วิวาทะเรื่อง "ชายชุดดำ" กลับคืนสู่กระแสร้อนทางการเมืองอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นไป 2 ปี 6 เดือน ในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553
ฟากฝ่ายบริหาร สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคว้าทุกคดีที่เกี่ยวข้องขึ้นมา "ปัดฝุ่น" นำโดยการเดินหน้าสืบคดีในมือของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในยุคที่มีผู้นำรัฐบาลอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนปรากฏข้อมูลชุดใหม่ว่า "ชายชุดดำไม่มีจริง"
ขณะที่ฝ่ายค้านปัจจุบัน รัฐบาลในอดีต อย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขนอีเวนต์ครั้งใหญ่ เพื่อเรียก "ชายชุดดำ" ให้ปรากฏตัวอีกครั้ง
ถือเป็นการตอบโต้ประเด็นความเหมือนที่แตกต่าง ท่ามกลางกระแสข่าวลวง-ลือ ในการลากอดีตนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-สุเทพ เทือกสุบรรณ" ให้ตกเป็นผู้ต้องหาพยายามฆ่า
ทุกอีเวนต์ทางการเมืองของฝ่ายค้านจึงขุดชุดข้อมูล ปลุกความเชื่อชุดเดิม ทั้งเรื่องชายชุดดำ-ต้นเหตุวิกฤตการเมือง เพื่อทานกระแสจากฝั่งตรงข้าม
รวมถึงหนังสือ "ความจริงไม่มีสี" ที่ถูกถ่ายทอดความรู้สึก ในทุกช่วงเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองวิกฤตปี 2552-2553 ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หลายข้อมูลถูกขุดเรื่องเก่า-เล่าใหม่ ภายใต้สโลแกน "ฟังคนพูดโกหกมากพอแล้ว ขอโอกาสผมพูดความจริงบ้าง" ผ่านตัวหนังสือความยาว 44 ตอน ขนาด 176 หน้า
เขาเริ่มต้นเล่าถึงการปรากฏตัวของ "ชายชุดดำ" ว่า คนเหล่านี้ถือกำเนิดในวันที่ประเทศเผชิญวิกฤตการเมืองจาก "ทักษิณ"
"ชนวนเหตุปี 2553 เริ่มจากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายึดทรัพย์คุณทักษิณ 4.6 หมื่นล้านบาท จากนั้นก็มีการวิดีโอลิงก์กล่าวหาว่าศาลเป็นเครื่องมือทางการเมือง"
วาทกรรม "สองมาตรฐาน" จึงถือกำเนิดขึ้นในวันนั้น จนกระทั่งเกิดการระดมพลในเวลาต่อมา
"คุณทักษิณใช้ประชาชนผู้ศรัทธาตนเอง เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างโหดร้าย หลังถูกยึดทรัพย์ มันมีการก่อเหตุ มีปฏิบัติการใช้อาวุธสงครามของกองกำลังติดอาวุธ มีการยกทัพออกศึกของคนเสื้อแดง เราก็ตั้งศูนย์ควบคุมแก้ไขสถานการณ์"
คืนวันที่ 10 เมษายน 2553 ในวันที่เสียงปืนหลายนัดดังก้องทั่วฟ้ากรุงเทพฯ คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เขาบอกว่า เป็นคืนที่หนักอึ้งและยาวนานที่สุดในชีวิตนักการเมือง
"วันนั้นทหารไม่ได้เตรียมตัวไปรบ ไม่ได้จะไปสลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้าฯด้วยซ้ำ เขาได้รับคำสั่งให้ขอพื้นที่คืนบางส่วนที่สะพานปิ่นเกล้า สะพานพระราม 9 แต่แล้วทันทีที่มีการยิงระเบิดเข้าใส่ทหาร ทุกอย่างก็พลิกผัน"
"คุณศิริโชค โสภา (ส.ส.สงขลา ปชป.) ยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุร้าย เขาตามข่าวสารในอินเทอร์เน็ต พบข้อความในเว็บบอร์ดของเครือข่ายคนเสื้อแดงแห่งหนึ่ง บอกว่าจะเกิดเหตุแถวสะพานวันชาติ และมันก็เกิดขึ้นจริง แสดงว่ามีการวางแผนโจมตีล่วงหน้า เหมือนสงครามกองโจร โดยใช้การชุมนุมเป็นโล่กำบัง"
"ผมจำได้ว่ามีการเจรจากับแกนนำ และนักการเมืองในพรรคไทยรักไทย คุณกอร์ปศักดิ์ยืนยันว่า นี่คือแนวทางของรัฐบาล แต่มีกองกำลังติดอาวุธ เขาตอบกลับมาว่า อยากทำอะไรกับกองกำลัง ทำไปเลย เขาไม่ว่าอะไร"
อภิสิทธิ์ยังเล่าถึงความลับในใจแทรกอยู่ภายใต้หัวข้อ Inside PM เริ่มตั้งแต่การล้อมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนของคนเสื้อแดง "อภิสิทธิ์" ยอมรับว่า หากรุ่งขึ้นคนเสื้อแดงประกาศยุติ เขาคงต้องลาออกจากตำแหน่ง !
