ถอดคำพูด 'จตุพร' จากรายการ “ชูธง” 5 พ.ย. 2555 กรณี 'เสงี่ยม'



ทีมข่าว นปช.
7 พฤศจิกายน 2555




ถอดคำพูดคุณจตุพร พรหมพันธุ์ บางส่วนจากรายการ “ชูธง” ออกอากาศเมื่อวันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2555 เกี่ยวกับเรื่องที่ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ให้สัมภาษณ์กรณี ICC และข้อกล่าวหาประธาน นปช.

คุณจตุพร: หลังจากเกิดเหตุสลายการชุมนุมทางสำนักงานกฎหมายอัมสเตอร์ดัมแอนด์เพรอฟฟ์ ซึ่งในเวลานั้นเขาเป็นที่ปรึกษากฎหมาย นปช. รวมทั้งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย ปรากฏว่าอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่, อดีตอัยการ, อดีตศาลร่วมทำสำนวนในประเทศไทยอย่างเป็นระบบ และก็ยื่นให้สำนักงานโรเบิร์ตอัมสเตอร์ดัมซึ่งเขาก็มีตัวแทนของเขามาดำเนินการแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ วันหนึ่งเมื่อรองประธานศาลอาญาระหว่างประเทศได้เดินทางมาที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น พวกผมก็ไปกัน เขาก็บอกว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกเหมือนกับ 114 ประเทศ เพราะฉะนั้นถ้าจะยื่นเรื่องนี้ต้องผ่านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยาก ปรากฏว่าโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมนั้นความที่เขาเป็นนักกฎหมายที่เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ เขาก็ไปค้นพบว่าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเกิดที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษและก็ยังไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้มีการสละสัญชาติอังกฤษแล้วหรือยัง เขาก็ส่งคนไปที่เมืองนิวคาสเซิลไปคัดเอกสารการเกิดและเอกสารอื่น ๆ ว่ามีการสละสัญชาติอังกฤษแล้วหรือยัง เมื่อพบว่ายังไม่มีการสละสัญชาติอังกฤษ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมเขาฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะในฐานะประชาชนชาวอังกฤษ ไม่ใช่ในฐานะประชาชนคนไทย เพราะฟ้องในฐานะคนไทยไม่ได้เพราะว่าประเทศไทยยังไม่เป็นภาคีสมาชิกเหมือนกับ 114 ประเทศ
ผู้ดำเนินรายการ: ยังไม่ได้มีการลงสัตยาบันหรือว่ารับเขตอำนาจศาลซึ่งสองอย่างนี้ก็ต่างกันไปด้วย เพราะในวันนี้เองในกลุ่มสว.ก็เริ่มมีการพูดคุยถึงเรื่องการรับเขตอำนาจศาลแล้วก็บอกว่าจะต้องผ่านความเห็นของรัฐสภาในมาตรา 190
คุณจตุพร: คือในกรณีที่ไปลงสัตยาบัน นี่ถือว่าเป็นการเข้าข่ายมาตรา 190 ซึ่งความจริงรัฐบาลควรจะทำเรื่องนี้ แต่ว่าสถานการณ์เวลาไม่คอยท่า เพราะฉะนั้นมันก็มีกรณีการยอมรับเขตอำนาจศาลเป็นการแจ้งฝ่ายเดียวไม่มีการลงหนังสือสัญญากัน เพราะฉะนั้นจะไม่เข้าข่ายมาตรา 190 ซึ่งนักกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศและทีมในประเทศไทย ดร.จารุพรรณ, อ.