เวทีงัดข้อ"นิติบัญญัติ-ตุลาการ"

ข่าวสด วันที่ 4 พฤษภาคม 2556
รายงานพิเศษ

การชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญของกลุ่มคนเสื้อแดง เรียกร้องให้ตุลาการฯ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมเป่านกหวีดระดมพลขับไล่เต็มรูปแบบ


รวมถึงการประกาศจุดยืนของกลุ่ม ส.ส. ส.ว. 312 คน ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ กรณีรับคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราขัดมาตรา 68

ซึ่งล่าสุดพรรคเพื่อไทยมีมติไม่ให้สมาชิกส่งคำชี้แจงส่วนตัวต่อศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมเดินสายชี้แจงเหตุผลต่อประชาชนและองค์กรอิสระทั้งหมด ยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญ

กรณีดังกล่าวสร้างความกังวลว่าเหตุการณ์อาจนำไปสู่ความรุนแรง ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาโดยตรงได้ชี้แจงถึงจุดยืนของตัวเองดังต่อไปนี้

ธิดา โตจิราการ 
ประธานกลุ่ม นปช.


กลุ่มคนเสื้อแดงไปขุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญเรียกร้องให้ตุลาการฯ ลาออกนั้น คงไม่น่าไปสู่เหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เพราะรัฐสภายังทำงานตามระบบได้ ขณะที่ฝ่ายบริหารก็ยังเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินได้

จึงควรแก้ไขปัญหาตามระบบที่เดินได้ เช่น สมาชิกรัฐสภาใช้กระบวนการทางรัฐสภาตอบโต้ศาลรัฐธรรมนูญ  เป็นการยืนยันอำนาจของฝ่ายติติบัญญัติ  ส่วนนายกฯ ก็ยืนยันอำนาจของฝ่ายบริหาร

แต่กรณีที่มาและการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีปัญหา  ประชาชนและสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย  จึงเรียกร้องให้แก้ไขตามระบบ

เราเคยยื่นถอดถอนไปแล้ว  อยากเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการเรื่องดังกล่าวเสียที  เมื่อยื่นไปนานแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองจึงเป็นธรรมดาที่ประชาชนจะลุกขึ้นมาเรียกร้องอีกครั้ง

วันนี้ถึงจุดที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องทบทวนตัวเอง  เสียงส่วนใหญ่พากันแสดงออกขนาดนี้  ซึ่งไม่เฉพาะคนเสื้อแดง  แต่ประชาชนกลุ่มอื่นก็ออกมาเรียกร้องด้วย

เหตุการณ์ชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นธรรมชาติ  เพราะประชาชนทนไม่ไหว  แม้ไม่ใช่มติของคนเสื้อแดง แต่ประชาชนเขาคิดตรงกัน แต่เราย้ำเสมอว่าอย่าทำอะไรรุนแรง ให้ใช้ความระมัดระวังเพราะประชาชนเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งหมด ขอให้ต่อสู้ด้วยสันติวิธี

และขอให้ระวังคำพูดที่อาจนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีและการกระทบกระทั่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุด

อย่างไรก็ตามเรามีทีมทนายความอาสาดูแลเรื่องคดีความหากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ

ส่วนประชาชนจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของศาลรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งไม่ควรทำอะไรที่เรียกคนเสื้อแดงให้มากขึ้น

ภูมิธรรม  เวชยชัย
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย

ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่เคยหาเสียงช่วงเลือกตั้ง เมื่อเราเป็นแกนนำแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 ก็มาติดขัดอยู่ที่วาระ 3 เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจนทำให้เกิดปัญหา

เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง สมาชิกรัฐสภาจึงใช้วิธีแก้ไขรายมาตราตามที่ศาลวินิจฉัย แต่ท้ายสุด ตุลาการฯ ยังรับวินิจฉัยกรณีการแก้ไขรายมาตราของ ส.ส. ส.ว. 312 คนอีก เสมือนปิดหนทางแก้รัฐธรรมนูญไม่ให้เกิดขึ้น

เมื่อมีปัญหาอีก กระทั่งมีข้อกล่าวหาจากฝ่ายค้านและฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลว่าเรากำลังล้มศาลรัฐธรรมนูญอีก กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ

แต่เมื่อรัฐสภายืนยันว่ามีอำนาจออกกฏหมายโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งดำเนินการแก้ไขรายมาตราตามคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญ ม.291 มีบทเฉพาะให้แก้ไขได้

