ข่าวสด 6 พฤศจิกายน 2555 >>>>
ศาลไต่สวนคดีศพ 2 หนุ่ม นปช. ถูกยิงใต้ทางด่วนพระราม 4 ประจักษ์พยานขึ้นเบิกความ ยันไม่เห็น "ชายชุดดำ" ถืออาวุธ มีแต่ผู้ชุมนุมจุดบั้งไฟ ยิงหนังสติ๊กสู้ ส่วน จนท. มีปืนเอ็ม 16 กับลูกซอง ซ้ำยังไม่ประกาศเตือนล่วงหน้าจะใช้อาวุธสลายม็อบ ขณะที่พยานอีกรายระบุ มีจนท.อยู่บริเวณสนามมวยลุมพินี ยิงใส่ม็อบอย่างต่อเนื่อง ตนเองก็ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสด้วย อีกคดีไต่สวนศพ "ด.ช.อีซา" ตร. ตรวจที่เกิดเหตุเบิกความชี้วิถีกระสุนเป็นแนวราบ สันนิษฐานยิงมาจากฝั่งตรงข้ามม็อบ ส.ส.จารุพรรณ เผยขั้นตอนคดี 99 ศพในศาลโลก ทางอัยการจะสอบหาข้อเท็จจริง ก่อนตั้งเป็นคดีในชั้นตุลาการ ย้ำไม่ต้องผ่านสภา ตามมาตรา 190 ชี้ไม่ใช่สนธิสัญญา
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรศพ ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญายื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของนายเกียรติคุณ ฉัตร์วีระสกุล อายุ 25 ปี อาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ตายที่ 1 และนายประจวบ ประจวบสุข ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การแห่งชาติ (นปช.) ผู้ตายที่ 2 ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณใต้ทางด่วน ถนนพระราม 4 เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2553 โดยพนักงานอัยการนำพยานเข้าเบิกความ 2 ปาก คือนายไพบูลย์ น้อยเพ็ง อดีต ผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสามโคก และสาขาย่อยลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ และนายชาญชัย พิมพ์สวัสดิ์ อาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง พยานแวดล้อม
นายไพบูลย์เบิกความสรุปว่า เข้าร่วมชุมนุมทุกวันตั้งแต่เดือน มี.ค. 2553 ไม่พบว่ามีบุคคลใด หรือชายชุดดำถืออาวุธอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะมีการตรวจค้นอาวุธและห้ามดื่มสุรา ในวันที่ 15 พ.ค. 2553 ภายหลังได้ยินข่าวว่ารัฐบาลจะสลายการชุมนุม ก็ขับรถจะเข้าไปร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงจอดรถไว้ด้านนอกและเดินเท้าเข้าไป ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนเป็นระยะ เห็นหน่วยกู้ภัยรับผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ต่อมาวันที่ 16 พ.ค. 2553 พยานก็มาสังเกตการณ์อยู่ตรงข้ามซอยสะพานคู่ ถนนพระราม 4 เมื่อมาถึงก็ได้ยินเสียงปืนดังแบบเว้นช่วงประมาณ 20-30 นาที โดยมีผู้ชุมนุมอยู่ใต้ เสาตอม่อประมาณ 600 คน และตามเสาต่างๆ ประมาณ 400 คน นำยางรถยนต์มาตั้งเป็นบังเกอร์ และจุดไฟเผายางรถยนต์ให้เกิดควัน เพื่อบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็น
พยานเบิกความว่า ช่วงเวลา 12.00-14.00 น. เห็นผู้ชุมนุมถูกยิงบริเวณใต้สะพานลอยซอยปลูกจิต 2 คน และบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. 