ทบ. ​เมิน DSI ​ไม่​เชื่อ ยัน 2 ทหาร​ให้​การชัด​เจน ​ไม่มีหลักฐานยิง​เสื้อ​แดง ​เหลิมอ้างธาริต​ไร้ชุดดำ

แนวหน้า 1 กันยายน 2555 >>>


เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมทำหนังสือมาถึงกองทัพบกเพื่อขออาวุธปืนเอ็ม 16 มาตรวจสอบภายหลังจากที่พลแม่นปืน 2 นายเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอและระบุว่าปืนที่ปรากฏในภาพไม่ใช่ปืนสไนเปอร์ แต่เป็นปืนเอ็ม 16 และใช้กระสุนซ้อมยิงว่า ก็คงต้องว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมายซึ่งทางดีเอสไอมีอำนาจและมีสิทธิ์ที่จะร้องขออาวุธยุทธโปกรณ์ไปตรวจสอบตามหน้าที่ ซึ่งกองทัพบกถือเป็นหน่วยงานราชการ เรายืนยันปฎิบัติหน้าที่ตามกรอบกฎหมายและเจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 2 นายก็ให้ข้อมูลกับทางดีเอสไอไปแล้ว    หากกองทัพบกได้รับหนังสือขออาวุธปืนไปตรวจสอบก็จะให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจัดส่งไปให้
ส่วนกรณีที่ทางดีเอสไปไม่เชื่อคำให้การของนายทหาร 2 นาย ที่ชี้แจงว่าใช้กระสุนซ้อมยิงขู่กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณพระราม 4 หรือบ่อนไก่ ซอยงามดูพลีไม่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บและเสียชีวิตของกลุ่มเสื้อแดงนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นเรื่องของดีเอสไอ เพราะเจ้าหน้าที่ให้การไปแล้วเขาปฎิบัติอย่างไรก็ชี้แจงไปอย่างนั้น ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของดีเอสไอ ในส่วนของกองทัพบกคงไม่ขอวิจารณ์ในส่วนนี้ เพราะเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน
เมื่อถามว่า ทางดีเอสไอ ระบุว่าคำให้การของทหารทั้ง 2 นายขัดแย้งกับท่าทางที่ปรากฎในภาพที่มีลักษณะจริงจังเหมือนไม่ใช่กระสุนซ้อมยิง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่าตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุขณะนั้นคงไม่สามารถให้ความเห็นได้แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ของเรายืนยันไปตามคำให้การก็เป็นเรื่องของดีเอสไอที่จะต้องไปพิจารณา
   "ขณะนี้มีเพียงภาพที่เป็นคลิปบันทึกการปฎิบัติงานของนายทหารทั้ง 2 นายเท่านั้น ไม่ปรากฎหลักฐานว่ายิงไปแล้วมีคนล้มหรือบาดเจ็บจากการกระทำดังกล่าว และนายทหารทั้ง 2 นายก็ชี้แจงไปแล้วว่าเป็นกระสุนซ้อมยิง ส่วนใครจะเชื่อไม่เชื่ออย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
เมื่อถามว่า ทางดีเอสไอระบุว่าจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธปืนเอ็ม16 ทั้งในส่วนของเกลียวลำกล้องปืนและจะพยายามหาหัวกระสุนมาพิสูจน์จะมีปัญหาหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่าถือเป็นปัญหาของดีเอสไอเรามีหน้าที่แค่จัดส่งอาวุธให้ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ส่วนจะส่งไปแล้วจะเป็นปัญหาและอุปสรรคในการหาข้อเท็จจริงอย่างไรก็เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ
ทางด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายศักดิ์ชัย แซ่ลี้ อายุ 38 ปีผู้เข้าร่วมชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ที่แยกราชประสงค์ เป็นพยาน 6 ศพวัดปทุมวนาราม ออกมาเบิกความสรุปว่า ทหารเป็นผู้ยิงคนที่เสียชีวิตในวัดปทุม ในช่วงการสลายการชุมนุม 19พฤษภาคม 2553 ว่า พูดไม่ได้ พูดไปจะถูกหาว่าแทรกแซง และพรรคประชาธิปัตย์จะบ่นเอา แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงชายชุดดำมีจริงหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “เอ้า ! ธาริตแถลงแล้วนี่ว่าไม่มี”
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขณะนี้รัฐบาลและกลุ่มผู้สนับสนุนกำลังบิดเบือนข้อเท็จจริงทั้งเรื่องการเมือง และตัวเลขทางเศรษฐกิจ โดยในทางการเมืองนั้นมีความพยามที่จะกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏร์ธานี ว่าเกี่ยวข้องการเสียชีวิตจำนวน 98 ศพ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 ซึ่งเป็นการโยนบาปให้กับรัฐบาลชุดที่แล้ว  เช่น การให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เป็นเครื่องมือจัดการคนที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล
   “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง ที่ระบุว่า ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่มีชายชุดดำ ไม่มีการใช้อาวุธ แต่การเสียชีวิตและบาดเจ็บเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่เสียชีวิตด้วย ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะการเสียชีวิตและบาดเจ็บเกิดจากชายชุดดำที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว