มติเอกฉันท์ 'ศาล รธน.' ม.112 ไม่ขัด รธน.

ประชาไท 11 ตุลาคม 2555 >>>


10 ตุลาคม 2555 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่า มาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ระบุ เป็นบทบัญญัติที่เป็นไปเพื่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ตามหลักนิติธรรมที่เป็นศีลธรรมหรือจริยธรรมของกฎหมาย อัตราโทษมีความเหมาะสมได้สัดส่วน และย้ำการกระทำขัด ม.112 ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐจริง
สืบเนื่องจากจำเลยในสองคดี คือ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ นายเอกชัย หงส์กังวาน ได้ยื่นโต้แย้งให้ศาลอาญา ส่งคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มาตรา 112 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 8 มาตรา 29 และมาตรา 45 วรรคหนึ่งและวรรคสองหรือไม่
ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นบทบัญญัติที่เสริมให้รัฐธรรมนูญมาตรา 8 มีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง จึงไม่มีมูลกรณีที่จะอ้างว่า ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 8 ได้ คงมีประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยเพียงว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 29 และมาตรา 45 วรรคหนึ่งและวรรคสองหรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้ว เห็นว่า หลักการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 สอดคล้องกับการให้ความคุ้มครองพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันและประมุขของประเทศไทย การกำหนดบทลงโทษผู้กระทำความผิดจึงเป็นไปเพื่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตามหลักนิติธรรมที่เป็นศีลธรรมหรือจริยธรรมของกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงมิได้ขัดหรือแย้งต่อหลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง
นอกจากนี้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา ภาคความผิด ลักษณะที่ 1 ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นมาตรการของรัฐที่มีขึ้นเพื่อคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาดมาดร้าย ซึ่งการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ เพราะพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองและคุ้มครองไว้ และเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงเป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรที่มีความหมายเช่นเดียวกับการเป็นกฎหมายที่มีขึ้นเพื่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 วรรคสอง ที่เป็นเงื่อนไขแห่งการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูฯญ มาตา 45 วรรคหนึ่ง อีกทั้งอัตราโทษตามที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กำหนดไว้ ก็เป็นการกำหนดเท่าที่จำเป็นเพื่อให้รัฐธรรมนูญ มาตรา 8 ที่รับรองสถานะของพระมหากษัตริย์มีผลใช้ได้อย่างสมบูรณ์ในทางปฏิบัติ  และเป็นการจำแนกการกระทำความผิดที่เหมาะสมและได้สัดส่วนกับสถานะของบุคคลที่ประมวลกฎหมายอาญาได้กำหนดไว้ อีกทั้งเป็นบทบัญญัติที่ใช้เป็นการทั่วไป ไม่ได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง และไม่ได้กระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 วรรคหนึ่งแต่ประการใด เพราะบุคคลทุกคนยังมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นภายในขอบเขตที่ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นี้ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 และมาตรา 45 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง
ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 29 และมาตรา 45 วรรคหนึ่งและวรรคสอง
ด้านนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ให้ความเห็นในเฟสบุ๊คของตัวเอง ในประเด็นดังกล่าวว่า

การที่ศาลให้เหตุผลว่า มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่มีไว้เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐเป็นเหตุผลที่สำคัญมาก เพราะแสดงให้เห็นว่า มาตรา 112 ไม่ได้มุ่งคุ้มครองพระมหากษัตริย์เป็นการส่วนพระองค์ แต่มุ่งคุ้มครองรัฐที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ดังนัั้นจากนี้ไป ตำรวจ อัยการ และศาลทั้งหลาย โดยเฉพาะศาลฎีกา ต้องพิจารณาแยกแยะให้ดีว่า การกระทำที่ฟ้องมาตามมาตรา 112 นั้น มีเนื้อหาสาระที่กระทบ ‘ความมั่นคงของรัฐ’ หรือไม่
หากสิ่งที่ฟ้องมา เป็นเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ‘ความมั่นคงของรัฐ’ ก็ต้องไม่นำไปโยงกับมาตรา 112 เช่น การที่ใครปากพล่อย พูดจาหยาบคายไม่เรียบร้อย ไม่ยืนตรงเคารพเพลง ฯลฯ ก็ต้องไปฟ้องตามกฎหมายมาตราอื่นที่ออกแบบมารักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม แต่ไม่ใช่จับทุกอย่าง ยัดเข้าเป็นเรื่อง ‘ความมั่นคงของรัฐ’ ไปเสียหมด
แต่หากผู้ใดยัดทุกอย่างเข้าเป็นเรื่อง ‘ความมั่นคงของรัฐ’ ไปเสียหมด เท่ากับว่า ผู้นั้นกำลังดูแคลนว่า สังคมไทยมีความอ่อนแอบางอย่างที่แตะต้องไม่ได้ เพราะผู้นั้นมองว่าเพียงแค่ใครพูดพล่อยๆ ก็จะทำให้ความอ่อนแอนั้นพังสลายจนกระทบ ‘ความมั่นคงของรัฐ’ ไปหมดทุกเรื่อง