วานนี้ (2 ต.ค. 55) นพ.เหวง โตจิราการ ได้โพสท์ข้อความตอบโต้กรณีที่ ส.ว. โจมตีเรื่องที่ตนเองได้ฉีกรายงานฉบับสมบูรณ์ของ คอป., ความเห็นต่อคำวินิจฉัยของศาล รธน. กรณียับยั้งร่างแก้ไข รธน. ของ พท. และกรณีนาซ่าขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อสำรวจสภาพภูมิอากาศก่อนหน้านี้ดังนี้
วันนี้ (2 ต.ค. 55) ผมอภิปรายในรัฐสภา เนื้อหาใหญ่ๆสามเนื้อหาครับ
1. ผมตอบโต้ ส.ว. ท่านหนึ่งเรื่องฉีก รายงานฉบับสมบูรณ์ของ คอป. ผมบอกว่า ก็ต้องฉีกซีครับ เพราะรายงานของ คอป. ไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆเลยเรื่องชายชุดดำ นอกจากที่อภิสิทธิ์สุเทพได้เคยนำเสนอไปแล้วซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะไม่รู้ว่า ใครถ่ายทำ วันเดือนปีอะไร เวลาเท่าไร ที่ไหน และทำอะไร แล้วที่ คอป. กล่าวหาก็เลื่อนลอย เช่น บอกว่ามีชายชุดดำวิ่งเลียบกำแพงวัดปทุมบ้างละ มีรอยกะเทาะคล้ายเอ็ม 16 ยิงที่ขอบรางรถไฟฟ้าบีทีเอสบ้างละ ยึดปืนเอ็ม 16 จากใต้ฐานพระในวัดปทุมบ้างละ แต่ไม่มีหลักฐานแสดงเลย นี่เท่ากับอธิบายปกป้อง รัฐบาลอภิสิทธิ์สุเทพชัดๆ ที่รัฐบาลเขาสั่งทหารฆ่าประชาชนแล้วไม่มีสักคำเกี่ยวกับกระสุนหนึ่งแสนสองหมื่นหรือที่วาสนานาน่วมบอกว่า แสนเก้าหมื่นเลย แล้วยังมีกระสุนสไนเปอร์อีกกว่าสองพัน ไม่เห็น คอป. พูดถึงเลย แล้วอย่างนี้ไม่ให้ฉีกได้อย่างไร
2. ผมพูดถึงศาลรัฐธรรมนูญว่า อาศัยอำนาจอะไรมาสั่งให้ อำนาจนิติบัญญัติหยุดทำงาน แล้วที่วินิจฉัยออกมาก็ คลุมเครือ จะให้เอาอย่างไรกันแน่ ระหว่าง ยกร่างทั้งฉบับโดยไปถามประชามติก่อน กับแก้ไขที่ละมาตรา เอาอย่างไรกันแน่ครับศาล รธน. แล้วผมก็บอกว่า มันแตกต่างกับคำวินิจฉัยส่วนตนที่ 4 คนเห็นว่า ศาล รธน. ไม่มีอำนาจแทรกแซง รัฐสภา 4 คนเห็นว่าทำได้ แล้วจะเอาอย่างไงครับ ฝ่ายไหนชนะครับ
มาตรา 68 บอกว่า บุคคลใช้สิทธิเสรีภาพในการล้มล้าง แต่ ส.ส. และรัฐบาลใช้อำนาจหน้าที่ตาม 291 ครับ และก็ไม่มีการล้มล้างด้วย เพราะมาตรา 291/11 วรรค 5 ของพวกเรา บังคับไว้เลยว่า จะร่างใหม่ให้ล้มล้างไม่ได้ และไม่ให้แก้หมวดสองว่าด้วยสถาบันด้วย อย่างนี้ศาลรธน.ใช้อำนาจตาม 68 ได้อย่างไร
ทำไมคำวินิจฉัยรวมจึงต่างจากคำวินิจฉัยส่วนตนครับ นี่วุ่นวายไปหมดครับ
