จดหมายจากประธานนปช.ถึงสถานทูตและองค์กรระหว่างประเทศเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม

ทีมข่าว นปช.

17 พฤศจิกายน 2555

วันนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.ได้ส่งจดหมายถึงสถานทูตและองค์กระหว่างประเทศเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 โดยเรียกร้องให้ สถานทูตและรัฐบาลของประเทศต่างๆยืนเคียงข้างประชาชนในการปกป้องประชาธิปไตย โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

..................


จดหมายจากประธานนปช.ถึงสถานทูตและองค์กรระหว่างประเทศเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามปลายเดือนพฤศจิกายน 2555


แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)


2539 ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม.


เรียน ฯพณฯ เอกอัครราชทูต

ข้าพเจ้าส่งจดหมายฉบับนี้เพื่อต้องการขอให้ท่านให้ความสนใจกับการดำเนินการที่เป็นปัญหาในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ คำเรียกร้องให้มีรัฐประหารโดยองค์การต่อต้านประชาธิปไตยที่มีนามว่า องค์การพิทักษ์สยาม แสดงให้เห็นว่ามีพลังบางส่วนที่ตั้งใจจะลบล้างสิ่งใดก็ตามที่คล้ายคลึงกับประชาธิปไตยในประเทศนี้ ในนามของประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะจับตาการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามในวันที่ 24 พฤศจิกายน และรัฐบาลของท่านจะพร้อมประนามการกระทำใดก็ตามที่ละเมิดสิทธิ์ของประชาชนไทยในการกำหนดชะตากรรมของตนเอง

พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นายทหารนอกราชการ (หรือที่รู้จักกันในนามเสธ.อ้าย) ผู้นำตัวจริงขององค์การพิทักษ์สยามได้แถลงอย่างชัดเจนว่าการชุมนุมในวันที่ 24 พฤศจิกายนมีความมุ่งหมายที่จะขับไล่รัฐบาลชุดปัจจุบันของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรซึ่งมาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย นอกจากเรียกร้องให้มีรัฐประหารอีกครั้งหนึ่งแล้ว พล.อ.บุญเลิศยังแสดงความเห็นว่าระบบการเมืองของไทยควรถูก “แช่แข็ง” 5 ปีเพื่อเตรียมประเทศให้พร้อมรับ “ประชาธิปไตยของแท้” สิ่งที่น่าสนใจคือแนวคิด “แช่แข็ง”การเมืองประเทศมีแบบอย่างมาก่อนในอดีตยุครัฐบาลทหารขวาจัดของอดีตนายกรัฐมนตรีธานินทร์ กรัยวิเชียรในปี พ.ศ. 2519 นายธานินทร์ซึ่งเป็นองคมนตรีในปัจจุบันประกาศในเวลานั้นขอแช่แข็งการเมืองประเทศไทย 12 ปีเพื่อเตรียมประชาชนให้พร้อมรับ “ประชาธิปไตยที่แท้จริง” ก่อนรัฐบาลของเขาจะถูกล้มไปด้วยการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2520

แทนที่จะมีการปฏิเสธข้อเสนอขององค์การพิทักษ์สยามที่ต่อต้านประชาธิปไตยอย่างโจ่งแจ้งในทันที เรากลับรับรู้ได้ถึงการนิ่งเงียบแบบยอมรับในทีจากหลายภาคส่วนในสังคมไทยซึ่งเคยสนับสนุนการรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ.2549 พรรคประชาธิปัตย์ถึงกับโฆษณาการชุมนุมผ่านช่องโทรทัศน์เอกชน “บลูสกาย” ของพรรคซึ่งเท่ากับบ่อนทำลายระบบรัฐสภาที่พรรคของตนชอบอ้างว่าตนเองยึดมั่น แทนที่จะสร้างทางเลือกที่มีความรับผิดชอบให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวไทย พรรคประชาธิิปัตย์กลับรวมกลุ่มอย่างต่อเนื่องกับองค์กรต่อต้านประชาธิปไตยองค์กรนี้ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากผู้มีอำนาจในแวดวงธุรกิจไทย ข่าวกรองของตำรวจบ่งชี้ว่าองค์การพิทักษ์สยามได้รับเงินจากกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลนี้ถึง6พันล้านบาท

เราหวั่นเกรงว่าการชุมนุมนี้จะถูกใช้สร้างสถานการณ์จลาจลเพื่อเปิดทางให้กับการรัฐประหารโดยใช้กำลังทหารหรือตุลาการภิวัฒน์อย่างใดอย่างหนึ่งอีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นความหวังสูงสุดของเราคือประชาคมนานาชาติจะยืนอยู่ไม่ใช่เฉพาะข้างนปช.เท่านั้นแต่อยู่ข้างประชาชนไทยผู้ปฏิเสธการลิดรอนสิทธิ์ทางการเมืองที่ได้รับการรับรองทั่วโลก การไม่ประนามการกระทำเช่นนั้นเท่ากับเป็นการสนับสนุนโดยนัยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงตามที่รับรองในคำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ และข้อตกลงระดับสากลว่าด้วยสิทธิ์ทางการเมืองและสิทธิ์ของราษฎร

ในส่วนของเรานั้น เราจะเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆที่จะนำไปสู่วิกฤติการณ์ทางการเมือง เราหวังว่าเราจะหวั่นเกรงเกินกว่าความเป็นจริง แต่ประวัติศาสตร์ไทยสอนเรามิให้ประเมินกำลังฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยต่ำเกินไป พัฒนาการของการเมืองไทยยังได้รับผลกระทบจากการรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ.2549 ดังที่แสดงออกในรัฐธรรมนูญฉบับหลังรัฐประหารปี พ.ศ.2550 มาจนถึงทุกวันนี้ นปช.เกิดขึ้นมาจากการตอบโต้ของรากหญ้าต่อการกระทำแบบลุแก่อำนาจอย่างโจ่งแจ้ง และเราจะต่อสู้ต่อไปเพื่อให้ได้ระบบการเมืองที่มีความเป็นธรรมมากกว่านี้ตราบใดที่โครงสร้างรัฐธรรมนูญของไทยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

เราหวังว่าท่านจะสนับสนุนระบบประชาธิปไตยอันเปราะบางของไทย

ขอแสดงความนับถือ

(ธิดา ถาวรเศรษฐ)

ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ

..................


สำหรับต้นฉบับจดหมายภาษาอังกฤษที่ส่งไปยังสถานทูตต่างๆ สามารถอ่านได้ที่นี่

จดหมายถึงสถานทูต-เสธ.อ้าย