3 คน อีกทั้งเห็นคนถูกยิงที่ท้องแต่ไม่เสียชีวิตที่ฝั่งตรงข้าม และมีรถกู้ภัยมารับไปส่งโรงพยาบาล ทราบภายหลังว่าคือนายชาญชัย ไม่ทราบนามสกุล จากนั้นไปสังเกตการณ์หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ปากซอยบ่อนไก่ เห็นผู้ถูกยิง 1 คน จึงย้ายไปอยู่ใต้ทางด่วนพระราม 4 เพราะเห็นว่าไม่ปลอดภัย และเดินไปนั่งบริเวณเกาะกลางถนน ประมาณ 5 นาที ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นทีละนัดผู้ชุมนุมที่อยู่ใต้ทางด่วนแตกกระจาย ก่อนเห็นชายสวมหมวกกันน็อกสีขาวล้มอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ และเห็นรถกู้ภัยเข้ามารับร่างไป ขณะที่รถกำลังเคลื่อนออก ก็เห็นว่ามีผู้บาดเจ็บเป็นชายอยู่ในรถอีกคน แต่ไม่เห็นว่าถูกยิงมาจากบริเวณใด ทราบชื่อภายหลังว่าชายที่สวมหมวกกันน็อก คือนายเกียรติคุณ และอีกคนคือนายประจวบ
นายไพบูลย์เบิกความอีกว่า ในวันดังกล่าว พยานอยู่ชุมนุมจนถึงเวลา 20.00 น. และเห็นรถกู้ภัยมารับผู้บาดเจ็บตลอดเวลา ที่พยานทราบว่าเจ้าหน้าที่ยิงปืนใส่กลุ่มผู้ชุมนุม เพราะได้ยินเสียงปืน และเห็นควันออกจากปากกระบอกปืนมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ ที่สวมชุดลายพรางสีเขียว และสวมหมวกเหล็ก ถือปืนยาวเอ็ม 16 และปืนลูกซอง ส่วนผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยืนสังเกตการณ์อยู่เฉยๆ บางคนจุดบั้งไฟขนาดเล็กโยนใส่ แต่ก็ไปไม่ถึงที่เจ้าหน้าที่อยู่ โดยก่อนที่ผู้ตายจะถูกยิงนั้น พยานไม่เห็นว่ามีผู้ชุมนุมทะเลาะวิวาท หรือใช้อาวุธอย่างอื่นต่อสู้เจ้าหน้าที่ และการเข้าสลายชุมนุมก็ไม่ประกาศเตือนล่วงหน้าว่าจะใช้อาวุธกับผู้ชุมนุมแต่อย่างใด
ส่วนนายชาญชัยเบิกความว่า ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. แต่เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 16 พ.ค. 2553 พยานอยู่ที่บ้านย่านชุมชนคลองไผ่สิงโต ก็เห็นควันไฟลอยอยู่ และได้ยินเสียงปืน จึงออกจากบ้านและเข้าไปสังเกตการณ์ในที่ชุมนุมบริเวณซอยสะพานคู่ ได้ยินเสียงปืนเป็นระยะ เมื่อไปถึงก็เห็นเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่บริเวณสนามมวยลุมพินี และฝั่งภัตตาคารจันทร์เพ็ญ เจ้าหน้าที่สวมชุดสีเขียวลายพรางและถืออาวุธปืนยาว ส่วนผู้ชุมนุมอยู่ใต้ทางด่วนพระราม 4 และซอยสะพานคู่ ก่อนจะมีผู้ถูกเจ้าหน้าที่ยิงบาดเจ็บ 2 คน เพราะพยานเห็นว่ากระสุนปืนถูกยิงมาจากสนามมวยลุมพินี และยังคงได้ยินเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่อง เห็นชายคนหนึ่งถูกยิงที่ต้นขาห่างจากพยาน 3 เมตร สักพักก็มีรถกู้ภัยมารับออกไป
พยานเบิกความว่า ขณะนั้นพยานนั่งก้มตัวหลบกระสุนอยู่กับพื้น ประมาณ 5-10 นาที เสียงปืนสงบลง พยานจึงลุกขึ้นยืนเพื่อจะกลับบ้าน แต่เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง และรู้สึกชาที่หน้าท้องด้านขวา เมื่อจับดูพบว่ามีเลือดไหล จึงบอกเพื่อนว่าถูกยิง เพื่อนพาไปหลบที่ซอยสะพานคู่ และเรียกรถกู้ภัยมารับไปส่งที่ ร.พ.เลิดสิน ภายหลังแพทย์ผ่าตัดและทำแผลเสร็จสิ้น พยานขอดูหัวกระสุน แต่แพทย์แจ้งว่าไม่พบ สำหรับจุดที่ถูกยิงอยู่บริเวณหน้าห้างเทสโก้ โลตัส ห่างจากบังเกอร์เจ้าหน้าที่ฝั่งสนามมวยลุมพินี 200 เมตร ที่พยานคิดว่าเจ้าหน้าที่ยิง เพราะเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ที่สนามมวยลุมพินี จุดนั้นไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ นอกจากเจ้าหน้าที่
