเนินการ ไม่มีการใส่ร้ายใส่ความ เพราะทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ชัดเจนอยู่แล้วว่าใครเข้าไปเผา ชัดเจนว่าไม่ใช่กลุ่มผู้ชุมนุม และทางดีเอสไอจะนำหลักฐานไปตรวจสอบ

ผบช.น.กล่าวว่า หากใครพบว่ามีภาพตัวเองเข้าข่ายว่าเกี่ยวข้อง ให้มาพบบช.น. หรือ ดีเอสไอ จะให้ความเป็นธรรม แต่หากไม่มาแล้วถูกออกหมายจับก็ช่วยไม่ได้ เพราะขณะนี้ตำรวจมีข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับ 31 คนแล้ว แต่จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์มากน้อยแค่ไหนหรือไม่เท่านั้นเอง และหากใครรู้ตัวก็รีบมาให้การทันที ฝากประชาชนให้ช่วยตรวจสอบด้วย ส่วนที่ออกหมายจับไปแล้ว 2 คน ยืนยันว่าหากใครได้เบาะแสนำไปสู่การจับกุมตัวจะได้รางวัล 10 ล้านบาท ติดต่อได้ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. หมายเลขโทรศัพท์ 0-2354-8226 ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวถามว่าในกลุ่ม 31 คนที่อาจเกี่ยวข้อง ใช่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงหรือไม่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า ไม่น่าใช่ เพราะชัดเจนทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว มีหลักฐานไม่ใส่ร้าย แต่ตำรวจยังไม่ทราบว่ากลุ่มไหน เพราะตอนนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยกลับ และจับกุมผู้ขโมยของบางส่วนได้ แต่ศาลยกฟ้องไปแล้ว ส่วนกลุ่มที่เข้าไปเพื่อจะเผาก็มีอีกกลุ่มหนึ่ง ก่อนและหลังเวลา 14.00 น. เป็นคนกลุ่มนี้ และเป็นกลุ่มเดียวกัน พยายามทำลายประตูเข้าไปข้างในห้าง เชื่อว่าไม่เกิน 10 วัน ดีเอสไอจะออกหมายจับได้ ขอเวลาตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน โดยเฉพาะหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และข้อมูลจากห้างเซ็นทรัลเวิลด์ที่นำมาให้ในวันนี้

"31 คนนี้ไม่ได้มองว่าเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด แต่อยู่ในกลุ่ม หากมาพบตำรวจ ก็จะดูว่าเกี่ยวข้องแค่ไหน อาจให้เป็นพยานได้ เราจะค่อยพิจารณาไป แต่ 2 คนที่ออกหมายจับไปแล้ว ก็อยากได้ตัว เพราะเห็นหน้าชัดเจนว่าเข้าไปเผา หากได้ 2 คนนี้มาก็จะรู้ว่าใครเป็นคนเผาบ้าง มีใครสั่งการหรือไม่ ขอให้ช่วยกระจายข่าวด้วย หากอยากได้ 10 ล้าน พามาพบตัว หรือพาไปจับ หากใช่รับทันที 10 ล้านบาท" ผบช.น.กล่าว

ส่วน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่าบช.น. ช่วยติดตามสืบสวนขยายผล เพราะคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ค่อนข้างหลากหลายมาก ทาง ดีเอสไอได้รับข้อมูลค่อนข้างมาก และจะตรวจสอบขยายผล หากมีหลักฐานเพียงพอ จะขอออกหมายจับเพิ่มเติม และจะรีบดำเนินการ ทั้งตำรวจและดีเอสไอทำงานใกล้ชิดกันอย่างต่อเนื่อง และหลังจากรับหลักฐานในวันนี้ ก็จะไปสอบสวนประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่การสอบสวนที่ผ่านมา ไม่พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มนปช. และที่ถูกดำเนินคดีไปครั้งแรกศาลก็ยกฟ้องหมด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเอาทรัพย์สิน ไม่เกี่ยวกับการวางเพลิง

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะออกหมายจับเพิ่มได้อีกกี่คน รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวว่าเบื้องต้นมี 6 คนที่อยู่ในข่าย แต่ดีเอสไอจะทำงานร่วมกับอัยการ ว่าจะขอศาลเพื่ออนุมัติออกหมายจับได้กี่คน ต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อน

วันเดียวกัน ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ แถลงว่าจากกรณีญาติและทนายความ ร่วมกันแถลงถึงคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลี ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น มีการพูดวิจารณ์ทำนองว่า คำสั่งของศาลไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นคนฆ่า หรือมีความเกี่ยวพันกับกองทัพหรือไม่ และมีนักการเมืองเป็นผู้ออกคำสั่งหรือไม่ ซึ่งในข้อเท็จจริงนั้นหลักการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ เป็นเพียงการพิสูจน์ว่าผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน ตายเมื่อไหร่ เหตุและพฤติการณ์ที่ตายเป็นอย่างไรเพียงเท่านั้น

