ทีมข่าว นปช.
26 พฤศจิกายน 2555
วันนี้ศาลนัดฟังคำสั่งยาวมากในรายละเอียดของพยานแต่ละตน แต่ละฝ่าย แต่ศาลได้ให้น้ำหนักของผู้สื่อข่าวไม่ว่าจะเป็นนักข่าวต่างประเทศและของไทย
คดีนี้เป็นที่น่าสนใจเพราะมีผู้สื่อข่าวเป็นประจักษ์พยานหลายคนไม่ว่าจะเป็นสองนักข่าวเยอรมัน
นิค นอสติทซ์ และ ธีโล เธียลเค จากการเบิกความกรณีการเสียชีวิตของชาญณรงค์ พลศรีลา ที่ถูกยิงเสียชีวิต วันที่ 15 พ.ค.53 ยืนยันตรงกันว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร ขณะที่ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ และผู้สื่อข่าวไทยที่อยู่ในที่เกิดเหตุเข้าเบิกความจำนวนสามปาก จากเครือเนชั่น, ไทยพีบีเอส และโพสต์ทูเดย์ เป็นประจักษ์พยานที่ยันกระสุนมาจากฝั่งทหาร
โดยศาลให้น้ำหนักจากพยานในชั้นนี้มากเพราะเชื่อว่า พยานดังกล่าวไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในคดี และให้การสอดคล้องอยู่ตั้งแต่ก่อนเสียชีวิตในขณะก่อนถูกยิงและหลังถูกยิง รวมทั้งภาพเหตุการณ์ อาวุธปืนเอ็ม16 และทราโว่
ทั้งกรณีจากคำให้การโดยละเอียดของฝ่ายทหารนั้นขัดแย้งกันเอง รวมกันแล้วฟังไม่ขึ้น อีกทั้งยังมีมีร่องรอยกระสุนอย่างน้อย 33 นัดที่ถูกยิงมาจากฝ่ายทหาร พร้อมทั้งที่บริเวณนั้นยังติดป้ายว่าเป็นเขตพื้นที่ใช้กระสุนจริง
ทั้งนี้ศาลได้อ่านคำสั่งกว่า 2 ชั่วโมง จึงนำมาด้วยข้อสรุปตรงกันว่าการตายของนายชาญณรงค์ พลศรีลา เป็นการเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร และผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ
โดยเฉพาะนายชาญณรงค์ พลศรีลา ภาพที่มีการทำท่าง้างหนังสติ๊กเพื่อยืนยันว่าฝ่ายผู้ชุมนุมมีเพียงหนังสติ๊กและมือเปล่า ในขณะที่ทหารมีอาวุธปืน ซึ่งผู้สื่อข่าวต่างประเทศทั้งสอง ได้ถ่ายภาพชาญณรงค์ผู้ตายไม่กี่นาทีก่อนถูกยิง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ชุมนุมถูกเจ้าหน้าที่ยิง และไม่เป็นที่สงสัยใดๆว่ามีการใช้อาวุธจากประชาชน หวังว่าคดีนี้เป็นกระดุมเม็ดที่สอง และคดีต่อๆไป ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของฝ่ายประชาชนที่ทำให้คดีปรากฎขึ้น และเราหวังว่าความจริงจะไม่ทำให้ผู้เสียชีวิตถูกประนามเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ให้ถือว่าเป็นเกรียรติยศชองผู้ตายและฝ่ายประชาชน ต้องขอขอบคุณทหาร พยาน และเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะสื่อที่พูดความจริง