อนิจจัง ไม่เที่ยง กรณีศึกษา "พันธมิตร" ฤดูกาล แปรเปลี่ยน

มติชน 19 ตุลาคม 2555 >>>




ไม่ว่าจะเป็นการออกโรงของสิ่งที่เรียกว่า ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นแห่งชาติ หรือ ภตช. ต่อกรณีการไซฟ่อนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท
ไม่ว่าจะเป็นการออกโรงของสิ่งที่เรียกว่ากลุ่มกรีนที่ออกมาต้านการประมูล 3 จี ไม่ว่าจะเป็นการออกโรงของกลุ่มที่เรียกว่า 40 ส.ว. เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการทำสัญญาขายข้าวรัฐต่อรัฐขัดต่อมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 หรือไม่ มีรากฐานมาจาก "แหล่ง" เดียวกัน
ภตช. มี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ มี พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ เป็นประธาน
กลุ่มกรีนมี นายสุริยะใส กตะศิลา เป็นผู้ประสานงาน
ขณะที่กลุ่ม 40 ส.ว. มี นายไพบูลย์ นิติวัน เป็นผู้ยื่นเรื่อง มี น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ประธานกรรมาธิการซึ่งพิจารณาเรื่องไซฟ่อนเงิน ยืนเรียงอยู่เคียงข้าง
โยงไปแล้วเหล่านี้ล้วนสัมพันธ์กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โยงไปแล้วเหล่านี้ล้วนมีความแค้นฝังลึกและเคยมีบทบาทเป็นอย่างสูงในการโค่นรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และเคยโค่นรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพียงแต่ตอนนี้เป้าคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กระนั้น หากศึกษาอย่างเปรียบเทียบในห้วงของรอยต่อระหว่างอดีตกับปัจจุบันก็จะสัมผัสได้ถึงการแปรเปลี่ยน
ตอนที่เคลื่อนไหวในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 มีเสียงไชโยโห่ร้องต้อนรับ อึกทึก แม้กระทั่งเมื่อสั่งการให้ยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เข้ายึดทำเนียบรัฐบาลก็มีคนแห่แหนเข้าร่วมด้วยอย่างหนาแน่น
แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงความเห็นชอบด้วย
เช่นเดียวกับ เมื่อเคลื่อนขบวนแสดงความไม่เห็นด้วยกับการประมูล 3 จี ก็สามารถสกัดขัดขวางได้อย่างต่อเนื่อง ที่คิดกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 กว่าจะได้ประมูลอย่างจริงจังก็ปี พ.ศ. 2555
กระนั้น เมื่อมีการพยายามสกัดขัดขวางโดยอาศัยกลไกของศาลปกครองก็ใช่ว่าจะได้รับเสียงไชโยโห่ร้องเหมือนในกาลอดีต ยิ่งกรณีของกลุ่ม 40 ส.ว. ที่ฟันธงว่าจีทูจีขัดต่อมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ยิ่งแปลก
แปลกเหมือนกับความพยายามของกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ผ่านปัญญาจากสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ในการยื่นรำร้องว่าโครงการจำนำข้าวผิดต่อมาตรา 81 (1) ของรัฐธรรมนูญเพราะเป็นการผูกขาด มิได้เป็นการค้าเสรี ในที่สุดก็ถูกปฏิเสธจากศาลรัฐธรรมนูญ
จากนี้เห็นได้ว่า ที่เคยเป็น "ฮีโร่" ในยุคหนึ่ง สมัยหนึ่ง กลับทำท่าว่าอาจจะกลายเป็น "ผู้ร้าย" ในอีกยุคหนึ่ง สมัยหนึ่ง เหมือนที่ ภตช. กำลังถูกไล่ต้อนอยู่ในขณะนี้
เพราะไม่เพียงแต่เมื่อ ป.ป.ช. ไทยประสานไปทาง ป.ป.ช. ฮ่องกงก็ได้รับการปฏิเสธ หากแม้กระทั่งเมื่อ ป.ป.ง. ไทยประสานไปยัง ป.ป.ง. ฮ่องกง ก็ได้รับการปฏิเสธเช่นเดียวกัน เป็นการ "เต้า" ขึ้นมาเอง
เต้าแล้วก็มีพวกเดียวกันอย่างคณะกรรมาธิการในวุฒิสภาประสานขานรับ และขุนพลนักพูดจากพรรคประชาธิปัตย์ก็พยายามขยายผล ขยายผลจนหน้าแหกแตกเป็นริ้ว
เช่นเดียวกับ กลุ่ม 40 ส.ว. ไม่ศึกษาบทเรียนจากกรณีของปัญญาชนจากสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ ในเรื่องมาตรา 84 (1) เพียงแต่ยักย้ายไปอาศัยมาตรา 190 วรรคสอง มาเป็นเครื่องมือเพื่อเล่นงานรัฐบาล
ทั้งๆ ที่ไม่เพียงกระทรวงพาณิชย์เท่านั้นที่จีทูจีในเรื่องข้าว มันสำปะหลังและอื่นๆ
หากที่กลุ่ม 40 ส.ว. แกล้งทำเป็นไม่รู้ก็คือ หน่วยงานกระทรวงกลาโหมไม่ว่ากองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ล้วนแต่จีทูจีในการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มาแล้วทั้งสิ้น แต่ไม่เคยมีการตรวจสอบเชิงบดบี้อย่างนี้
ฤดูกาลมีการแปรเปลี่ยนตลอดเวลา จากร้อนเป็นฝน จากฝนเป็นหนาว จากหนาวเป็นร้อน การเมืองก็เช่นเดียวกัน มีการแปรเปลี่ยนอยู่อย่างไม่ขาดสาย ที่เคยทำแล้วเข้าท่าในกาละหนึ่งอาจกลายเป็นไม่เข้าท่า ที่เคยรุ่งเรืองก็อาจเป็นตกต่ำ ที่เคยได้รับยกย่องก็อาจถูกตำหนิติฉิน
อนิจจัง ไม่เที่ยง