บก.ลายจุด ปิ๊งไอเดียเทศกาล ‘แช่แข็งประเทศไทย’

ประชาไท 15 พฤศจิกายน 2555 >>>



สมบัติ บุญงามอนงค์ ล้อเลียน เสธ อ้าย เตรียมจัดกิจกรรมเทศกาลแช่แข็งประเทศไทย แต่งชุดกันหนาว พกผ้าห่ม ขึ้น BTS ไปกิน ไอศกรีม มองข้อเสนอ ปธ.องค์การพิทักษ์สยาม แทนที่จะแช่แข็งประเทศไทย กลับแช่แข็งตัวเอง

หลังจากที่ “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม  นำการชุมนุมขององค์การและเครือข่าย เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่สนามม้านางเลิ้ง ประสบความสำเร็จ และเตรียมที่จะชุมนุมใหญ่เพื่อไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกครั้งในวันที่ 24 พ.ย.ที่จะถึงที่ พร้อมกับเผยถึง โมเดล "แช่แข็งประเทศ 5ปี”  หลังจากไล่รัฐบาลออกไปแล้ว ตามที่ พล.อ.บุญเลิศ ได้ให้สัมภาษณ์กับโพสต์ทูเดย์ ว่า “เราก็จะมีคณะบุคคลขึ้นมาดูแล เหมือนเล่นบาสเกตบอล ถ้าทีมเกิดเพลี่ยงพล้ำก็ขอเวลานอกให้เอ็งหยุดเล่นกันสักพักได้ไหม 2-3 นาที ถ้าเป็นเวลาทางการเมืองก็อาจเป็น 1 ปี 2 ปี 3 ปี 5 ปีแล้วจากนั้นมาเลือกตั้งกันใหม่...ถ้าปีเดียวแบบตอนปี 2549 ก็เจ๊งกันพอดี เดี๋ยวเขาก็แค่ไปหลบเดี๋ยวค่อยมาใหม่ ระยะเวลาประมาณนี้ก็ถือว่าไม่มากไปไม่น้อยไป แต่เราต้องทำให้แข็งแรง”


หน้าแฟนเพจ “รวมพลังแช่แข็งประเทศไทย” พร้อมข้อความ “จุดกระแสหยุดประเทศ แช่แข็ง 5 ปี เพื่อลูกหลานไทย”

หลังจากโมเดลแช่แข็งประเทศไทยของ พล.อ.บุญเลิศ เผยออกมา นำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งการล้อเลียนจำนวนมาก จนมีการตั้งแฟนเพจใน เฟซบุ๊ก ชื่อ “รวมพลังแช่แข็งประเทศไทย” ที่ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อล้อเลียนโมเดลแช่แข็งดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางเฟซบุ๊กล้อเลียนโมเดลดังกล่าวคือการถ่ายภาพในชุดกันหนาวพร้อมถือป้ายข้อความ “หนาว แน่ มึง” ที่นำโดย บก.ลายจุด หรือนายสมบัติ บุญงามอนงค์ นักกิจกรรมทางสังคมและการเมือง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวเชิงสัญญาลักษณ์ ที่กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยเขาอธิบายถึงการเคลื่อนไหวนี่ว่า เป็นการใช้ โชเชี่ยลมีเดีย รณรงค์ล้อเลียนข้อเสนอของ พล.อ.บุญเลิศ โดยรณรงค์ให้คนมาสวมเสื้อกันหนาวเนื่องจากมีคนขู่ว่าจะแช่แช็งประเทศ ในฐานะพลเมืองแล้วเราควรจะมีท่าทีการแสดงออก สำหรับกิจกรรมที่แสดงออกเป็นการแสดงออกแบบ ขำ ขำ  เช่นเดียวกับข้อความ “หนาว แน่ มึง” นั้น ก็เป็นการล้อเลียน เพื่อทำให้วาทกรรมการเรื่องการแช่แข็งประเทศไทยเป็นเรื่องตลก


