ข่าวสด 16 ตุลาคม 2555 >>>
จัดทีม 2 ฝ่ายโต้ออกทีวี ลั่นพร้อมจตุพรชี้แจง เทือกเมิน-อ้างไร้สาระ
"ณัฐวุฒิ" รำคาญ "ชุดดำประชาธิปัตย์" ท้า "มาร์ค-เทือก"ออกทีวี ดวลข้อมูล พร้อมควง "จตุพร" ลุย ให้ใช้บลูสกายกับเอเชียอัพเดต ถ่ายทอดพร้อมกัน พูดแล้วขอให้จบเรื่องชุดดำ ที่เหลือเป็นวิจารณญาณของประชาชน โวยบริหารประเทศจนนำไปสู่คนตาย-เจ็บจำนวนมาก ยังไม่รับผิดชอบ แล้วยังชี้เป็นความผิดของคนอื่น ขณะที่เทือกปฏิเสธทันควัน สวนกลับพูดไร้สาระ ด้าน "เพื่อไทย" ยื่นหนังสือทวงถาม "ป.ป.ช." คดีสลายม็อบ 98 ศพ ผ่านมา 2 ปีกว่าไม่คืบ ไม่เหมือนคดีสลายม็อบเหลือง แม้อัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่ก็จะส่งคดีสู่ศาลฎีกา ด้านมือปราบหูดำเข้าให้การดีเอสไอแล้ว ส่วนวันที่ 17 ต.ค. คิว "สมชาย-คอป."
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นเอกสารถึงประธานและคณะ กรรมการ ป.ป.ช. ผ่านนายวิทยา อาคมพิทักษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ได้รับการทวงถามจากญาติผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 จึงมายื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการทำงานของ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กรณีบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด จนนำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่ รวม 98 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน เพราะเวลาผ่านมานานกว่า 2 ปี แต่ยังไม่คืบหน้าใดๆ
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การพิจารณาคดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงของ ป.ป.ช. ต่างจากการพิจารณาคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลให้ดำเนินคดีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ในขณะนั้น ที่สุดท้ายอัยการไม่สั่งฟ้อง แต่ ป.ป.ช. ยืนยันจะทำเรื่องส่งสู่ศาลฎีกาเองโดยเร็ว ทั้ง 2 คดีอยู่ในการจับตามองของประชาชน เพราะคดีหนึ่งพิจารณาเสร็จแล้ว ขณะที่อีกคดียังไม่คืบหน้าใดๆ จึงขอให้ ป.ป.ช. เร่งทำงานให้เร็วขึ้น หาก ป.ป.ช. มีข้อขัดข้องใดๆ ก็ควรชี้แจงสาเหตุที่ทำให้เกิดความล่าช้าหรือติดขัด
ต่อมาที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์แถลงว่ากรณีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์, นายสุเทพ, นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง และนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา จัดปราศรัยเกี่ยวกับชายชุดดำ ที่สวนลุมพินี เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยเฉพาะนายสาธิตระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นผู้จ้างวานชายชุดดำ และวางแผนเพื่อให้เกิดความสูญเสีย โดยใช้ชีวิตประชาชนเป็นเครื่องมือนั้น ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มอบให้ทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยและตน ไปแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวที่ สน.ลุมพินี ในวันที่ 17 ต.ค. เวลา 10.00 น.
