
รายงานพิเศษ
กรณี นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. ร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถอนฟ้องแกนนำ นปช.ในคดีก่อการร้าย
โดยนำคำตัดสินคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นหลักฐานนั้น
มีความเห็นจากนักวิชาการทั้งในมุมของความ ยุติธรรม การเมือง และความเป็นไปได้ในแง่กฎหมาย
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
นักวิชาการอิสระ
การที่ นพ.เหวง ขอให้ถอนคดีก่อการร้ายทั้งหมด ถือว่าเป็นการเดินหน้าที่ดีในการปลดปล่อยนักโทษทางการเมืองให้ได้รับอิสระ
การเรียกร้องให้ถอนคดีกล่าวหา คนเสื้อแดงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย หรือ การให้คนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังได้รับการประกันตัว เป็นสิ่งที่ควรจะดำเนินการมาตั้งนานแล้ว
เพราะคนเสื้อแดงที่ถูกจับเนื่องจากออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น ในข้อเท็จจริงระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้
สาเหตุที่ต้องมีการทบทวน หรือดำเนินการเรื่องถอนคดีและการให้ประกันตัว เพราะ
1.ตั้งแต่การสลายการชุมนุมและการจับกุมดำเนินการภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
2.รัฐบาลที่แล้วใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อเป็นการกดดันทางการเมือง
และ 3.ช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา มีนักโทษทางการเมืองถูกปล่อยตัวเนื่องจากศาลพิจารณาแล้วไม่สามารถชี้มูลความผิดได้
ล่าสุด ศาลมีคำสั่งยกฟ้องผู้ต้องหา เสื้อแดงที่ตกเป็นจำเลยในคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นการลบคำครหาว่าเป็นพวกเผาบ้านเผาเมืองโดยปริยาย และแสดงได้อย่างชัดเจนว่า เป็นการกล่าวหาที่หลักฐานไร้น้ำหนัก ยังไม่นับข้อกล่าวหาเรื่องชายชุดดำ หรือครอบครองอาวุธ
ส่วนการถอนคดีหรือการให้ประกันตัว จะไม่ถือว่าองค์กรต่างๆ ดำเนินการผิดพลาด หรือจับแพะ หากแต่เป็นการให้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน ซึ่งเป็นการให้ผู้ถูกกล่าวหามีโอกาสที่จะต่อสู้ทางกฎหมาย ต่อสู้ทางคดี ไม่ใช่ถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว
แต่การที่ไม่ให้มีการประกันตัวและกล่าวหาผู้เคลื่อน ไหวทางการเมืองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ย่อมเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพและจะถูกมองว่าไม่มีความยุติธรรม
ดังนั้น การที่คนเสื้อแดงถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ อยู่ในสถานะที่เรียกว่า "ติดคุกฟรี" ยิ่งติดนานยิ่งมีแต่ส่งผลเสีย ทั้งสภาพจิตใจ ร่างกาย และประวัติ แม้ว่าจะให้เงินชดเชยก็ไม่สามารถทดแทนกันได้
การที่ นพ.เหวง ไปยื่นตรงต่อกระทรวงยุติธรรม ถือว่าทำถูกต้องแล้ว และเริ่มมีสัญญาณออกมาว่าน่าจะเป็นไปตามที่ นพ.เหวง ร้องขอ
เพราะก่อนหน้านี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม อาสาจะเป็นผู้วางเงินประกันตัวนักโทษทางการเมืองให้ได้รับการปลดปล่อย ถือว่าเป็นผลงานที่น่าชื่นชมและควรเร่งดำเนินการ
แม้ว่าขณะนี้จะมีการผลักดันเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่คาดว่ากว่าจะผ่านรัฐสภาได้คงต้องล่าช้า แต่นักโทษทางการเมืองต้องได้รับการปลดปล่อย ได้รับการประกันตัวออกมา ไม่จำเป็นต้องรอกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะการแสดงออกถึงอุดมการณ์ทางการเมือง เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ดังที่กล่าวไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้วแม้นักโทษทางการเมืองจะได้อิสรภาพแต่ก็อยู่ในฐานะที่เป็นผู้เสียหาย รวมทั้งผู้ที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม เพราะฉะนั้นเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นต้องมีผู้รับผิดชอบ
สมชาย ปรีชาศิลปกุล
นิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่