                                              บก.ลายจุด หรือนายสมบัติ บุญงามอนงค์

“วาทกรรม “แช่แข็งประเทศไทย” ของ เสธฯ อ้าย กลายเป็นลุงอ้ายลื่นล้มเองเลย เพราะแทนที่จะแช่แข็งประเทศไทย มันกายเป็นย้อนมาแช่แข็งตัวแกเองเรียบร้อยแล้ว ล็อคตัวแกเลย เพราะวาทกรรมนี้มันไม่สามารถมีเหตุผลเพียงพอ มันฟังดูทะเล่อทะล่า ดูตลกขบขันไร้สาระ ผมคิดว่าข้อเสนอนี้ไม่ค่อยร่วมสมัยและเป็นผลเสียต่อผู้พูดเอง” บก.ลายจุด กล่าว

สมบัติ ยังฝากถึงผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม ว่าไม่ควรไปชุมนุมใกล้ที่ชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม  ควรเปิดโอกาสให้เขาได้ชุมนุมอย่างเต็มที่ เพราะเป็นสิทธิที่ชุมนุมได้ แล้วก็เรียนรู้กันไป แต่อาจจัดกิจกรรมห่างๆ บ้างเล็กๆน้อยๆได้  เข่น จัดชุมนุมอภิปราย แต่ไม่ควรเคลื่อนมวลชนเข้าไปใกล้

ส่วนเป้าหมายที่องค์การพิทักษ์สยาม โดยเฉพาะการออกมาไล่รัฐบาลนั้น บก.ลายจุดประเมินว่าไม่สามารถไล่ได้โดยกระแสหรือมวลชนที่สนับสนุน แต่หากมีเขามีกองกำลังจริงก็อาจจะยึดอำนาจสำเร็จ อย่างไรก็ตามหลังการยึดอำนาจเสร็จก็เป็นปัญหาใหญ่มาก เพราะว่าสิ่งที่จะเจอต่อไปซับซ้อน คนทำจะลำบากมาก โดยเฉพาะประชาชนที่จะต่อต้านทุกรูปแบบ


                                    บางส่วนที่ร่วมแชร์ภาพ “หนาว แน่ มึง” ใน เฟซบุ๊ก

นอกจากการแสดงออกในเชิงล้อเลียนเพื่อคัดค้านการเคลื่อนไหวขององค์การพิทักษ์สยามทางออนไลน์แล้ว บก.ลายจุด ได้เปิดเผยด้วยว่าจะมีการแสดงออกในโลกออฟไลน์หรือข้างนอกด้วยและจะนำภาพมาลงเพื่อรณรงค์ในออนไลน์ต่อ โดยกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงจะมีการจัดกิจกรรม “เทศกาลแช่แข็งประเทศไทย” ขึ้นในวันที่18 พ.ย.นี้ เวลา 12.00 น. เป็น “Flash Mob” ที่ สถานีรถไปไฟฟ้า BTS สยามถึง จตุจักร และเขายัได้เปิดเผยถึงรูปแบบกิจกรรมด้วยว่าจะเป็นการสวมชุดกันหนาวเต็มอัตราศึก ตั้งแต่เสื้อหนาว ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงน่อง ใครจะพกผ้าห่มมาด้วยก็ได้ เพื่อไปกินไอศกรีม

กระแสการต่อต้านข้อเสนอของ พล.อ.บุญเลิศ และการเคลื่อนไหวของ องค์การพิทักษ์สยาม ยังมีอีกหลายรูปแบบ เช่น การขึ้นป้ายสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คัดค้านการรัฐประหาร รวมท้งยังมีกลุ่มเสื้อแดงที่ใช้ชื่อ “สมัชชาประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย” ได้เตรียมจัดกิจกรรมประกาศเจตนารมณ์คนนนทบุรีไม่เอาการแช่แข็งประเทศและเจตจำนงในการต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เวลา 15.00 น. ที่หน้าสถานีดาวเทียมไทยคม จังหวัดนนทบุรี  อีกด้วย


ป้ายสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คัดค้านการรัฐประหารตามจังหวัดต่างๆ ที่มาภาพ pchannelnews.com