พวงทอง ภวัครพันธุ์: ชำแหละรายงาน "คอป."

ข่าวสด 20 กันยายน 2555 >>>




   "คอป. เน้นที่จะหยิบยกเรื่องชายชุดดำมาพูด มองง่ายๆ เลยคือต้องการทำลายความชอบธรรมการชุมนุมของคนเสื้อแดง"
กรณีคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) แถลงบทสรุปเหตุการณ์พฤษภาเลือด 2553 นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดย เฉพาะการระบุในรายงานฉบับสมบูรณ์ของ คอป. ถึงการปรากฏตัวของชายชุดดำในหลายเหตุการณ์ว่า มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนปช. เกี่ยวพันใกล้ชิดกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
นางพวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ผู้ประสานศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เดือน เม.ย.-พ.ค.2553 (ศปช.) มองต่างมุมในประเด็นดังกล่าว พร้อมนำผลการศึกษาค้นคว้าของ ศปช. มาประกอบการอธิบาย

จุดอ่อน-จุดแข็งรายงานของ คอป.

รายงานสรุปของ คอป. มี 300 กว่าหน้า แต่ที่วิเคราะห์เรื่องความรุนแรงมีเพียง 100 กว่าหน้า สิ่งที่คอป.พยายามนำเสนอ เป็นเรื่องของชายชุดดำที่มีความสำคัญกับกลุ่มนปช. โดยเน้นว่าปรากฏตัวอยู่แทบทุกจุดทุกสถานที่ที่มีความรุนแรงตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.-19 พ.ค. 53
การพูดแบบนี้แล้วพยายามโยงให้เห็นความ สัมพันธ์กับนปช. เป็นนัยยะที่กำลังจะบอกว่าการชุมนุมของ นปช. นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม ไม่เป็นสันติวิธี รัฐจึงมีสิทธิอันชอบธรรมใช้กำลังสลายการชุมนุมได้ นอกจาก นี้ยังพยายามอธิบายการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อตอบโต้ชายชุดดำ ด้วย แต่ตลอดรายงานไม่มีการกล่าวชัดเจนเลยว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังเกินกว่าเหตุในกรณีไหนบ้าง ไม่มี การวิจารณ์ว่าการพยายามควบคุมฝูงชนด้วยการขนอาวุธหนัก ใช้กระสุน 1-2 แสนนัด ใช้กำลังทหารมากมายเป็นสิ่งที่เหมาะสมถูกต้องหรือไม่
ไม่มีการวิจารณ์ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพียงเพื่อขอคืนพื้นที่ หรือเพื่อต้องการสลายกระบวนการของคนเสื้อแดงกันแน่
ขณะเดียวกัน คอป. มีรูปแบบวิธีการเขียนที่ชัดเจนคือ เริ่มด้วยการอธิบายความรุนแรงในทุกจุด โดยมักเริ่มจากการย้ำก่อนว่า ศอฉ.ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามขั้นตอนการสลายการชุมนุมอย่างเคร่ง ครัด การใช้กระสุนจริงกระทำได้ใน 3 กรณีเท่านั้นคือ ยิงขึ้นฟ้า ยิงเพื่อขู่ และยิงเพื่อป้องกันตัวเองในกรณีที่พบว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธร้ายแรง ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ จากนั้นจะตามด้วยว่า ก่อนเกิดเหตุความรุนแรง มีผู้เห็นชายชุดดำอยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมอาวุธสงครามในทุกสถานที่ ไม่ว่าสี่แยกคอกวัว วัดปทุมวนาราม สวนลุมฯ และบ่อนไก่ ฯลฯ การ อธิบายลักษณะนี้ คอป. พยายามช่วยสร้างเกราะกำบังให้ผู้นำรัฐบาลและผู้นำ ศอฉ. ขณะนั้นว่า ได้กำชับแล้วว่าให้ใช้อาวุธอย่างถูกต้องตามขั้นตอน แต่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการไม่ได้ทำตามคำสั่ง อย่างไรก็ ตาม คอป. ไม่สามารถทำให้เห็นได้ว่า ทำไมเจ้าหน้าที่จึงไม่จับกุมหรือว่ายิงชายชุดดำ แต่ใช้วิธีการยิงใส่ผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธ หรือมีอาวุธแต่เป็นประเภทไม่ร้ายแรงพอที่จะทำร้าย เจ้าหน้าที่ในระยะใกล้ได้คำถามคือทำไมจึงยิงใส่คนเหล่านี้ ทำไมจึงยิงใส่ น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่วัดปทุมฯ มีอะไรที่บอกว่า น.ส.กมนเกด เกี่ยวข้องกับชายชุดดำ ซึ่ง คอป. ก็ไม่ได้อธิบาย ส่วนจุดแข็งของ คอป. อยู่ที่การใช้ข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญวิถีกระสุน การ ตายทุกจุดของผู้ชุมนุมเท่าที่อ่านเจอพบว่า แนวกระสุนมาจากด้านที่มีแนวทหารตั้งอยู่ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ ศปช. ไม่มี เพราะไม่มีเงินจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาดูวิถีกระสุนได้
จึงอยากเรียกร้องให้ คอป. เน้นย้ำประเด็นนี้ รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้มาทำให้ชัดเจนว่า แม้มีชายชุดดำปรากฏขึ้นจริง แต่การตายที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุม วิถีกระสุน มาจากจุดที่มีกองกำลังของทหารตั้งอยู่

