ทีมข่าว นปช.
18 ตุลาคม 2555
วานนี้ (16 ต.ค. 55) ห้อง 403 ศาลอาญากรุงเทพใต้ (ถ.เจริญกรุง) ศาลนัดไต่สวนการเสียชีวิตของ ฮิโรยูกิ มูราโมโต้, วสันต์ ภู่ทอง และทศชัย เมฆงามฟ้า ทั้งสามเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 ที่บริเวณ ถ.ดินสอ (อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย)
ไพบูลย์ น้อยเพ็ง (คนเสื้อแดงที่อยู่ในเหตุการณ์) ให้การว่า ตนเองเป็นผู้พาตำรวจไปชี้จุดที่เกิดเหตุการเสียชีวิตของฮิโรยูกิบริเวณหัวโค้งฟุตบาทหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงกันยังเป็นจุดที่เกิดเหตุการเสียชีวิตของวสันต์อีกด้วย
ตนเองเป็นผู้สนใจในการเมือง และเคยไปร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายครั้ง ตั้งแต่ 14 ต.ค. 2516 จนถึงการชุมนุมทางการเมืองของ นปช. โดยการชุมนุมของ นปช. ในครั้งนี้ เป็นการชุมนุมเพื่อต่อต้านการรัฐประหารปี 2549
การชุมนุมของ นปช. เป็นไปอย่างสันติ-อหิงสา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รัฐบาล ปชป. ซึ่งมาจากการจัดตั้งในค่ายทหารลาออก หรือยุบสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ไม่มีเจตนาสร้างความวุ่นวายในประเทศแต่อย่างใด ดังนั้นผู้ชุมนุมจึงไม่มีอาวุธ เพราะแกนนำ นปช. สั่งผู้ชุมนุมทุกคนห้ามมีอาวุธอย่างเด็ดขาด
ตนเองเดินทางมาร่วมการชุมนุม นปช. ทุกวันตั้งแต่ก่อนการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 53 และไม่เคยเห็น "ชายชุดดำ" หรืออาวุธใดๆในบริเวณที่ชุมนุม ผู้ชุมนุมสวมเสื้อหลากหลายสีสัน ไม่แต่เฉพาะชุดสีแดง หรือสีดำเท่านั้น
ภาพชายชุดดำที่ปรากฎตามสื่อ ตนเองเชื่อว่า เป็นการจัดฉากขึ้นในภายหลัง เนื่องจากในคลิปไม่มีผู้ชุมนุมอยู่ในบริเวณนั้น และตามพื้นของบริเวณดังกล่าวยังเต็มไปด้วยขยะ
ก่อนการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ไม่มีความวุ่นวายใดๆเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่มีการทำลายทรัพย์สินทางราชการใดๆ ทั้งนี้ตนเองเห็นว่า ตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมา การประกาศ พรก.ฉุกเฉิน จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเกิดความวุ่นวายในประเทศไทยเท่านั้น
ศอฉ. มีการประกาศเตือนถึงขั้นตอนการสลายการชุมนุม 7 ขั้นตอนคือ การเจรจาเพื่อขอให้สลายการชุมนุม, การไม่แอบซ่อนอาวุธ-บุคคลตามที่ต่างๆ, การใช้โล่ผลักดันผู้ชุมนุม, การฉีดน้ำไล่ผู้ชุมนุม, การใช้เสียงทำลายโสตประสาทผู้ชุมนุม, การใช้แก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุม และ การใช้ปืนลูกซองกระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุมทีละนัด
ก่อนการสลายการชุมนุม 10 เม.ย. 53 เวลา 16.00 น. ไม่มีการประกาศว่า จะมีการสลายการชุมนุม และไม่มีการประกาศถึงการสลายการชุมนุมตามขั้นตอนทั้ง 7 แต่อย่างใด ซึ่งก่อนการสลายการชุมนุมมีการโยนแก๊สน้ำตาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ใส่ผู้ชุมนุมโดยตรง โดยไม่มีการทิ้งระยะห่างแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีการโปรยแก๊สน้ำตาจากจุดต่างๆหลายครั้งด้วย
