จดหมายขอความเป็นธรรม โดย นพ.เหวง โตจิราการ

จาก facebook นพ.เหวง โตจิราการ วันอังคารที่ 23 เมษายน 2553

ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์พวกเขามีธงเอาพวกผมเข้าคุกโดยเร็วที่สุด ให้อยู่ในคุกนานที่สุด และถ้าเป็นไปได้ก็ให้อยู่คุกยาวตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตไปเลย

ดังนั้นพวกเขาสร้างเรื่องทั้งหมด
เช่นชายชุดดำ พวกเขาถ่ายทำขึ้นเอง ยังสงสัยว่า ชายชุดดำน่าจะเป็นทหารบางคน เพราะดูอิริยาบถท้ังหมดในหนังชุดนั้นแล้ว ต้องเป็นทหารแน่จึงเคลื่อนไหวอย่างนั้นได้ แล้วก็ไปขายให้อัลจาชีเราะ(อัลจาชีเราะยอมรับแล้วครับว่า ซื้อหนังชุดนี้มาเผยแพร่ และยังยืนยันว่าพวกเขาไม่เห็นชายชุดดำแม้แต่คนเดียวในคืนวันที่10เมษา53ที่ถนนดินสอและถนนตะนาว)

อัลจาชีเราะยืนยันนะครับไม่ใช่พวกเรายืนยัน นอกจากนี้รถตู้สีขาวที่รัฐบาลอภิสิทธิ์กล่าวหาว่านำเอาชายชุดดำมาส่งเพื่อมาฆ่าที่ถนนตะนาว ถนนดินสอ ก็ยืนยันว่า จุดนั้นคือสี่กั๊กพระยาศรี ไม่มีทางที่จะส่งชายชุดดำที่นั่นแล้วเดินสะพายอาร์ก้า เอ็ม79 เดินส่ายอาดๆ ต่อหน้าคนจำนวนมหาศาล มายังถนนตะนาว ถนนดินสอได้

สรุปคือพวกรัฐบาลอภิสิทธิ์สร้างนิทานโกหก แล้วก็โกหกยาวนานผ่านทีวี11 จนคนพลอยหลงเชื่อ แล้วฟ้องพวกผมข้อหาก่อการร้าย
ที่สำคัญคือ พวกเขาไม่ให้ความเป็นธรรม ไม่ให้โอกาสในการต่อสู้แม้แต่นิด สำนวนเสร็จในระหว่างที่พวกผมอยู่คุก ใช่คุกครับ ที่ค่ายนเรศวร

แล้วก็เร่งเอาตัวมาเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และก็ไม่ให้โอกาสในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม
ในเวลาถูกฝากขัง7ฝาก เร่งรีบลุกลี้ลุกลน เพื่อให้เสร็จก่อนครบ7ฝาก(เพราะต้องปล่อยทันทีเมื่อครบ7ฝาก)แล้วส่งฟ้องศาลเลย ศาลท่านว่าไปตามสำนวน ท่านไม่ให้ประกัน
เพื่อนๆลองเปรียบเทียบกับคดียึดสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมืองยึดทำเนียบ ยึดNBT ยึดสถานที่ราชการฯลฯ ซึ่งชัดเจนมากเพราะ จำลองศรีเมือง ทำพิธีส่งสนามบินสุวรรณภูมิคืน แซมดินมาพร้อมกับกองกำลังอาวุธแล้วก็ขึ้นไปบนหอบังคับการบินสุวรรณภูมิ

คดีพันธมิตร ใช้เวลา กว่าห้าปีครับ แล้วไม่เคยถูกขังครับ พอส่งฟ้องศาล ก็ได้รับการประกันตัวทันทีครับ(ผมเคารพดุลพินิจของศาลนะครับ)
แต่ของพวกเรา ประมาณสามเดือนเศษเท่านั้นเอง ก็ส่งฟ้องศาลได้ แล้วก็ถูกขังคุก ตั้งแต่มอบตัวเลย กว่าจะได้ประกันตัวก็ กว่าเก้าเดือน พวกเราอีกหลายคนยังไม่ได้ประกันตัวครับ
มาถึงวันนี้ เนื้อในที่กล่าวหาพวกผมว่าก่อการร้าย มี14 ประเด็นที่ตำรวจ "งดสอบสวน"แปลว่า โคมลอยครับ แล้วอีก 14สำนวน บางสำนวนศาลก็ยกฟ้องครับ บางสำนวนศาลท่านลงโทษแต่ก็ไม่เกี่ยวกับพวกผมครับ

เรื่องเผาเซนทรัลศาลท่านก็ยกฟ้อง แล้วศาลแพ่งยังพิพากษาว่า คนเสื้อแดงไม่ใช่ "ก่อการร้าย" เป็นเพียง "ก่อการจลาจล" และไม่ได้เผาเซนทรัล ไม่ได้เผาโรงหนังสยามครับ
ศาลอาญาก็พิพากษายกฟ้อง สองสำนวน สี่คนครับ คือ เยาวชนของเราสองคน กับสายชลแพบัว และพินิจจันทร์ณรงค์ครับ