จากนั้นทนายญาติผู้ตายถามว่า เห็นกลุ่ม ผู้ชุมนุม หรือชายชุดดำถืออาวุธหรือไม่ พยานเบิกความว่า ไม่เห็นว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธอะไร มีเพียงหนังสติ๊ก และบั้งไฟขนาดเล็ก ทนายญาติผู้ตายถามต่อว่า ก่อนสลายชุมนุมมีการประกาศเตือนหรือไม่ พยานเบิกความว่า ไม่มีการประกาศเตือนว่าจะใช้อาวุธเข้าสลายการชุมนุมแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไปวันที่ 12 พ.ย. โดยพนักงานอัยการขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานเข้าเบิกความในช่วงเช้า 3 ปาก คือ ร.ต.อ.หญิง สุพัตรา ถนอมวงศ์ พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ ยาคุ้มภัย และ พ.ต.ท.วัชรัศมิ์ เฉลิมสุขสันต์ ส่วนช่วงบ่ายเข้าเบิกความ 2 ปาก คือ พ.ต.ท.ไพชยนต์ สุขเกษม และ พ.ต.อ.ปรีดา สถาวร
ส่วนที่ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญายื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตของ ด.ช.คุณากร หรืออีซา ศรีสุวรรณ ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณซอยรางน้ำ หน้าโรงภาพยนตร์โอเอ ย่านราชปรารภ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2553 โดย ร.ท.กิตติภพ ธูปทอง เบิกความสรุปว่า เป็นทหารพยาบาลประจำกองร้อย วันเกิดเหตุได้ยินเสียงประกาศเตือนไม่ให้รถตู้เข้ามา จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่อง สักพักจึงได้รับคำสั่งให้ไปดูผู้บาดเจ็บ ก็พบนายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ถูกยิงบาดเจ็บ ต่อมามีหน่วยแพทย์อาสาวชิรพยาบาลมารับผู้บาดเจ็บไปส่ง ร.พ.พญาไท 1 ในขณะเกิดเหตุพยานไม่เห็น และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ยิง
ขณะที่ ส.อ.พุทธรักษ์ สุขเกษม เบิกความสรุปว่า เป็นทหารพยาบาลประจำกองร้อย ขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงประกาศเตือนไม่ให้รถตู้เข้ามา และได้ยินเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง หลังเสียงปืนสงบ จึงพบร่าง ด.ช.คุณากร อยู่ในซอยโรงภาพยนตร์โอเอ ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสมีไส้ทะลักออกมา แต่ยังไม่เสียชีวิต จากนั้นหน่วยแพทย์อาสาวชิรพยาบาลมารับผู้บาดเจ็บไปส่ง ร.พ.พญาไท 1 ในขณะเกิดเหตุนั้น พยานไม่เห็นและไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ยิง
ส่วน ส.อ.วรากร ผาสุข เบิกความสรุปว่า วันเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่อยู่ฝั่งซ้ายของถนนราชปรารภ มีปืนเอ็ม 16 เป็นอาวุธประจำกาย มีหน้าที่ตรวจค้นบุคคลเข้าออก และไม่พบว่ามีใครพกพาอาวุธเข้าไปแต่อย่างใด ขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงประกาศเตือนว่ารถตู้อย่าเข้ามาหลายครั้ง จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่พยานไม่เห็นและไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ยิง และ ส.อ.ชิตณรงค์ สุดชัย เบิกความว่าปฏิบัติหน้าที่อยู่จุดเดียวกันกับ ส.อ.วรากร ได้ยินเสียงประกาศเตือน และเสียงปืนเช่นกัน แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิง
ด้าน พ.ต.ท.วัชรัศมิ์ เฉลิมสุขสันต์ เบิกความสรุปว่า ได้รับมอบหมายให้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบว่ารอยกระสุนปืนบริเวณร้านค้ากับใกล้สำนักงานคอนโดฯ และมีกระสุนตกอยู่ตรงประตูเหล็กด้านหน้าร้าน สันนิษฐานว่ายิงมาจากฝั่งตรงข้าม โดยวิถีกระสุนยิงในลักษณะเป็นแนวราบ แต่ไม่สามารถระบุชนิดของกระสุนและอาวุธปืนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไปวันที่ 26 พ.ย. เวลา 09.00 น. โดยพนักงานอัยการจะนำพยานเข้าเบิกความจำนวน 6 ปาก ประกอบด้วย นายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้, นายคมสันติ ทองมาก ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น ที่ถ่ายคลิปวิดีโอวันเกิดเหตุไว้ได้, พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ บุญมาก พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ ยาคุ้มภัย พ.ต.ท.บรรยง แดงมั่นคง และ ร.ต.อ. สากล คำยิ่งยง
ที่ท่าอากาศยานทหาร บน.6 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศกล่าวว่า ให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศรวบรวมข้อมูลและข้อกฎหมาย ก่อนที่จะแถลงความชัดเจนให้ทราบในวันที่ 7 พ.ย. ว่าจะรับรองขอบเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือไอซีซี เพื่อให้ศาลรับคดีสลายม็อบ 99 ศพ เมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 ถ้าให้การรับรองก็จะชี้แจงด้วยว่าเข้าข่ายมาตรา 190 ที่ต้องผ่านความเห็นชอบของสภาหรือไม่ด้วย
น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในเบื้องต้นสำนักงานอัยการไอซีซีรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ เป็นคนอังกฤษ จึงอยู่ในขอบเขตของไอซีซีจะพิจารณาได้ ขั้นตอนหลังจากนี้เป็นหน้าที่ของอัยการไอซีซี จะตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ว่ามีน้ำหนักเพียงพอจะตั้งเป็นคดีในชั้นตุลาการได้หรือไม่
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากนี้อัยการไอซีซีสามารถเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านมติ ครม. และไม่ต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภา ตามมาตรา 190 เพราะการดำเนินการดังกล่าว ไม่ใช่สนธิสัญญา แต่เป็นการประกาศฝ่ายเดียว การรวบรวมข้อเท็จจริงเป็นหน้าที่ของรมว.ต่างประเทศ ในการยอมรับขอบเขตอำนาจศาลชั่วคราว ตามมาตรา 12.3 ของธรรมนูญกรุงโรม ที่ระบุว่ารัฐที่ยังไม่ได้เป็นภาคีสมบูรณ์สามารถยอมรับเขตอำนาจศาลชั่วคราวเฉพาะกรณีได้ และให้อำนาจเข้ามารวบรวมข้อเท็จจริงทางวิชาการได้
น.ส.จารุพรรณ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การสอบสวนเบื้องต้นของอัยการไอซีซี อาจใช้เวลาเป็นเดือน หรือนานเป็นปี ในการรวบรวมพยานหลักฐานให้มีน้ำหนักมากที่สุด เพื่อส่งต่อไปยังขั้นตอนของสำนักงานตุลาการได้ แม้จะใช้เวลานาน แต่ถือเป็นเรื่องดีที่จะมีการทำงานร่วมกันระหว่างกระบวนการยุติธรรมสากล กับกระบวน การยุติธรรมไทย หากกระบวนการยุติธรรมไทยเดินหน้าได้ อาจไม่ต้องส่งเรื่องไปยังไอซีซีอีกก็ได้ แต่ถ้ากระบวนการยุติธรรมไทยไม่คืบหน้า ไอซีซีก็ยังเข้ามาทำงานได้ ถือเป็นความคืบหน้าที่เป็นประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศ
