เผยคนเจ็บม็อบ53 ถูกยิง2หน พิการถึงตาบอด ร่วมแจ้งจับเพิ่ม คดีพยายามฆ่า 'ดีเอสไอ'พร้อม รับชุดแรก15คน

ข่าวสด 26 ธันวาคม 2555



'ดีเอสไอ' จัดสถานที่และทีมสอบรองรับเหยื่อปืนผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายม็อบปี เข้าแจ้งข้อหาเพิ่มกับ 'มาร์ค-เทือก' ฐานพยายามฆ่า ทำร้ายร่างกาย ชุดแรก 15 คน มี 'ลุงสมร ไหม ทอง' ที่โดนยิงถล่มรถตู้ร่วมด้วย ขณะที่คนเจ็บรายอื่นๆ มีทั้งถูกยิงที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยาในคืน 10 เม.ย. อีกรายเจ็บสาหัสโดนยิงถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกที่ขา เหตุเกิดบริเวณอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตย อีกครั้งโดนเข้าหัว กลายเป็นคนพิการตาบอด 2 ข้าง ในเหตุการณ์ 19 พ.ค. ขณะที่ทนายนปช.เผยหลังปีใหม่ชุดที่ 2 อีกนับร้อยราย เข้าแจ้งจับเพิ่ม

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการกลางดีเอสไอ กล่าวว่า ในวันที่ 27 ธ.ค. ทราบว่านายคารม พลพรกลาง ทนายความของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะนำผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 ชุดแรกเข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อกล่าวโทษเพิ่มเติมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในข้อหาพยายามฆ่าและทำร้ายร่างกาย

พ.ต.ท.วรรณพงษ์กล่าวต่อว่า ทางดีเอสไอได้เตรียมสถานที่สอบปากคำผู้บาดเจ็บกลุ่มดังกล่าวแล้ว และเตรียมพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำผู้เสียหายไว้พร้อมเช่นกัน จากนั้นช่วงบ่ายวันเดียวกัน จะประชุมคณะพนักงานสอบสวน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ ตำรวจ และดีเอสไอ โดยมีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เป็นประธานการประชุม และพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เข้าร่วมด้วย เพื่อหารือเกี่ยวกับการพิจารณาสำนวนคดีพยายามฆ่านายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุ การณ์เจ้าหน้าที่ถล่มรถตู้บริเวณถนนราชปรารภ เมื่อกลางดึกวันที่ 14 พ.ค.2553

ด้านนายคารมกล่าวว่า ในวันที่ 27 ธ.ค. เวลา 10.30 น. จะนำประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บชุดแรก จำนวน 15 ราย จากจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งสิ้นกว่า 2,000 ราย ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมม็อบเสื้อแดงเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 เข้าร้องทุกข์ต่อนายธาริต พร้อมทั้งนำหลักฐานเป็นใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันชัดเจนว่าถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ฐานพยายามฆ่าและความผิดฐานทำร้ายร่างกายต่อไป ซึ่งความผิดฐานพยายามฆ่าต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ส่วนของโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี ส่วนความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"ยังมีประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายม็อบเมื่อปี 2553 ติดต่อขอความช่วยเหลือเรื่องกฎหมาย รวมทั้งกรณีดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพอย่างต่อเนื่อง และมีหลายรายแจ้งความประสงค์ว่าต้องการจะเดินทางแจ้งความต่อดีเอสไอ ก็แนะนำให้ผู้ที่แจ้งความประสงค์รวบรวมหลักฐานใบรับรองแพทย์ไว้ และจะพาเข้าพบดีเอสไอเป็นชุดที่ 2 หลังผ่านปีใหม่แล้ว คาดว่าชุดที่ 2 นี้จะมีผู้บาดเจ็บนับร้อยรายเข้าร้องทุกข์กับ ดีเอสไอ" ทนายความนปช.กล่าว

สำหรับผู้บาดเจ็บทั้ง 15 คน ประกอบด้วย นายบดินทร์ วัชโรบล, นายอิทธิกร ตันหยง, นายสันติพงษ์ อินจันทร์, นายปรีชา สุกใส, นายสมร ไหมทอง, นายณรงค์ศักดิ์ สิงห์แม, นายเสกสิทธิ์ ช้างทอง, นางสมภาร พุทธจักร, นายภัศพล ไชยพงษ์, นายกฤติพจน์ บัวดี, นายณัฐพล ทองคุณ, นายธงชัย เหวียน, นายไพโรจน์ ไชยพรหม, นายวิโรจน์ โกสถา, และนายศุภ วัชช์ ปันจันตา

นายบดินทร์ หนึ่งในผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ถูกยิงเข้าที่ท้อง 1 นัด เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 10 เม.ย.2553 ที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ ทุกวันนี้กระสุนยังค้างอยู่ในร่างกาย ส่วนนายไพโรจน์ ผู้บาดเจ็บอีกรายกล่าวว่า ถูกยิงเข้าที่ท้องกับขา 2 นัด บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ถนนวิภาวดีรังสิต

ขณะที่นายเสกสิทธิ์กล่าวว่า ถูกยิง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 ถูกยิงเข้าที่ขา 2 นัด บริเวณหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ส่วนครั้งที่ 2 ถูกยิงที่กลางหน้าผาก ทำให้ตาบอดทั้ง 2 ข้าง ที่หน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 โดยในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ จะนำใบรับรองผลการตรวจของแพทย์ และผลเอกซเรย์ไปมอบให้ดีเอสไอด้วย