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่รู้จักชายชุดดำ ไม่มีความเกี่ยวข้อง และบงการใครทั้งนั้น เป็นการกล่าวหาใส่ร้ายเพื่อให้เกิดการดูหมิ่น เกลียดชัง และหวังผลทางการเมือง อย่างไรก็ตาม อยากให้ตรวจสอบว่าการกระทำของนายอภิสิทธิ์เป็นการยุยงก่อให้เกิดการเกลียดชังหรือไม่ และหากจัดเวทีแบบนี้บ่อยๆ จะทำให้ประชาชนตึง เครียด ก่อให้เกิดการเผชิญหน้า อาจนำไปสู่ความวุ่นวาย และเกิดวิกฤตทางการเมืองรอบใหม่อีก เมื่อถึงตอนนั้นขอให้นายอภิสิทธิ์รับผิดชอบด้วย
ขณะเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และหนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. เกี่ยวกับเรื่องชายชุดดำของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เท่าที่ดูเกมของพรรคประชาธิปัตย์ คงสรุปภายในพรรคแล้วว่าการตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล จะลดและเพลาลง เพราะยิ่งตามก็ยิ่งห่าง เนื่องจากทุกโพลคะแนนความนิยม และการยอมรับในตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ นำหน้านายอภิสิทธิ์มากขึ้นทุกที จึงใช้ไม้ตาย หรือเรียกว่าวิชาก้นหีบ ตั้งเวทีสร้างประเด็นใส่ร้ายป้ายสี ทำลายความน่าเชื่อถือ สร้างความหมางใจให้คนในพรรคเพื่อไทย และสร้างความไม่เข้าใจระหว่างพรรคเพื่อไทยกับประชาชน
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การเปิดเวทีจี้ประเด็นชายชุดดำ ที่พรรคประชาธิปัตย์ทำมาตลอด และเชื่อว่าจะทำต่อเนื่องจากเข้มข้นขึ้นอีก ชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นเกมนี้เป็นหลัก และหลังจากนี้จะเดินสายเปิดเวทีลักษณะแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อทดสอบกระแสจากการชุมนุม ที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ในวันที่ 28 ต.ค. เดิมพรรคประชาธิปัตย์เคยใช้บริการของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่เวลานี้เข้าหน้ากันไม่ติด คงจะเล่นเกมเพื่อวัดกระแสจากการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ และถ้าเห็นว่าคนทำท่าจะคึกคัก พรรคประชาธิปัตย์ก็คงจะเดินต่อ แล้วจะสร้างประเด็นรายวันรายสัปดาห์ เพื่อทำให้รัฐบาลเสื่อมความน่าเชื่อถือ แล้วหาจังหวะล้มรัฐบาลต่อไป
แกนนำ นปช. กล่าวว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์นำพาชาวคณะอยู่เวลานี้ อธิบายได้ว่าการเป็นนักการเมืองของนายอภิสิทธิ์มีหลายอย่าง เป็นคนมีฐานะ มีความรู้ มีความสามารถทางการพูด แต่ไม่มีหัวใจ เมื่อไม่มีหัวใจก็ย่อมไร้ความรับผิดชอบต่อชีวิต ความสูญเสียของประชาชน จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้นำประเทศถือกองกำลังเกือบแสนนาย ใช้อาวุธสงครามครบครัน บริหารสถานการณ์จนมีคนตายเกือบ 100 คน บาดเจ็บกว่า 2,000 คน แล้วไม่มีความรับผิดชอบใดๆ แต่กลับชี้ว่าเป็นความผิดของคนอื่นทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้ประชาชนเห็นชัด และเชื่อว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์เล่นนอกเกมมาในแนวดับเครื่องชนแบบนี้ ก็ต้องตั้งแนวรับฉลองศรัทธาบ้าง ไม่เช่นนั้นก็จะมากล่าวหาว่าพวกตนหวาดกลัว ปิดปากไม่ยอมพูด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะใช้วิธีเปิดเวทีชี้แจงหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นเปิดเวทีชี้แจง แต่ ถ้าแหลมมาก็ต้องเจอกัน โดยใช้วิธีแถลงข่าว ผ่านสื่อมวลชน แต่ถ้าหากนายอภิสิทธิ์และนาย สุเทพเห็นว่าสิ่งที่ทำอยู่ได้ผล ดึงการยอมรับจากประชาชนได้ เมื่อต่างฝ่ายต่างมีทีวีสนับสนุนเป็นของตัวเอง ก็อยากเชิญให้จัดมาฝ่ายละ 2 คน ตนกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นฝ่ายเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ เป็นฝ่ายน้ำเงิน หรือฝ่ายฟ้า ฝ่ายเหลือง แล้วใช้ทีวีที่สนับสนุน คือบลูสกายและเอเชียอัพเดต มาถ่ายพร้อมกัน ชี้แจงในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะชายชุดดำ แต่เมื่อพูดแล้วขอให้จบ ที่เหลือเป็นวิจารณญาณของประชาชน
