เริ่มมีการยอมรับอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้นว่า การประชุมสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่เขาใหญ่ นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 6-7 มกราคม เสมอเป็นเพียงการเริ่มต้น มิได้เป็นจุดยุติ เป็นการออกมายอมรับของ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ซึ่งน้ำหนักของคำพูดจำเป็นต้องล้างหูน้อมรับฟังอย่างเป็นพิเศษ
เพราะ 1 ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกัน เพราะ 1 ได้รับมอบหมายจากครม.ให้เป็นกรรมการในคณะทำงานเพื่อศึกษาข้อกฎหมายและวิธีการทำประชามติ กระนั้น น้ำเสียงของ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ก็ต่างไปจากคนอื่นๆ เพราะมิได้ต้องการให้ยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมิได้ต้องการให้ชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปอย่างไม่มีกำหนด ตรงกันข้าม ต้องการเดินหน้าแต่เดินหน้าอย่างรัดกุม
ต้องยอมรับว่าการดำรงอยู่ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เป็นการดำรงอยู่อย่างมีเขี้ยวมีคม เป็นการดำรงอยู่อย่างมากด้วยกับดักและหลุมพราง เขี้ยวคมทำให้สามารถออกอาวุธได้ตลอดเวลา กับดักและหลุมพรางสามารถหลอกล่อให้เดินไปอย่างไม่สะดวกง่ายดาย อันตรายวางรออยู่เบื้องหน้าอย่างไม่รู้ตัว นายสมัคร สุนทรเวช ตกเก้าอี้มาแล้วเพราะไปทำกับข้าวออกทีวี พรรคพลังประชาชนถูกยุบมาแล้ว และส่งผลให้รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องอำลาจากไป ที่การแก้ตามมาตรา 291 มิอาจเดินหน้าไปได้อย่างง่ายดายก็จากเขี้ยวคม กับดักมิใช่หรือ จึงต้องยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกักอย่างที่เห็นๆ กันอยู่
หนทางที่พรรคเพื่อไทยจักต้องเลือกเดินอาจมีอยู่ 3 หนทาง คือ เดินหน้าโหวตวาระ 3 หรือแก้ไขเป็นรายมาตรา หรือจะทำประชามติก่อนตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง โอกาสที่จะโหวตวาระ 3 ริบหรี่เป็นอย่างยิ่ง การแก้ไขเป็นรายมาตราเหมือนกับเป็นทางที่เปิดไว้อย่างเต็มที่ แต่บทเรียนจากอดีตก็ยืนยันว่าไม่ง่าย โอกาสถูกรั้งดึง เตะถ่วง เกิดขึ้นได้ในวาระแปรญัตติ เหมือนกับหนทางประชามติน่าจะเป็นไปได้และ ดีที่สุดในท่ามกลางความยากลำบาก แต่ก็มิได้ง่ายดาย มิได้ราบรื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขา ยังมีกับดัก ยังมีหลุมพรางรออยู่ ประเมินจากน้ำเสียงส่วนใหญ่ภายในพรรคเพื่อไทย
การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำแน่นอน ทำเพราะว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มากด้วยปัญหา สกัดขัดขวางประชาธิปไตยและการบริหารประเทศ ที่สำคัญก็คือเป็นกับดักและหลุมพรางอันวางไว้โดยขบวนการรัฐประหาร ปมเงื่อนอยู่ตรงที่จะดำเนินการแก้อย่างไร