รายงานของ คอป. สมบูรณ์รอบด้านหรือไม่

ผลสรุปที่ คอป. หยิบยกมาเผยแพร่เป็นการให้ความสำคัญกับชายชุดดำอย่างมาก พยายามโยงการตายเมื่อ 10 เม.ย. 53 ที่สี่แยกคอกวัวทั้งหมดว่าเป็นฝีมือของชายชุดดำ แม้จะพบว่าวิถีกระสุนที่ประชาชนถูกยิงมาจากทหารก็ตาม
คอป. ควรไปดูรายละเอียดว่า ที่สี่แยกคอกวัวและหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ประชาชนถูกยิงเสียชีวิตก่อนที่ชายชุดดำจะปรากฏตัวขึ้น ซึ่ง คอป. ไม่ได้พูดประเด็นนี้ให้ชัดเจนเลย แต่กลับพูดในลักษณะเห็นอกเห็นใจทหารในขณะนั้น เช่น ที่บอกว่าเมื่อเห็นผู้บังคับบัญชาถูกยิง ทำให้ทหารระดับล่างระส่ำระสายไร้การควบคุม ยิงอย่างสับสนเข้าใส่ผู้ชุมนุมทำให้ผู้ชุมนุมเสียชีวิตจำนวนมาก คอป. ต้องไปดูว่าผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตจำนวนมาก เสียชีวิตก่อนที่ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม จะเสียชีวิต และวิถีกระสุนมาจากฝั่งทหาร ไม่ควรโยนความผิดทั้งหมดให้ชายชุดดำ เราไม่ได้ปฏิเสธว่า ไม่มีชายชุดดำ โดยเฉพาะคืนวันที่ 10 เม.ย. 53 แต่ต้องแยกแยะว่าความตายอันไหนเกิดขึ้นจากฝีมือชายชุดดำ และความตายอันไหนเกิดขึ้นจากฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ และ คอป. ก็ไม่มีการวิจารณ์ว่า ปฏิบัติการกระชับพื้นที่และขอคืนพื้นที่ถูกต้องหรือผิดพลาด เป็นการใช้กำลังเกินกว่าเหตุละเมิดสิทธิของพลเรือน คอป. มี ข้อมูลความรุนแรงที่เกิดจากการดำเนินการของฝ่ายรัฐอยู่มาก แต่กลับไม่พยายามเน้นย้ำอย่างเพียงพอ จุดนี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ชุมนุมที่ได้รับผลกระทบ พวกเขาเป็นเหยื่อจากการใช้ความรุนแรงอย่างชัดเจน น่าเสียดายที่ข้อมูลดังกล่าวจะช่วยสร้างภาพความสมดุลกัน แต่กลับไปเน้นเรื่องชายชุดดำโดยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าภาพชายชุดดำที่ปรากฏ ในทุกพื้นที่นั้น เป็นผู้สร้างความรุนแรง
คำให้การส่วนใหญ่ เรื่องชายชุดดำมาจากเจ้าหน้าที่ทหาร โดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรมากกว่านั้น ที่น่าแปลกใจมากคือคำสัมภาษณ์ที่ส่วนใหญ่ไม่มีการสัมภาษณ์ผู้ชุมนุมเลย รวมถึงครอบครัวของคนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เป็นไปได้หรือไม่ว่า มีกรอบอยู่แล้วว่าจะเขียนอย่างไรแล้วนำข้อมูลไปใส่ทีหลัง