ธิดา หลาย ๆ คนนะครับที่ไปนั่งว่ากัน รวมทั้งโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมและกระทั่งตัวแทนต่าง ๆ เขาเองก็เห็นว่านี่จะเป็นช่องทางที่จะสามารถเดินได้ คือคนพวกนี้เขามองว่านอกจากปัญหาเรื่อง 99 ศพแล้วยังเป็นการป้องกันการรัฐประหารซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่จะเกิดขึ้น รวมกระทั่งการเข่นฆ่าประชาชนในวันข้างหน้า ได้มีการตั้งคำถามว่า ถ้าอย่างนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฆ่าตัดตอน ผมก็ไปสอบถามกับตัวนายกทักษิณเองตอนที่ไปฮ่องกงว่ารู้สึกอย่างไรถ้ากรณีนี้เป็นอย่างนี้ นายกทักษิณก็บอกว่าไม่ขัดข้อง ไม่ขัดข้องแปลความว่าต้องเดินหน้าต่อ แต่ผมไม่แน่ใจว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเดิมนัดแถลงข่าววันนี้เลื่อนไปเป็นวันที่ 7
ทีนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือว่าวันนี้ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร ก็ไปยื่นหนังสือถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งความจริงในความเห็นผมว่าไม่ควรจะไปเพราะว่ามันเป็นเรื่องภายในของ นปช. เอง อาจารย์ธิดากับคุณหมอเหวงเขาไม่ได้พูดเพื่อประโยชน์ของเขาเอง คือหมายความว่าสองคนนี้เขาสู้มาก่อนตลอดชีวิต และเขาสู้กันทั้งบ้าน ลูกก็สู้ สู้มาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519, พฤษภา 2535, เมษา 52, เมษา-พฤษภาคม 53 เคยข้ามไปเข้าป่ากับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเหมือนกับนักการเมืองอย่างถ้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์, นายสุทัศน์ เงินหมื่น, วิทยา แก้วภราดัย หรือซีกเราอย่างจาตุรนต์ ฉายแสง, อดิศร เพียงเกษ, วิสา คัญทัพ ในฟากฝั่งพันธมิตรก็มีมากมาย แปลความกันว่าทุกภาคส่วนมีคนที่เข้าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งสิ้น แม้กระทั่งไม่เว้นบิดาของพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ก็เป็นผู้บัญชาการกองทัพปลดแอกแห่งประเทศไทย พ.ท.พโยม จุลานนท์ เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ตลอดการต่อสู้ของครอบครัวนี้ทั้งหมอเหวง อาจารย์ธิดานั้น สิ่งที่เขาเดินทางไปศาลอาญาระหว่างประเทศคือพูดง่าย ๆ ว่าจากเดิมที่โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมเขายื่น สส.สุนัย จุลพงศธร ประธานกรรมาธิการต่างประเทศก็ไปยื่น อาจารย์ธิดาก็ไปยื่นและเพื่อจะดูช่องทางที่จะรับมือในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้มีการไปเรียกร้องอะไรเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่เป็นประโยชน์ของคนที่ตาย คนที่เจ็บ ของคนที่สูญสิ้นอิสรภาพรวมกระทั่งว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ว่าถ้าจะเกิดเหตุการณ์ฆ่าประชาชนรอบใหม่ เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหาร ศาลอาญาระหว่างประเทศก็จะเป็นภูมิต้านทานได้บ้าง อาจจะไม่ได้ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นการตั้งข้อกล่าวหาจะโดยอย่างไรก็ตาม ผมต้องเรียนตรง ๆ ว่า ผมกับตัว พ.ต.ต.เสงี่ยม ไม่ได้มีอะไรกัน แต่ผมเองเห็นว่าการตั้งข้อกล่าวหาว่าต้มตุ๋นอย่างนั้นมันไม่ยุติธรรมกับอาจารย์ธิดาและคุณหมอเหวง เพราะฉะนั้นภาษาอันนี้เขาไม่ใช้กัน และก็ที่สำคัญว่าโดยเนื้อเรื่องมันไม่ได้เรื่องใด ๆ เพื่อประโยชน์ส่วนตัว อาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐตอนที่หมอเหวงถูกจับ พวกผมอยู่ข้างนอก ผมเองถูกถอนประกันทุกอาทิตย์จะรักษาการประธานนปช.