"ถ้าพรรคประชาธิปัตย์สนใจก็ติดต่อมาได้เลย ผมและนายจตุพรพร้อม ตั้งกล้องของทีวีบลูสบายและเอเชียอัพเดต พูดแล้วขอให้จบ จะใช้เวลาเท่าไหร่โฆษณา ให้ประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายทราบ พวกผมพร้อมตลอดเวลา โดยไม่ต้องใช้ทีวีของรัฐช่อง 11 ช่อง 9 ปล่อยให้นำเสนอผลงานการแก้ปัญหาการพัฒนาประเทศ ดีกว่ามาใช้วิธีลอบกัดอย่างที่เป็นอยู่ การเล่นเกมแบบนี้เล่นง่าย เพราะพ.ต.ท. ทักษิณอยู่ข้างนอก เอะอะอะไรก็ยัดใส่ทักษิณ ลำบากที่จะตอบโต้ ขณะที่แกนนำนปช.แม้จะอยู่ในประเทศ แต่พรรคประชาธิปัตย์ฉวยเอาเวลาที่ฝ่ายเราอยากให้รัฐบาลใช้เวลาบริหารบ้านเมืองมาปลุกเร้า ใส่ไฟใส่ความ ดังนั้น การตั้งแนวรับเพื่อฉลองศรัทธา เป็นเรื่องน่าทำ ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็ได้รับความไว้วางใจ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่สำนึกยังทำต่อเนื่อง ก็ต้องว่ากันใหม่ ดีเหมือนกันจะได้ยืดเส้นยืดสายหน่อย" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน ก่อนเข้าสู่วาระ พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เรื่องการดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในคดีการชุมนุมปี 2552-2553 การปฏิบัติการทางทหารครั้งนั้น เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายกฯ ในฐานะผู้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเป็นไปตามหลักสากล คือเป็นไปตามความหนักเบาของสถานการณ์ ดังนั้น การปฏิบัติของกองทัพในช่วงเวลานั้น จึงเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย และได้รับความคุ้มครอง โดยไม่ต้องรับโทษทั้งทางแพ่งและอาญา
พล.อ.เลิศฤทธิ์ กล่าวว่า แต่วิธีดำเนินคดีของ ดีเอสไอทำกระจัดกระจาย ทำข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไป แทนที่จะรวบรวมข้อเท็จจริงมาไว้เป็นเรื่องเดียวกัน จึงทำให้กระบวนการพิจารณ าของดีเอสไอในบางสำนวนเปลี่ยนแปลงไป เช่น คดีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเรียบร้อย กลายเป็นผู้ได้รับความคุ้มครองจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐเหมือนเป็นผู้ประกอบอาชญากรรม ทั้งที่ผู้ก่อความไม่สงบเองเตรียมการปฏิบัติหลายรูปแบบ ทั้งแต่งกายชุดดำ หรือใช้ผ้าสีแดงเป็นสิ่งบอกฝ่าย ดังนั้น วิธีการของดีเอสไออาจทำให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างล่าช้าและไม่ยุติธรรม จึงฝากไปยังนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ ช่วยสั่งการให้อธิบดีดีเอสไอดำเนินการกลุ่มนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไม่ดำเนินคดีแบบกระจัดกระจายแบบปัจจุบัน เพื่อลดความขัดแย้งในสังคม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ ท้าดีเบตเรื่องชายชุดดำว่า นายณัฐวุฒิพูดเรื่องไร้สาระ
เวลา 10.00 น. ที่ดีเอสไอ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรอง ผบช.น. และอดีต ผบก.น.1 เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนคดี 98 ศพ และต่อมา พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า พล.ต.ต.วิชัยให้ข้อมูลการปฏิบัติงานขณะนั้น ว่าจัดวางกำลังดูแลพื้นที่การชุมนุมของคนเสื้อแดงอย่างไรบ้าง แต่ไม่ได้นำหลักฐานอะไรมามอบให้ อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนนำคลิปเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีรูป พล.ต.ต.วิชัย ปรากฏอยู่ ในวันที่ 14-15 พ.ค. 2553 ที่มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขณะนั้น พล.ต.ต.วิชัย ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และทราบว่าวิถีกระสุนมาจากตึกศิวาไทย ใกล้โรงแรมเซ็นจูรี่ จากนั้น พล.ต.ต.วิชัย อธิบายเหตุการณ์ในวันที่ 20 พ.ค. 2553 ขณะที่นำกำลังตำรวจเข้าไปช่วยผู้ชุมนุมออกจากวัดปทุมวนาราม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอสอบปากคำ พล.ต.ต.วิชัย นาน 4 ชั่วโมง และในวันที่ 17 ต.ค. เวลา 10.00 น. ดีเอสไอนัดนายสมชาย หอมลออ กรรมการคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เข้าให้การเกี่ยวกับชายชุดดำที่ถูกระบุไว้ในรายงาน คอป.