รายงานพิเศษ
![]() |
รวมถึงการประกาศจุดยืนของกลุ่ม ส.ส. ส.ว. 312 คน ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ กรณีรับคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราขัดมาตรา 68
ซึ่งล่าสุดพรรคเพื่อไทยมีมติไม่ให้สมาชิกส่งคำชี้แจงส่วนตัวต่อศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมเดินสายชี้แจงเหตุผลต่อประชาชนและองค์กรอิสระทั้งหมด ยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญ
กรณีดังกล่าวสร้างความกังวลว่าเหตุการณ์อาจนำไปสู่ความรุนแรง ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาโดยตรงได้ชี้แจงถึงจุดยืนของตัวเองดังต่อไปนี้
ธิดา โตจิราการ
ประธานกลุ่ม นปช.
กลุ่มคนเสื้อแดงไปขุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญเรียกร้องให้ตุลาการฯ ลาออกนั้น คงไม่น่าไปสู่เหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เพราะรัฐสภายังทำงานตามระบบได้ ขณะที่ฝ่ายบริหารก็ยังเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินได้
จึงควรแก้ไขปัญหาตามระบบที่เดินได้ เช่น สมาชิกรัฐสภาใช้กระบวนการทางรัฐสภาตอบโต้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการยืนยันอำนาจของฝ่ายติติบัญญัติ ส่วนนายกฯ ก็ยืนยันอำนาจของฝ่ายบริหาร
แต่กรณีที่มาและการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีปัญหา ประชาชนและสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย จึงเรียกร้องให้แก้ไขตามระบบ
เราเคยยื่นถอดถอนไปแล้ว อยากเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการเรื่องดังกล่าวเสียที เมื่อยื่นไปนานแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองจึงเป็นธรรมดาที่ประชาชนจะลุกขึ้นมาเรียกร้องอีกครั้ง
วันนี้ถึงจุดที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องทบทวนตัวเอง เสียงส่วนใหญ่พากันแสดงออกขนาดนี้ ซึ่งไม่เฉพาะคนเสื้อแดง แต่ประชาชนกลุ่มอื่นก็ออกมาเรียกร้องด้วย
เหตุการณ์ชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นธรรมชาติ เพราะประชาชนทนไม่ไหว แม้ไม่ใช่มติของคนเสื้อแดง แต่ประชาชนเขาคิดตรงกัน แต่เราย้ำเสมอว่าอย่าทำอะไรรุนแรง ให้ใช้ความระมัดระวังเพราะประชาชนเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งหมด ขอให้ต่อสู้ด้วยสันติวิธี
และขอให้ระวังคำพูดที่อาจนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีและการกระทบกระทั่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุด
อย่างไรก็ตามเรามีทีมทนายความอาสาดูแลเรื่องคดีความหากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ
ส่วนประชาชนจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของศาลรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งไม่ควรทำอะไรที่เรียกคนเสื้อแดงให้มากขึ้น
ภูมิธรรม เวชยชัย
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่เคยหาเสียงช่วงเลือกตั้ง เมื่อเราเป็นแกนนำแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 ก็มาติดขัดอยู่ที่วาระ 3 เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจนทำให้เกิดปัญหา
เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง สมาชิกรัฐสภาจึงใช้วิธีแก้ไขรายมาตราตามที่ศาลวินิจฉัย แต่ท้ายสุด ตุลาการฯ ยังรับวินิจฉัยกรณีการแก้ไขรายมาตราของ ส.ส. ส.ว. 312 คนอีก เสมือนปิดหนทางแก้รัฐธรรมนูญไม่ให้เกิดขึ้น
เมื่อมีปัญหาอีก กระทั่งมีข้อกล่าวหาจากฝ่ายค้านและฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลว่าเรากำลังล้มศาลรัฐธรรมนูญอีก กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ
แต่เมื่อรัฐสภายืนยันว่ามีอำนาจออกกฏหมายโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งดำเนินการแก้ไขรายมาตราตามคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญ ม.291 มีบทเฉพาะให้แก้ไขได้