ก็ดูกระไรอยู่ เพราะว่าโอกาสถูกหิ้วได้ทุกวัน เพราะฉะนั้นคนที่จะมาทำนปช.นั้นจะต้องเป็นคนที่มีภูมิต้านทานพอสมควรและมีความรู้สามารถอธิบายความได้ในทุกมิติทุกด้าน พูดง่าย ๆ ไปนั่งฟลอร์ไหนไม่แพ้ใคร ผมเองเป็นคนไปเชิญอาจารย์ธิดามาเป็นรักษาการประธาน นปช. และก็ได้ทำหน้าที่ในระหว่างเรียกร้องอิสรภาพให้แก่พี่น้องเราที่ถูกคุมขัง และขบวนการจัดตั้งรวมกระทั่งการทำหน้าที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามากมาย ตอนปรับ ครม. ที่ผ่านมา โทรศัพท์เสียงแรกก็บอกว่า “ตู่มาเป็นประธาน นปช. ดีกว่า” แต่ว่าผมเองผมไม่ได้มีความรู้สึกอย่างนั้น เห็นว่าอาจารย์ธิดายังทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ครบถ้วน คือโดยตัวตนเอขาไม่ได้มีความยากลำบาก ถ้าใครไปบ้านอาจารย์ธิดากับคุณหมอเหวงก็รู้ว่าไม่น่าจะมาเดือดร้อนเลย บ้าน 3 ไร่ที่ดอนเมือง มีฐานะ คือถ้าคิดเพื่อตัวเองมันไม่ต้องเดือดร้อนเลย พอมาเป็นประธาน นปช. บ้านก็ไม่ได้อยู่อย่างเป็นเวล่ำเวลา เดี๋ยวก็เดินทางไปต่างจังหวัด อย่างเช่นพรุ่งนี้ต้องไปประชุมที่ขอนแก่นนี่ผมยกตัวอย่างว่า คือแต่ละคนที่มานั้นต้องมีจิตใจเสียสละอย่างครบถ้วน จึงได้ตัดสินใจกันอย่างนั้น เพราฉะนั้นการทำหน้าที่ของอาจารย์ธิดา, คุณหมอเหวง, ดร.จารุพรรณ และอีกหลาย ๆ คน คุณหมอเชิดชัย ในกรณีศาลอาญาระหว่างประเทศ เป็นการพยายามเพื่อฉีดวัคซีนป้องกัน ดูเสมือนหนึ่งว่า ถามว่าจำเป็นจะต้องไต่สำนวนชันสูตรพลิกศพจบในประเทศไทยหรือเปล่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะนี่เป็นกระบวนการศาลอาญากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน DSI สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พนักงานอัยการและศาลในประเทศไทยซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาลอาญาระหว่างประเทศ เป็นคนละเรื่อง เป็นคนละขั้นตอน คือการมองที่ศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นการมองอนาคตไปข้างหน้าว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาเราจะทำอย่างไร วันนี้ใครมีหลักประกันได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ 10 เมษา, 19 พฤษภาคม 53 เพราะฉะนั้นการเรียกร้องอันนี้ทุกฝ่ายก็มีความไหวหวั่น แต่พยายามจะยกเรื่องฆ่าตัดตอนบ้าง เรื่องโน้นเรื่องนี้บ้างเข้ามาปล้ำ เพราะฉะนั้นผมขอเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่าถ้าถอยเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็จะชี้เลยว่าเห็นไหมความจริงกลัวเรื่องชายชุดดำใช่ไหม กลัวว่าพอไปพิสูจน์ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นเรื่องชายชุดดำใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฆ่าตัดตอนก็ไปพิสูจน์ในกันศาลอาญาระหว่างประเทศ เดินหน้าพิสูจน์ความจริงกันไม่ต้องกลัว แต่ว่าถ้าเกิดไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลพรรคประชาธิปัตย์จะชี้หน้าหัวเราะว่ากลัวชายชุดดำโผล่ อยากให้กระทรวงการต่างประเทศมีความละเอียดอ่อนในการตัดสินใจในเรื่องนี้และอย่าไหวหวั่น