แล้วผมก็อธิบายว่า ทั้งหมดเกิดจากการัฐประหาร พวกรัฐประหารทำคลอด รธน.50 แบบเผด็จการ ประชามติก็เป็นประชามติภายใต้ปากกระบอกปืน ถึงอย่างนั้น เอ็กซิดโพลก็บอกว่า 30% สักแต่ว่า กาเห็นด้วยไปเพราะต้องการให้รัฐบาลสุรยุทธออกไป ให้คณะรัฐประหารออกไป มีการเลือกตั้งใหม่เร็วๆ แล้วพวก คมช. เองก็บอกว่า รับๆไปเถอะแล้วไปแก้ใหม่ก็แล้วกัน วสันต์สร้อยพิสุทธิ์ก็พูดอย่างนี้ครับ จรัลภักดีธนากุลก็พูดอย่างนี้ พวก ปชป. ประท้วงผมวุ่นวายไปหมด ผมเห็นว่า พูดได้ใจความสำคัญพอควรแล้วก็เลยหยุดพูดเพราะไม่อยากเสียแรงไปราวีกับพวกก่อความวุ่นวายในสภาครับ
3. เรื่องนาซ่า ผมบอกว่า โลกเหมือนส้ม มีบรรยากาศห่อหุ้มอยู่ดังนั้นหากบรรยากาศตรงไหนเสียหายทั้งโลกก็เสียหายด้วย การที่นาซ่ามาช่วยสำรวจบรรยากาศในไทย เป็นการเติมเต็มให้กับ ภาพรวมของบรรยากาศโลก นี่เท่ากับคนไทยประเทศไทยทำประโยชน์ให้กับชาวโลกเลยนะครับ ไม่เพียงแต่คนไทยได้ประโยชน์
แล้วเรื่องที่กังวลว่าจะไปจารกรรมประเทศจีนรัสเซียอินเดีย เวียดนาม เป็นไปไม่ได้ เพราะเครื่องบินที่สำรวจบินสูงไม่เกิน 20 กม. ครับ แล้วโลกมันกลม ดังนั้น ขอบของโลกจะบังไว้ นอกจากนี้จีนอินเดียรัสเซีย เทคโนโลยี่ทางทหารและอวกาศไม่เป็นรองอเมริกาครับ ถ้านาซ่าไปจารกรรม จีนอินเดียรัสเซียก็ต้องสอยเครื่องบินนาซ่าร่วงแน่ นอกจากนี้ นาซ่าได้ให้หลักฐานว่า ได้พูดคุยกับประเทศโดยรอบแล้ว ประเทศโดยรอบให้การสนับสนุน รมต.ปลอดประสพ และรมต.สุรพงษ์ก็ได้บอกแล้วว่า ผบ. สูงสุดกองทัพปลดแอกประชาชนจีนและรมต.ต่างประเทศจีนก็ไม่ขัดข้องครับ แล้วนาซ่าก็อนุญาตให้สื่อ นร. นศ. ผู้สนใจเข้าไปชมได้ทุกวัน แล้วแผนการบินของเครื่องบินทุกลำ หรือดาวเทียมสำรวจทุกดวงเขาเปิดเผยให้ตรวจสอบได้ แล้วกังวลอะไรอีก
ผมก็เลยบอกว่า ขอร้องเถอะครับ จะต้านจะค้านอะไรก็ทำไปเถอะแต่ขอให้เป็นวิทยาศาสตร์หน่อยไม่ใช่ บ้าบอคอแตกถึงกับบอกว่า ไทยจะเอาฐานทัพอู่ตะเภาประเคนให้อเมริกาเพื่อแลกกับนายกฯทักษิณได้วีซ่า เป็นเรื่องโกหกเหลวไหลมาก ผมก็เลยบอกว่า “ใครไม่ได้สำรวจไม่มีสิทธิพูด” ถ้าพวกคุณจะค้านจะต่อต้านต้องเป็นวิทยาศาสตร์หน่อยซิครับ ตอนหลัง ส.ว.ลากตั้ง และ ส.ส.ดาวเด่น ปชป. ตีรวนประธานก็เลยปิดประชุม เพราะเป็นการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นเฉยๆครับ นี่ขออนุญาตสรุปสั้นๆนะครับ เพราะความจริงยาวกว่านี้เยอะมากครับ