"วันนั้นถ้าเขาเลิกชุมนุม เลิกเคลื่อนไหว ผมคงต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่เขากลับไปชุมนุมปิดถนน ด่าทอใส่ร้ายองคมนตรีและสถาบันที่อยู่นอกเหนือการเมือง กดดันศาลให้ยอมเรื่องรัฐธรรมนูญ ถ้าให้รัฐบาลละทิ้งหน้าที่ ผมคงทำไม่ได้"
ขณะที่วันเวลาผ่านมากว่า 2 ปี หลายคำถาม-ปัญหา "อภิสิทธิ์" แก้ต่าง อธิบายความไปได้ ขณะที่หนึ่งคำถามที่ค้างอยู่ในอก คือ "ทำไมรัฐบาลไม่คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ?"
"คนอยากรู้ว่า ช่วงที่มีสถานการณ์ผมได้เคยคุยกับคุณทักษิณหรือบ้างหรือไม่ ความจริงเราพยายามเจรจามาตลอด คนที่ทำหน้าที่หลักคือ คุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ฝ่ายโน้นมีคุณวีระ คุณณัฐวุฒิ ส่วนคุณทักษิณก็มีคนคุย แต่ผมไม่ได้คุย"
"หลายคนไปคุยมาบอก ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้เรื่อง เพราะสุดท้ายเราดูประกอบกับเหตุการณ์ พฤติกรรม กับการตัดสินใจทั้งหลายของพรรคเพื่อไทยบ้าง แกนนำเสื้อแดงบ้าง"
"สิ่งที่เขาต้องการเป็นสิ่งที่เราให้ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เพราะว่าผมเป็นผม แต่ถ้าให้ มันจะขัดกับหลักการของบ้านเมือง ส่วนสิ่งที่ให้ได้ เขาก็ไม่เอา"
"ยอมรับว่าผมกับคุณทักษิณคงคุยกันยาก เราแตกต่างกันมาก คุณทักษิณเจรจาเรื่องบ้านเมืองเหมือนเป็นธุรกิจ คือคุยแล้วต้องได้ ต้องมีการแปลกเปลี่ยน ไม่ได้วันนี้ต้องลงบัญชีไว้วันหน้า"
หากนับตลอด 20 ปีบนเส้นทางการเมือง "อภิสิทธิ์" จำได้แม่นว่าเคยคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ถึง 10 ประโยค
"จำได้ว่าสมัยคุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี คุณทักษิณกลับมากราบแผ่นดิน กลับมาเหมือนจะสู้คดี ผมกับเขาพบกันในงานศพ ก็ทักทายกันปกติ ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรสำคัญ"
ย้อนไปไกลกว่า "รัฐบาลสมัคร" ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากันที่สภา เขาบอกว่า "ถ้าเห็นผมนั่งโต๊ะกาแฟทางนี้ แกเดินมาเห็น แกก็เดินเลี่ยงไปทางอื่น"
"นักการเมืองแม้จะอยู่พรรคอื่น ส่วนใหญ่ผมคุยก็ได้ มีเพียงไม่กี่ท่านที่ไม่คุย หนึ่งในนั้นเป็นคุณทักษิณ ผมเข้าใจว่า เราคงสื่อสารถึงกันยาก"
"ผมยืนยันว่าไม่มีเรื่องส่วนตัวอะไรกับท่าน แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นหรือไม่ เวลาเจอคนที่เราไม่อยากจะสุงสิง ไม่อยากจะคุย เพราะผมเชื่อว่าถึงคุยกันไป ก็ทำให้ยิ่งเสียความรู้สึกกันมากขึ้นกว่าเดิม"
ทั้งหมดเป็นเหตุการณ์เดิมที่ถูกเล่าใหม่ภายใต้ปากคำ "อภิสิทธิ์" แน่นอนว่าย่อมแตกต่างกับชุดความจริงของคนเสื้อแดง-พรรคเพื่อไทย
จากนี้สังคมคงต้องวิเคราะห์ ตัดสินด้วยตนเองว่า "ชุดความจริง" ของใครที่ถูกต้องมากกว่ากัน !