บทสรุปของ คอป. ไม่เน้นข้อมูลคนเจ็บ-คนตาย

กรณีผู้เสียชีวิต ดิฉันอยากเห็นข้อมูลของ คอป. มาก เพราะของ ศปช. วิเคราะห์ไว้ชัดเจนว่าลักษณะการตายเป็นอย่างไรส่อเจตนาของผู้ยิงว่าต้องการ ป้องกันตัวหรือต้องการเอาชีวิต คอป. มีข้อมูลของวิถีกระสุน ลักษณะการตายเกือบทั้งหมด และผลการชันสูตรพลิกศพ ข้อมูลเหล่านี้กลับไม่ปรากฏในรายงาน จึงอยากเรียกร้องให้สื่อมวลชนและญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขอให้ คอป. เปิดเผยข้อมูลนี้ออกมา

ทำไม คอป. จึงไม่เปิดเผย

เพราะข้อมูลดังกล่าวจะไปบดบังข้อมูลเรื่องชายชุดดำที่คอป.ให้ความสำคัญ การที่ คอป. เน้นที่จะหยิบยกเรื่องชายชุดดำมาพูด มองง่ายๆ เลยคือต้องการทำลายความชอบธรรมการชุมนุมของคน เสื้อแดง
มีการระบุชัดว่าชายชุดดำเชื่อมโยงกับ เสธ.แดง
เมื่อดูรายงาน คอป. ที่พยายามโยงความเกี่ยวข้องระหว่างชายชุดดำกับ พล.ต.ขัตติยะ คิดว่ายังค่อนข้างหลวมมาก ยกตัวอย่างที่มีคนพบ พล.ต.ขัตติยะ บริเวณถนนราชดำเนิน เวลาประมาณ 5 โมงเย็น และโยงว่ามีชายชุดดำบางคนมีความสนิทกับ พล.ต.ขัตติยะ ต้องบอกให้ได้ว่าคนนั้นคือใคร ต้องเอาตัวมาแสดง

เหตุการณ์สำคัญที่ขาดหายไป

ประชาชนที่ถูกจับกุมหลังเหตุการณ์ พ.ค. 53 ซึ่งไม่เห็นข้อมูลนี้แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นเนื่องจากผู้ชุมนุมจำนวนมากทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด ถูกจับกุมหลายพันคน มีการดำเนินคดีขึ้นศาลหลายร้อยราย ซึ่ง การจับกุมเหล่านี้ ด้านหนึ่งชี้ว่ากระบวนการยุติธรรมกับผู้ชุมนุมได้เดินไปแล้ว หลายคนถูกตัดสินจำคุก หลายคนถูกขังฟรี แต่ในฝ่ายของผู้ที่ใช้กำลังปราบปรามประชาชนยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีเลย
และหลังการคุมขังประชาชนยังเป็นสาเหตุของความโกรธแค้นที่ผู้ชุมนุมถูกกระทำด้วยการสลายการชุมนุม ผลสรุปที่ออกมารู้สึกอย่างไร
ไม่ได้คาดหวังกับ คอป. มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะออกมาลักษณะนี้ ดิฉันรู้จักนายสมชาย หอมลออ กรรมการ คอป. มานาน ยังคิดว่าหลักการสิทธิมนุษยชนน่าจะเป็นส่วนที่ค้ำ คอป. อยู่บ้าง โดยเฉพาะสิทธิในชีวิตของประชาชน
แต่ผลสรุปที่ออกมาเรียกได้ว่าล้มเหลว เห็นได้ชัดจากปฏิกิริยาของคนที่ไม่ยอมรับข้อสรุปของ คอป. อยู่มาก