ในวันดังกล่าวที่ด้านหน้าของบ้านเลขที่ 849 (บ้านไม้ 2 ชั้นแบบโบราณฝั่งตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา) มีรถลำเลียงพลหุ้มเกราะจำนวน 6 คันจอดอยู่ และมีทหารจำนวนหนึ่งประจำการอยู่ทั้งภายในรถเหล่านี้ และด้านข้างของรถเหล่านี้ด้วย บ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง มีรั้วสูงรอบด้าน มีแสงสว่างจากหลอดไฟฟ้าที่ผูกโยงทั้งสองฝั่งของถนน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้ชุมนุมอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว
ตนเองสังเกตุเห็นว่า ทหารที่ปลอมตัวเป็นผู้ชุมนุมนำเสื้อแดงมาให้ทหารที่ประจำอยู่ในรถเหล่านี้สวมใส่ เพื่อปลอมตัวเป็นคนเสื้อแดงหลบหนี ส่วนสาเหตุที่ตนเองคิดว่า คนเหล่านี้เป็นทหารที่ปลอมตัวเป็นผู้ชุมนุมนั้น เพราะพวกเขาจะมีการทยอยเดินออกจากบริเวณดังกล่าวเป็นชุดๆไปทางสะพานวันชาติอย่างเป็นระเบียบคล้ายทหาร
พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้พกอาวุธไปด้วย โดยทิ้งอาวุธทั้งหมดอยู่ในรถเหล่านี้ พวกเขาหลบหนีออกไปได้ 2 คัน ส่วนที่เหลืออีก 4 คันจำนวนกว่า 20 คนถูกผู้ชุมนุมควบคุมตัว เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับพวกเขา โดยทหารในรถเหล่านี้ 3 คันแรกถูกส่งตัวไปบริเวณสะพานวันชาติ ส่วนอีก 1 คันที่เหลือถูกส่งตัวไปที่เวทีหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นอกจากนี้ผู้ชุมนุมยังได้ยึดอาวุธปืนของทหารเหล่านี้ซึ่งทิ้งอยู่ในรถเหล่านี้ไปมอบให้กับแกนนำ นปช. บนเวทีด้วย
สาเหตุที่ต้องนำตัวพวกเขาไปที่เวที เพื่อแสดงให้ผู้ชุมนุมได้เห็นว่า ทีทหารแฝงตัวเข้ามาในผู้ชุมนุม โดยผู้ชุมนุมไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายพวกเขาแต่อย่างใด แต่ทำไปเพื่อปกป้องผู้ไม่หวังดีมาทำร้ายพวกเขา
ก่อนหน้าที่ฮิโรยูกิจะถูกยิงจนเสียชีวิต เขาได้เข้าไปบันทึกวีดิโอทหารที่ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเดินได้ 2 คนที่กำลังถูกเพื่อทหารด้วยกันลากตัวมายังฟุตบาทฝั่งตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา ต่อมามีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งกรูเข้ามาบริเวณดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือทหารที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านี้
ต่อมาตนเองเดินลงจากฟุตบาทด้านหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาลงไปบนถนน เพื่อเดินไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแถวหน้าของผู้ชุมนุม นปช. เพื่อเผชิญหน้ากับทหารที่ตั้งแถวผลักดันผู้ชุมนุมอยู่
ตนเองเดินผ่านฮิโรยูกิทางด้านซ้ายของเขา และเห็นเขากำลังแบกกล้องวิดีโอด้วยมือขวาของเขาเพื่อบันทึกภาพการชุมนุมอยู่บริเวณฟุตบาทฝั่งตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา โดยหันหน้ากล้องไปทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อบันทึกภาพของผู้ชุมนุมที่กำลังเผชิญหน้ากับทหาร
ระหว่างนั้นเกิดเสียงดังขึ้น 2 ครั้ง ซึ่งตนเองไม่ทราบว่า เป็นเสียงอะไร แต่ไม่ได้มาจากทางผู้ชุมนุม บ้านไม้โบราณ หรือโรงเรียนสตรีวิทยา เสียงดังดังกล่าวเป็นเหตุให้ตนเอง และผู้อยู่ในบริเวณดังกล่าวล้มลงกว่า 20 คน โดยตนเองล้มลงก่อน หันหน้าไปทางฮิโรยูกิ และเห็นฮิโรยูกิล้มลงตามมา ซึ่งขณะนั้นตนเองอยู่ห่างจากฮิโรยูกิประมาณ 5 เมตร
ทหารไม่เคยมีการประกาศเตือนว่า จะมีการใช้อาวุธปืน-กระสุนจริงกับผู้ชุมนุม และผู้ชุมนุมก็ไม่เคยคาดคิดว่า ทหารจะใช้อาวุธปืน-กระสุนจริงกับผู้ชุมนุมเช่นกัน