รุดหน้าไปอีกขั้น คดี "ชาติชาย ชาเหลา" ผู้ชุมนุมเสื้อแดงเหยื่อปืนพ.ค.53 ศาล ไต่สวนการเสียชีวิตจบแล้ว

ข่าวสด 15 พฤศจิกายน 2555 >>>



"ณัฐวุฒิ"เบิกความคดีศพแดง

ขณะเดียวกัน ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพ ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตของนายชาติชาย ชาเหลา หนึ่งในผู้ชุมนุมนปช. ที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าบริษัท กฤษณา มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ถนนพระราม 4 ตรงข้ามสวนลุมพินี เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2553 ในเหตุการณ์รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่แยกราชประสงค์ โดยทนายความญาติผู้ตายนำนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. เข้าเบิกความ ซึ่งนัดนี้เป็นนัดสุดท้าย

นายณัฐวุฒิเบิกความสรุปว่า การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนปช. เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.2553 เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในขณะนั้น ยุบสภา โดยตั้งเวทีที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และที่ราชประสงค์ ชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ ต่อมาวันที่ 7 เม.ย.2553 รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเข้าสลายการชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ ในวันที่ 10 เม.ย.2553 ขณะนั้นพยานยังอยู่ที่เวทีราชประสงค์



ยันปราบม็อบไม่ยึดหลักสากล

พยานเบิกความต่อว่า จากนั้นวันที่ 28 เม.ย.2553 ได้รับรายงานว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการเข้ามาชุมนุม ปะทะกับทหารบริเวณอนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดีรังสิต ต่อมาวันที่ 13 พ.ค.2553 เกิดเหตุลอบยิง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ในช่วงดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านปิดล้อมพื้นที่การชุมนุม จึงไม่มีใครสามารถเข้าหรือออกได้ รวมถึงตัดน้ำ ตัดไฟ ในบริเวณพื้นที่ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมที่ต้องการออกจากการชุมนุม ไม่สามารถออกไปได้ และผู้ที่เป็นห่วงผู้ชุมนุมต้องการเข้ามาดู ก็ไม่สามารถเข้ามาได้ ทำให้เกิดการปะทะกันบริเวณโดยรอบพื้นที่ชุมนุมเป็นระยะ

นายณัฐวุฒิเบิกความอีกว่า ต่อมาในช่วงเช้ามืดของวันที่ 19 พ.ค.2553 ได้รับรายงานว่ารัฐบาลได้ส่งกำลังทหารกว่า 10,000 นาย เคลื่อนเข้ามาที่เวทีราชประสงค์ พร้อมอาวุธครบมือ พยานและบรรดาแกนนำจึงประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 13.00 น. ยืนยันว่าในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไม่เป็นไปตามกฎสากล เนื่องจากใช้กระสุนจริง และพลซุ่มยิงตามตึกสูง สำหรับการตายของนายชาติชายนั้น พยานทราบข่าวภายหลังผ่านสื่อมวลชนว่า นายชาติชายถูกยิงจากระยะไกลเข้าที่บริเวณศีรษะ



ศาลนัด17ธ.ค.ฟังคำสั่งคดี

จากนั้นศาลถามพยานว่าในการชุมนุมมีการยิงพลุ และตะไลใส่ทหารหรือไม่ พยานเบิกความว่า มีการยิงจริง แต่รัศมีของพลุและตะไลไม่สามารถไปถึงฝั่งทหารได้ และภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดฟังคำสั่งในวันที่ 17 ธ.ค. เวลา 09.00 น.

ด้านนายณัฐพล ปัญญาสูง ทนายความญาติ ผู้ตาย กล่าวว่า เท่าที่ไต่สวนประจักษ์พยานและพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งจากเจ้าหน้าที่นิติ วิทยาศาสตร์ กองพิสูจน์หลักฐาน ระบุว่าวิถีกระสุนมาจากฝั่งที่เจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ และอาวุธปืนที่ใช้ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้บุคคลทั่วไปมีไว้ครอบครองได้ ขณะที่แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพ ก็ระบุว่าบาดแผลของนายชาติชายเกิดจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนที่มีความเร็วสูง คาดว่าพยานหลักฐานทั้งหมดมีเพียงพอที่จะชี้ชัดได้ว่าเกิดจากการกระทำของผู้ใด แต่ก็ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะมีดุลพินิจอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้คดีนายชาญณรงค์ พลศรีลา คนขับแท็กซี่ที่ยิงหนังสติ๊กใส่แนวบังเกอร์เจ้าหน้าที่ แล้วถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าปั๊มน้ำมัน บริเวณซอยรางน้ำ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2553 ศาลอาญาได้ไต่สวนการเสียชีวิตเสร็จสิ้นแล้ว และนัดฟังคำสั่งในวันที่ 26 พ.ย. ว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่หรือไม่