ด้านนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดง และคนรักรัฐบาลในวันที่ 18 พ.ย. ที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ไม่มีอะไรน่าห่วง เป็นการชุมนุมเพื่อให้ความรู้กับประชาชนที่รักประชาธิปไตย เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามกำลังก่อหวอด เพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน พร้อมฝากไปยังคนเสื้อแดงทุกคนขอให้ใช้สติ ไม่จำเป็นอย่าไปเผชิญหน้ากับฝ่ายเขา แต่คอยจับตาดูว่าพวกเขาจะล้มรัฐบาลชุดนี้อย่างไร ด้วยวิธีการใด โดยล่าสุดมีข่าวว่ามีการเกณฑ์กำนันและผู้ใหญ่ในจ.สุราษฎร์ ธานี มาชุมนุมล้มรัฐบาล โดยอ้างเรื่องสถาบัน
รายงานข่าวจากพนักงานสอบสวนคดี 99 ศพ เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 พ.ย. พนักงานสอบสวนเรียกนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ อดีตเลขาธิการ ครม. และอดีตรองเลขาธิการ รวม 4 คน ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มาให้ข้อมูล โดยพนักงานสอบสวนจัดเตรียมคำถามกว่า 20 คำถาม ไว้ซักถามกลุ่มอดีตเลขาธิการ ครม. สิ่งที่พนักงานสอบสวนต้องการทราบคือเรื่องการออกนโยบายของรัฐบาลในขณะนั้น รวมทั้งแผนการควบคุมฝูงชนว่ามีมาตรการอย่างไร ส่วนนายทหารผู้คุมกำลังระดับ ผบ.พล. และ ผบ.พัน นั้น ที่พนักงานสอบสวนเรียกไปแล้วนั้น ยังกำหนดวันเวลาที่จะมาให้ข้อมูล คาดว่าอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสาร โดย สิ่งที่พนักงานสอบสวนต้องการทราบ คือข้อมูลเกี่ยวกับการจัดกำลังพลว่าส่งไปประจำการจุดใดบ้าง เมื่อทราบแล้วจะทำให้คดีชัดเจนขึ้น
วันเดียวกันที่ จ.พะเยา มีป้ายขนาดใหญ่ถูก ติดตั้งแทบทุกอำเภอ มีข้อความว่า "ชาวจังหวัดพะเยา ขอสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน" และจากการสอบถามนายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พะเยา กล่าวว่า ไม่ทราบว่ากลุ่มใดนำมาติดตั้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนก็ตาม ในฐานะเสื้อแดงพะเยาขอสนับสนุน เพราะเป็นป้ายที่สนับสนุนการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย และต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่เอารัฐบาลเผด็จการทหาร หรือไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยเด็ดขาด
ที่วัดคลองตากวา หมู่ 1 ต.ชากพง อ.แกลง จ.ระยอง นายเกียรติศักดิ์ ตั้งเจริญสุทธิชัย ประธานสมาคมพุทธศาสน์สงเคราะห์ อ.แกลง พร้อมด้วยคณะกรรมการสมาคม และชาวบ้านเกือบ 100 คน ร่วมทำพิธีล้างป่าช้าเป็นครั้งที่ 3 โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 20 คน ที่มากางเต็นท์ค้างคืนร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพื่อรอพิสูจน์การขุดศพที่คาดว่าจะมีศพคนเสื้อแดงที่หายไปถูกนำมาฝังไว้ที่นี่ด้วย
นายดำรง ตุลยเสวี แกนนำเสื้อแดง จ.ระยอง กล่าวว่า มากางเต็นท์เฝ้าตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา เพราะเกรงว่าจะคลื่อนย้ายศพต้องสงสัยที่น่าจะเป็นคนเสื้อแดง ออกไปก่อนขุดศพล้างป่าช้า พร้อมทั้งรอพิสูจน์การขุดศพที่ย้ายมาจาก จ.ชุมพร เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา จำนวน 165 ศพ มาฝังไว้ที่วัดคลองตากวา วัดห้วยยาง และวัดสมอโพรง อ.แกลง ด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงจะเฝ้าจนกว่านำศพขึ้นมาทั้งหมด และยังมั่นใจว่าจะมีศพของคนเสื้อแดงที่หายไประหว่างสลายม็อบที่ผ่านมาอย่างแน่นอน สำหรับศพที่พบในวันนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เพราะไม่มีหลักฐานเหลือให้พิสูจน์เลย