ดังนั้นการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นการขยายขอบเขตอำนาจ ซึ่งก้าวล่วงและกระทบการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ

การประชุมพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภา เห็นด้วยกับสมาชิกรัฐสภาเสียงส่วนใหญ่ที่จะไม่ส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องไว้วินิจฉัยตาม ม.68 รัฐสภาจึงไม่ต้องดำนเนินการตามคำสั่ง

และจะจัดทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจงการไม่ยอมรับอำนาจศาล ส่งถึงประชาชนและองค์กรอิสระทั้งหมด ยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการยืนยันอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ  และเพื่อปฏิเสธการขยายขอบเขตอำนาจของตุลาการด้วย

ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงไปขุมนุมเพื่อต่อต้านการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในขณะนี้ เป็นเพียงการใช้สิทธิตามกฏหมาย คงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ  ขณะที่พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเรายืนยันว่าไม่นิยมการใช้ความรุนแรง

เมื่อสถาบันหลักกำลังเห็นต่าง สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือ เราต้องทำให้สังคมเห็นปัญหา เห็นข้อแตกต่างเพื่อนำไปสู่ทางออก โดยเฉพาะประเด็นการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่เกินเลยไปหรือไม่

ผมมองว่าศาลรัฐธรรมนูญยังต้องคงอยู่ แต่ต้องมีการปฏิรูปองค์กรให้ทำหน้าที่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ใช้หลักนิติธรรมเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา

ส่วนที่มีส.ส.บางส่วนจะยื่นถอดถอนตุลาการบางรายนั้น ไม่ถือเป็นมติพรรค เป็นการใช้เอกสิทธิ์ของการเห็นต่าง จากสถานการณ์ทางการเมืองที่เป็นอยู่พิสูจน์ด้วยใจที่เป็นธรรมว่า เราไม่ได้เป็นพวกก้าวร้าวต่อต้านอำนาจหรือขยายความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้น

เรื่องราวการต่อสู้ครั้งนีี้จะจบลงอย่างไรอยู่ที่ประชาชนตัดสิน  ขณะนี้เรากำลังฟ้องประชาชนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น  ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเราหลบเลี่ยงเต็าที่หลีกหนีเต็มทน  ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ

แต่ขอให้ทุกฝ่ายมีสติ อย่าถือทิฐิ ใช้เหตุผล เชื่อว่าประเทศจะหาทางออกได้

จรัญ  ภักดีธนากุล
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

กรณีคนเสื้อแดงในนามกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) มาชุมนุมบริเวณหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กดดันให้คณะตุลาการฯ พิจารณาทบทวนตนเองและยุติการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฏหมายและประชาธิปไตยนั้น

การปราศรัยของแกนนำเสื้อแดงมีถ้อยความที่กล่าวหาคณะตุลาการต่าง ๆ นานา ทั้งการปราศรัยในแง่กฏหมายและความรุนแรงทางถ้อยคำ

ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่มีความคิดเห็นหรือการดำเนินการใด ๆ ที่จะทำให้ผู้ชุมนุมนั้นยุติหรือสลายการชุมนุม  เพราะอย่างไรก็ตามเราคือตุลาการ ดังนั้นจะยังคงยึดถือตามแนวทางของเราอย่างที่เคยปฏิบัติตลอดมา

และเราไม่มีสิทธิ์ไปสั่งการให้ผู้ชุมนุมลดระดับหรือสลายการชุมนุม  หากจะถามถึงการดำเนินการต้องไปถามบรรดาแกนนำว่าจะสั่งการอย่างไร

อีกทั้งการปราศรัยของแกนนำที่โจมตีตุลาการนั้น  เราก็กำลังฟังคำปราศรัยนั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นไฮด์ปาร์กหรือการแถลงการณื เราต้องฟังให้หมด จะได้รู้ว่าใครพูดอะไร และมีความคิดต่อเราเช่นไร

แม้ตุลาการจะไม่แสดงท่าทีตอบโต้  แต่เราก็ได้รับฟังอย่างละเอียดและคิดว่ายังไม่ควรผลีผลามกระทำการใด ๆ มิเช่นนั้นตุลาการจะกลายเป็นคู่กรณีที่มีการโต้เถีงกันไปไม่จบสิ้น หรืออาจถูกหยิบยกเป็นประเด็นทางการเมือง

ดังนั้นระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีเป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรให้ความเห็น  เราจะพูดเมื่อถึงเวลาที่ควรพูด