จริยธรรม ไล่ล่า กรณี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับราชการทหาร

มติชน 13 ตุลาคม 2555 >>>




แม้ว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการรวบ รวมข้อมูลเพื่อดำเนินการถอดยศและเรียกเบี้ยหวัดคืนจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากกรณีใช้หลักฐานไม่ถูกต้องสมัครเข้ารับราชการทหารจะท้าทายต่อ "จริยธรรม" อย่างยิ่ง
ทั้งจริยธรรมของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่ลงนามแต่งตั้งในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ทั้งจริยธรรมของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ถูกกล่าวหา
กระนั้น หากมองถึงความจำเป็นของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ในฐานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็น่าเห็นใจ
เพราะหากไม่ทำอะไรเลยก็จะถูกตั้งข้อหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากแรงกดดันนี้มาจากผู้ตรวจการแผ่นดินจำเป็นต้องทำเมื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
กระนั้น หากมองจากจุดที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงอยู่ก็แทบเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่คนในตระกูลเวชชาชีวะ จะมีประพฤติการณ์อย่างนี้ เป็นไปได้อย่างไร
มีจุดน่าเห็นใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ว่าจะมองจากด้านปัจเจกชน ไม่ว่าจะมองจากด้านของอดีตนายกรัฐมนตรี น่าเห็นใจและสงสัยว่าจะเป็นการกลั่นแกล้ง รังแกกันหรือเปล่า
ประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการถอดยศและเรียกเบี้ยหวัดคืน และไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องเอกสารการเข้ารับราชการทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล้วนเป็นบุคคลชุดเดียวกัน
นั่นก็คือ พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษม สันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ดำรงอยู่ในฐานะประธานคณะกรรมการ
กรรมการประกอบด้วย 1 พล.อ.นิพันธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม 1 พล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา 1 พล.ต.รณชัย มัญชุสุนทรกุล เจ้ากรมจเรทหารบก 1 พล.ต.สุรเดช เฟื่องเจริญ เจ้ากรมกำลังพลทหารบก 1 เจ้ากรมพระธรรมนูญทหาร
เมื่อรูปของคณะกรรมการ 1 คณะกรรมการ 2 ประกอบขึ้นจากบุคคลชุดเดียวกัน บทสรุปย่อมดำเนินไปในแนวทางเดียวกัน นั่นก็คือ ต้องดำเนินการถอดยศและเรียกเบี้ยหวัดคืนจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สถานเดียว เหตุผลเพราะเอกสารการเข้ารับราชการทหารไม่ถูกต้อง
เป็นเรื่องน่าเห็นใจทั้งด้านของ พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และด้านของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ถูกกล่าวหา
1 เพราะว่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ถูกกดดันจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
1 เพราะว่าสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินถูกกดดันจากหนังสือเรียกร้องของ นายกมล บันไดเพชร ซึ่งเกาะติดกรณีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาตั้งแต่ปี 2542 ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่มี นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นอันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องกลายเป็น "เหยื่อ" อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้พ้น เป็นเหยื่อเพราะหาก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ไม่ดำเนินการก็จะถูกตำหนิจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นเหยื่อเพราะหากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ดำเนินการก็จะเป็น 2 มาตรฐาน
ประเด็นอยู่ที่ว่าการดำเนินการของกระทรวงกลาโหมในคณะกรรมการชุดแรกสรุปได้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้เอกสารการเข้ารับราชการทหารไม่ชอบ ก็เลยนำไปสู่ประเด็นที่ 2 คือการทำเรื่องถอดยศและเรียกคืนเบี้ยหวัด
หากในที่สุดแล้ว คณะกรรมการเห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องถอดยศ จำเป็นต้องเรียกคืนเบี้ยหวัด แล้วสถานะของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเป็นอย่างไร นี่ย่อมเป็นประเด็น "จริยธรรม"
หลายคนจึงหวนกลับไปนึกถึงกระบวนการทวงถามจริยธรรมของ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นการทวงถามจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการทวงถามจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วการทวงถามเหล่านี้จะไม่ย้อนกลับไปทวงถามพรรคประชาธิปัตย์ และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ หากถูกถอดยศ หากถูกเรียกคืนเบี้ยหวัด