ดังนั้นการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นการขยายขอบเขตอำนาจ ซึ่งก้าวล่วงและกระทบการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ
การประชุมพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภา เห็นด้วยกับสมาชิกรัฐสภาเสียงส่วนใหญ่ที่จะไม่ส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องไว้วินิจฉัยตาม ม.68 รัฐสภาจึงไม่ต้องดำนเนินการตามคำสั่ง
และจะจัดทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจงการไม่ยอมรับอำนาจศาล ส่งถึงประชาชนและองค์กรอิสระทั้งหมด ยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการยืนยันอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ และเพื่อปฏิเสธการขยายขอบเขตอำนาจของตุลาการด้วย
ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงไปขุมนุมเพื่อต่อต้านการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในขณะนี้ เป็นเพียงการใช้สิทธิตามกฏหมาย คงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ ขณะที่พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเรายืนยันว่าไม่นิยมการใช้ความรุนแรง
เมื่อสถาบันหลักกำลังเห็นต่าง สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือ เราต้องทำให้สังคมเห็นปัญหา เห็นข้อแตกต่างเพื่อนำไปสู่ทางออก โดยเฉพาะประเด็นการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่เกินเลยไปหรือไม่
ผมมองว่าศาลรัฐธรรมนูญยังต้องคงอยู่ แต่ต้องมีการปฏิรูปองค์กรให้ทำหน้าที่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ใช้หลักนิติธรรมเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา
ส่วนที่มีส.ส.บางส่วนจะยื่นถอดถอนตุลาการบางรายนั้น ไม่ถือเป็นมติพรรค เป็นการใช้เอกสิทธิ์ของการเห็นต่าง จากสถานการณ์ทางการเมืองที่เป็นอยู่พิสูจน์ด้วยใจที่เป็นธรรมว่า เราไม่ได้เป็นพวกก้าวร้าวต่อต้านอำนาจหรือขยายความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้น
เรื่องราวการต่อสู้ครั้งนีี้จะจบลงอย่างไรอยู่ที่ประชาชนตัดสิน ขณะนี้เรากำลังฟ้องประชาชนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเราหลบเลี่ยงเต็าที่หลีกหนีเต็มทน ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ
แต่ขอให้ทุกฝ่ายมีสติ อย่าถือทิฐิ ใช้เหตุผล เชื่อว่าประเทศจะหาทางออกได้
จรัญ ภักดีธนากุล
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
กรณีคนเสื้อแดงในนามกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) มาชุมนุมบริเวณหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กดดันให้คณะตุลาการฯ พิจารณาทบทวนตนเองและยุติการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฏหมายและประชาธิปไตยนั้น
การปราศรัยของแกนนำเสื้อแดงมีถ้อยความที่กล่าวหาคณะตุลาการต่าง ๆ นานา ทั้งการปราศรัยในแง่กฏหมายและความรุนแรงทางถ้อยคำ
ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่มีความคิดเห็นหรือการดำเนินการใด ๆ ที่จะทำให้ผู้ชุมนุมนั้นยุติหรือสลายการชุมนุม เพราะอย่างไรก็ตามเราคือตุลาการ ดังนั้นจะยังคงยึดถือตามแนวทางของเราอย่างที่เคยปฏิบัติตลอดมา
และเราไม่มีสิทธิ์ไปสั่งการให้ผู้ชุมนุมลดระดับหรือสลายการชุมนุม หากจะถามถึงการดำเนินการต้องไปถามบรรดาแกนนำว่าจะสั่งการอย่างไร
อีกทั้งการปราศรัยของแกนนำที่โจมตีตุลาการนั้น เราก็กำลังฟังคำปราศรัยนั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นไฮด์ปาร์กหรือการแถลงการณื เราต้องฟังให้หมด จะได้รู้ว่าใครพูดอะไร และมีความคิดต่อเราเช่นไร
แม้ตุลาการจะไม่แสดงท่าทีตอบโต้ แต่เราก็ได้รับฟังอย่างละเอียดและคิดว่ายังไม่ควรผลีผลามกระทำการใด ๆ มิเช่นนั้นตุลาการจะกลายเป็นคู่กรณีที่มีการโต้เถีงกันไปไม่จบสิ้น หรืออาจถูกหยิบยกเป็นประเด็นทางการเมือง
ดังนั้นระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีเป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรให้ความเห็น เราจะพูดเมื่อถึงเวลาที่ควรพูด