ผมก็เลยรวบรวมเรื่องทั้งหมด ยื่นดีเอสไอ เพื่อขอให้ทบทวนการฟ้องพวกผม นี่เป็นหลักการในกฏหมายครับว่า ถ้ามีหลักฐานใหม่ที่มีน้ำหนักมากพอทำให้รูปคดีเปลี่ยนก็สามารถยื่นเรื่องทบทวนได้ครับ
วันนี้(23/4/56)ผมก็จะไปยื่น อัยการสูงสุดต่อ เพื่อขอความเป็นธรรมที่พวกเราไม่เคยได้รับตั้งแต่ต้นครับ ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญ2550ของพวกเขา รับรองไว้ในมาตรา39 และ40ครับ เพื่อขอให้อัยการสูงสุดทบทวน และยื่นถอนฟ้องพวกผมครับ
ผมขอแนบ จดหมายที่ส่งอัยการสูงสุดมาให้พวกเราได้อ่านด้วยครับ
ขอโทษด้วยนะครับที่ เนื้อหาในวันนี้ยาวมากครับ

จดหมายขอความเป็นธรรม เพื่อขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาถอนฟ้องยังศาล
รัฐสภา อู่ทองใน ดุสิต กทม.10300
22 เมษายน 2556
เรื่อง ขอความเป็นธรรม และขอให้พิจารณาถอนฟ้อง คดีก่อการร้าย
เรียน อัยการสูงสุด
อ้างถึง คดีดำหมายเลข อ.2542/2553
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1.คำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่1682/2553 คดีหมายเลขแดงที่1550/2555
2.คำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่2478/2553 คดีหมายเลขแดงที่อ.1424/2556
3.คำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ผบ.4326/2554คดีหมายเลขแดงที่ผบ.547/2556
4.คำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ผบ.1212/2555คดีหมายเลขแดงที่ผบ.633/2556
5.คำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ผบ.1219/2555คดีหมายเลขแดงที่ผบ.635/2556
6.จดหมายขอความเป็นธรรมฉบับที่1.รายละเอียดงดสอบสวน14กรณี
7.จดหมายขอความเป็นธรรมจากการยกฟ้องของศาล5คดี(คำพิพากษา1-5ข้างต้น)
อ้างถึง คดีก่อการร้ายหมายเลขดำที่อ.2542/2553

พวกกระผมทั้งสิ้น24คนได้ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์กล่าวหาและส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งฟ้องศาลข้อหา”ก่อการร้าย”เป็นคดีดำอ.2542/2553ดังที่อ้างถึงนั้น
ในการถูกฟ้องดำเนินคดีดังกล่าว พวกกระผมเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง ดังที่รัฐธรรมนูญฉบับ2550ได้ให้ความคุ้มครองไว้
ในมาตรา39ที่กล่าวว่า “ในคดีอาญาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผุ้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฎิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”และ

มาตรา40ที่กล่าวไว้ว่า บุคคลย่อมมีสิทธในกระบวนการยุติธรรมดังนี้”......(2)การเสนอข้อเท็จจริง ข้อโต้แย้ง และพยานหลักฐานของตน
(4)...รวมทั้งสิทธิในการได้รับการสอบสวนอย่างถูกต้อง .....
(7)ในคดีอาญาผู้ต้องหาหรือจำเลยมีสิทธิได้รับการสอบสวนที่ถูกต้อง
ได้รับโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ
ได้รับการตรวจสอบหรือได้รับทราบพยานหลักฐานตามสมควร
ทั้งหมดนี้ พวกกระผมไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยสิ้นเชิง คดีที่กล่าวหาพวกกระผมดำเนินการโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ
ในระหว่างที่พวกเขาทำสำนวนพวกกระผมโดนกักขังที่ค่ายนเรศวรโดยอำนาจของพรก.ฉุกเฉิน
ดังนั้นพวกกระผมถูกทำลายสิทธิ์ของการเสนอข้อเท็จจริง ข้อโต้แย้ง และพยานหลักฐานของพวกกระผมโดยสิ้นเชิง

พวกกระผมถูกทำลายสิทธิในการได้รับการสอบสวนอย่างถูกต้องโดยสิ้นเชิง พวกกระผมถูกทำลายโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างสิ้นเชิง
เพราะการถูกกักขังอยู่ที่ “ค่ายกักกัน ค่ายนเรศวร ประจวบคีรีขันธ์”ทำให้พวกกระผมไม่สามารถดำเนินการในการรวบรวมพยานหลักฐาน การกลั่นกรองข้อเท็จจริงต่างๆเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ในระหว่างนั้นพวกกระผมได้พยายามขอให้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษสอบพยานฝ่ายพวกกระผมก็ได้รับการปฎิเสธ

และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ต้องการส่งฟ้องพวกกระผมโดยเร็วที่สุด และไม่อนุญาตให้พวกกระผมได้รับการประกันตัวซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ2550มาตรา40(7)
จึงส่งพวกกระผมมาฝากขัง7ฝากที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯลาดยาว
ระหว่างนั้นพวกกระผมก็ขอความเป็นธรรมให้สอบพยานของพวกกระผม ในชั้นของอัยการ ก็ไม่ได้รับการพิจารณาแต่อย่างไร

ได้มีการเร่งรีบดำเนินคดีจนน่าแปลกใจเพื่อให้ทันก่อนที่จะหมดระยะเวลาฝากขัง84วัน(7ผลัดผลัดละ12วัน)เพราะพวกกระผมจะได้รับการปล่อยตัวตามกฏหมาย
แต่นี่คงต้องการให้พวกกระผมต้องอยู่ในเรือนจำให้ยาวนานที่สุดหรืออย่างไรไม่ทราบได้?
ซึ่งเมื่อเทียบกับคดีพวกพันธมิตรฯ ที่การกระทำผิดในการยึดสนามบินยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสถานีโทรทัศน์ช่อง11เพื่อต่อเชื่อมสัญญาณเข้ากับเอเอสทีวี ชัดเจนมากต่อหน้าคนทั้งประเทศแต่คดีของพวกเขาใช้เวลาประมาณ5ปี และได้รับการประกันตัวทุกคน คดีของพวกกระผมใช้เวลาประมาณ4เดือนและไม่ได้รับการประกันตัวเป็นเวลายาวนาน ปัจจุบันก็ได้รับการประกันตัวเพียงบางส่วน
มาในปัจจุบัน แม้ว่าจะส่งฟ้องต่อศาลแล้ว ก็ปรากฎว่า “การกระทำที่ถือว่าเป็นความผิดตามกฏหมายอาญาจนนำไปสู่การฟ้องในข้อกล่าวหาก่อการร้ายนั้น ทางตำรวจเจ้าพนักงานสอบสวน ได้งดการสอบสวนไปทั้งสิ้น14สำนวนจาก ความผิดจำนวน28สำนวนที่รวบรวมเชื่อมโยงมากล่าวหาในข้อหาก่อการร้าย นอกจากนี้ใน อีก 14 สำนวน ที่ส่งฟ้องศาล จนศาลได้มีคำพิพากษาจำนวนหนึ่ง ทั้งยกฟ้อง ก็มี ที่มีความผิดและต้องโทษจำคุกก็มี แต่ก็ไม่มีสำนวนใดเลยที่สามารถเชื่อมโยงการกระทำความผิดมายังพวกกระผมได้แต่ประการใด”(ดูในสิ่งที่ส่งมาด้วยลำดับ6,7จดหมายฉบับที่1และ2)

ที่สำคัญคือ ในคำพิพากษศาลแพ่งตามสิ่งที่ส่งมาด้วยหมายเลข3,4,5ล้วนแล้วแต่ยืนยันว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดง “ไม่ใช่การก่อการร้าย” “คนเสื้อแดงไม่ได้เผาอาคารเซน ไม่ได้เผาอาคารเซนทรัลเวิลด์ ไม่ได้เผาโรงหนังสยาม” การปราศรัยของแกนนำคนเสื้อแดง”เพื่อป้องปรามไม่ให้รัฐบาลอภิสิทธิ์มาปราบปรามด้วยกำลัง ไม่ให้รัฐบาลอภิสิทธิ์มาทำร้ายผู้ชุมนุมเสื้อแดงเท่านั้น”
และคำพิพากษาศาลอาญาตามสิ่งที่ส่งมาด้วยหมายเลข1,2ก็ยืนยันว่าคนเสื้อแดงไม่ได้เผาอาคารเซนทรัล

ในเมื่อมีข้อเท็จจริงปรากฏขึ้นจำนวนมากมายอันมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ ข้อกล่าวหาที่กล่าวหาพวกผมนั้นไม่ชอบด้วยองค์ประกอบทางกฏหมายของ”การก่อการร้าย”โดยสิ้นเชิงเช่นนี้แล้ว
ดังนั้นกระผม จึงใคร่ขอความกรุณาจากท่านอัยการสูงสุดได้โปรดพิจารณาทบทวน การกล่าวหาพวกกระผมในข้อหา “ก่อการร้าย”ดังกล่าว และได้กรุณาพิจารณายื่นเรื่องเพื่อขอถอนฟ้องคดีจากศาลด้วย
จักเป็นพระคุณยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ

(( (นพ.เหวง โตจิราการ จำเลย ลำดับที่ 4)