การที่ นพ.เหวง ใช้คดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ที่ศาลแพ่งมีคำตัดสินออกมาแล้วทั้ง 3 คดี ยื่นต่อกระทรวงยุติธรรมใช้เป็นหลักฐานถอนฟ้องคดีก่อการร้ายนั้นสามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิของฝ่ายจำเลยหรือผู้ต้องหา ที่สามารถยื่นขอความเป็นธรรมได้หากเห็นว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
แต่อย่าลืมว่าคดีก่อการร้ายเป็นคดีอาญา ซึ่งเป็นคดีคนละประเภทกับคดีแพ่ง และมีข้อหาความผิดต่างกัน
รวมถึงบุคคลที่ถูกฟ้องร้องในคดีอาญาก็ไม่ได้เป็นคนเดียวกับที่ศาลพิพากษายกฟ้องในคดีแพ่ง อีกทั้งการยกฟ้องอีกคดีหนึ่งไม่สามารถจะนำไปใช้พิจารณาในการยกฟ้องคดีอื่นๆ ได้
จึงน่าจะอยู่นอกเหนือการพิจารณา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดีเอสไอว่าจะนำมาสัมพันธ์กันอย่างไร
สำหรับกระบวนการส่งฟ้องจะพิจารณาจากพยานหลักฐาน ในกรณีนี้เรื่องอยู่ในชั้นศาลแล้ว แสดงว่าอัยการต้องดูพยานหลักฐานเรียบร้อยแล้ว และเห็นว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอจึงส่งฟ้อง
แม้ว่าอัยการจะมีอำนาจถอนฟ้องได้ แต่อาจถูกกล่าวหาว่าทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์และไม่รอบคอบ รวมถึงการถูกครหาว่าถูกครอบงำทางการเมือง
ดังนั้น กระบวนการพิจารณาทางศาลคงต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งผู้ถูกฟ้องสามารถนำพยานหลักฐานเข้ามาต่อสู้คดีได้
สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชนของรัฐบาล เป็นช่องทางของรัฐสภาที่จะดำเนินการในส่วนของกฎหมาย
ส่วนตัวคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องที่ นพ.เหวงไปยื่นเรื่องถอนฟ้อง เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการทางศาล
พวงทอง ภวัครพันธุ์
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ
จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 (ศปช.)
ดีเอสไอ และกระทรวงยุติธรรม จะถอนคดีก่อการร้ายให้กับคนเสื้อแดงหรือไม่ คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่ นพ.เหวง และแกนนำคนเสื้อแดง ไปยื่นหนังสือพร้อมแนบเอกสารให้ถอนคดีก่อการร้าย
เพราะส่วนตัวเชื่อว่าดีเอสไอคงพิจารณาจากข้อมูลและหลักฐานประกอบคำตัดสินของศาล กรณีคนเสื้อแดงอื่นๆ ที่ได้รับการปล่อยตัวจากคดีเผาห้าง สรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์แล้วว่าไม่ได้เป็นการก่อการร้าย ซึ่งต้องพิจารณาว่าคนเหล่านี้เกี่ยวข้องกับแกนนำด้วยหรือไม่
ส่วนตัวเห็นว่าพฤติกรรมของแกนนำเสื้อแดงไม่เข้าข่ายก่อการร้าย และไม่มีหลักฐานเรื่องการใช้กำลังอย่างเป็นระบบ
อย่างไรก็ตาม นพ.เหวง คงต้องระมัด ระวังไม่ให้ถูกมองว่าการไปยื่นให้ดีเอสไอถอนคดีครั้งนี้เป็นการสร้างแรงกดดันทาง การเมืองต่อการทำหน้าที่ของดีเอสไอ ดีเอสไออาจจะอยากถอนคดีอยู่แล้วก็ได้ แต่พอ นพ.เหวง ไปยื่นเรื่องแบบนี้ก็อาจเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีได้ว่าดีเอสไอถอนคดีเพราะถูกกดดันทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม หากปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการในชั้นศาล ส่วนตัวเชื่อว่าทั้งหมดคงหลุดอยู่แล้ว ขณะนี้กระบวน การก็เดินหน้าอยู่ไม่มีอะไรต้องกังวล
แต่ก็เข้าใจว่าการต้องเดินทางไปขึ้นศาลบ่อยๆ ก็เป็นภาระของเขา อีกทั้งบางคนเป็นส.ส.เมื่อต้องเดินทางออกนอกประเทศก็ต้องขออนุญาตจากศาล อาจต้องการความสะดวกมากขึ้นจึงใช้ช่องทางในการยื่นให้มีการถอนคดี
และแม้ว่าการยื่นถอนคดีก่อการร้ายครั้งนี้เป็นคนละเรื่องกับการเดินหน้าร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรม เป็นคนละกระบวน การไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่เป็นธรรมดาที่ฝ่ายตรงข้ามอาจหยิบยกขึ้นมาโจมตีว่ายื่นถอนคดีเพื่อที่แกนนำจะได้ไม่ต้องรับโทษในข้อหาก่อการร้าย
หากมีการนำมาเชื่อมโยงกันก็ไม่ต้องแปลกใจ แต่เชื่อว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่และไม่มีปัญหา