"ดังนั้นการที่จะไประบุว่าใครเป็นผู้กระทำนั้น ข้อเท็จจริงไม่ได้มีการพูดถึง และไม่ได้ปรากฏอยู่ในสำนวนคดีว่าใครเป็นผู้กระทำ การที่ศาลจะมีคำสั่งใดๆ ออกไปนั้น ศาลย่อมไม่สามารถทำได้ เพราะศาลทำตามหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนคดี ไม่ได้กระทำไปตามความรู้สึกส่วนตัว" อธิบดี ผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ กล่าว

นายอุดมกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ญาติอ้างว่าไม่มีการนำคลิปวิดีโอที่ญาติผู้ตายระบุว่าบันทึกภาพนายฟาบิโอ ขณะเสียชีวิตไว้ได้มาพิจารณานั้น ขอยืนยันว่าพยานหลักฐานทุกอย่างของผู้ร้อง หรือญาติผู้ตาย ศาลรับไว้พิจารณาทั้งหมดแล้ว แต่ในคลิปไม่ได้ปรากฏข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด หากศาลไม่รับพยานหลักฐานตามที่กล่าวอ้างมาจริง อัยการผู้ร้องย่อมจะต้องคัดค้านได้ การที่ศาลออกมาชี้แจงนั้น เพราะยังมีคดีที่ต้องไต่สวนชันสูตรพลิกศพอีกหลายสำนวน ถ้าไม่ชี้แจงให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน อีกหน่อยจะมีการวิพากษ์วิจารณ์จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ได้

อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ กล่าวต่อว่า ศาลยืนยันว่าพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนคดีและหลักเหตุผล ไม่ได้นำความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสิน ส่วนที่คำสั่งไม่ระบุว่าทหาร หรือชี้ชัดว่าผู้ใดเป็นผู้ยิงนายฟาบิโอนั้น เพราะไม่มีพยานมองเห็นว่าทหารผู้ใดเป็นผู้ยิงนายฟาบิโอ ถ้ามีหลักฐานชัดเจนว่ามีทหารนาย ก หรือนาย ข เป็นคนยิง ก็ย่อมระบุชัดในสำนวนได้ แต่ทุกครั้งในการสืบพยาน ไม่เคยปรากฏว่ามีพยานที่ระบุชี้ชัดได้ว่าเห็นผู้ยิงแต่อย่างใด พยานเพียงแต่เห็นภาพรวมของเหตุการณ์โดยทั่วไปเท่านั้น จึงได้แต่สันนิษฐานว่ากระสุนถูกยิงมาจากทิศทางใด

"คดีของกลุ่มคนเสื้อแดงขณะนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้อยู่ระหว่างไต่สวน 4-5 สำนวนคดี ทุกคดียื่นพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก ถ้าจะสืบพยานกันจริงๆ น่าจะต้องใช้ระยะเวลา 3-4 ปี แต่ศาลได้ประชุมปรึกษากันแล้ว เห็นว่าจะใช้พยานหลักฐานเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยเน้นเฉพาะพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หรือแตกต่างกัน ส่วนการเบิกความที่ซ้ำไป ซ้ำมาหรือไม่ปรากฏข้อเท็จจริง ศาลก็จะไม่นำสืบ ขณะนี้ศาลนัดไต่สวนอย่างต่อเนื่อง ทุกสัปดาห์ หากไต่สวนได้ต่อเนื่องก็น่าจะเสร็จสิ้นโดยเร็ว" นายอุดมกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินคดีกับผู้กล่าวพาดพิงคำสั่งศาลหรือไม่ นายอุดมกล่าวว่า คงไม่ทำขนาดนั้น เพราะอาจจะเกิดจากความไม่เข้าใจในสำนวนมากกว่า และเมื่อถามว่าหากมีผู้นำคำสั่งศาลไปวิพากษ์วิจารณ์ หรือยุยงปลุกปั่น นายอุดมกล่าวว่า การพูดถึงคำพิพากษา หรือมีความเห็นในอีกแง่มุมหนึ่ง ย่อมกระทำได้หากเป็นการวิพากษ์ตามหลักเหตุผลและตามหลักวิชาการ แต่หากนำไปต่อเติมเป็นอย่างอื่น ศาลก็จะพิจารณาดูอีกทีว่ามีผลเสียหายต่อศาลหรือไม่ ส่วนในครั้งนี้ ศาลเพียงแต่ออกมาชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันเท่านั้น แต่ถ้าหากกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จะมีโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ที่ผ่านมาศาลพยายามหลีกเลี่ยงคดีละเมิดอำนาจศาลให้ได้มากที่สุด