'มีชายชุดดำ' คอป. ฟันธง

คมชัดลึก 14 กันยายน 2555 >>>




เปิดรายงานฉบับสมบูรณ์ของ "คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ" (คอป.) กรกฎาคม 2553-กรกฎาคม 2555 ชุดที่มี "คณิต ณ นคร" เป็นประธาน ก็ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมเสนอต่อรัฐบาล ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคการเมือง ผู้ที่เกี่ยวข้อง และเผยแพร่ต่อสาธารณะผ่านสื่อมวลชนในวันที่ 17 กันยายนนี้
โดยรายงานดังกล่าวมีทั้งสิ้น 516 หน้า แบ่งเป็น 5 ส่วน ส่วนสำคัญอยู่ที่ส่วนที่ 2 เป็นการสรุปเหตุการณ์ความรุนแรงและการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้น โดยในส่วนที่ 2นี้ ได้แยกออกมาเป็นหัวข้อ ซึ่งหัวข้อที่ 3 เป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของ "ชายชุดดำ" ที่ใช้ความรุนแรงและอาวุธสงคราม ได้ปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ชุมนุม ทั้งเหตุการณ์ความรุนแรงในวันที่ 10 เมษายน 2553 บริเวณสี่แยกคอกวัวและถนนดินสอ, เหตุการณ์ความรุนแรงช่วงวันที่ 14-18 พฤษภาคม 2553 บริเวณถนนพระรามที่ 4-สวนลุมพินี-บ่อนไก่ และวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 บริเวณวัดปทุมวนาราม ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 6 ศพ ซึ่งสวนทางกับการสอบสวนของ "ดีเอสไอ" ที่ออกมาในแนวทางที่ว่าไม่มีชายชุดดำในเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ในส่วนที่ 2 ยังมีการระบุถึงการเสียชีวิตของ "พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล" หรือ เสธ.แดง ว่า น่าจะมาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการปิดล้อม และกระชับพื้นที่ชุมนุม และอีกส่วนที่มีความสำคัญ คือส่วนที่ 5 ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะของ คอป. ต่อรัฐบาลในเรื่องของการปรองดองและออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ในรายงานชิ้นนี้ได้ระบุถึงพฤติกรรมของ "ชายชุดดำ" ไว้ในหลายเหตุการณ์ เช่นวันที่ 10 เมษายน 2553 ความรุนแรงในเหตุการณ์แยกคอกวัว หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งในรายงานมีภาพคนชุดดำถืออาวุธที่มีรูปร่างคล้ายเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79, ภาพคนชุดดำถือปืนเอเค 47 บริเวณถนนตะนาว, ภาพคนชุดดำบริเวณหน้าร้าน Burger King กำลังยิงปืนเล็กยาวไปในทิศทางถนนตะนาว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติการอยู่
รายงานชิ้นนี้ยังระบุถึงเหตุการณ์เผาอาคารสถานที่ต่างๆ ไว้ด้วยว่า "ทั้งช่วงก่อนและระหว่างการชุมนุมมีการปราศรัยจากแกนนำ นปช. บางคนปลุกเร้าให้ผู้ชุมนุมทำการเผาอาคารสถานที่ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด หลายครั้ง" และมีการตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ทหารเผาหรือไม่ว่า "ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้กระทำหรือเกี่ยวข้องโดยพบว่า ไฟเริ่มไหม้เซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงเวลาหลัง 14.00 น. วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ไม่นานหลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุม ซึ่งยังมีผู้ชุมนุมอยู่ในบริเวณแยกราชประสงค์ในช่วงเวลาดังกล่าวก่อนที่ทหาร จะสามารถเคลื่อนจากแยกเพลินจิตเข้าไปถึงแยกราชประสงค์ได้ในเวลา 15.00 น. แต่ได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังกลับทันที เนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณดังกล่าวได้ในเวลาหลัง 21.00 น."
ต่อข้อสังเกตที่ว่า การเผาสถานที่ต่างๆ เกิดจากภาวะจลาจลอันเป็นผลจากการปลุกเร้าในการปราศรัยระหว่างการชุมนุมอัน ยาวนานและความไม่พึงพอใจที่แกนนำยุติการชุมนุมหรือไม่นั้นพบว่า "สภาพดังกล่าวเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนพร้อมที่จะก่อความรุนแรง ด้วยการเข้าไปร่วมเผาอาคารสถานที่ต่างๆ ดังนั้นเมื่อผู้ชุมนุมบางคนวางเพลิงจะโดยเตรียมการมาหรือไม่ก็ตาม จึงมีผู้ร่วมชุมนุมคนอื่นเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย เชื่อว่าสภาพดังกล่าวเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้สถานการณ์ลุกลามและรุนแรง ยิ่งขึ้น"
สำหรับพฤติกรรมของคนชุดดำที่ใช้ความรุนแรงและอาวุธสงคราม รายงานชิ้นนี้ระบุว่า ปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ชุมนุมในเหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณถนนพระรามที่ 4-บ่อนไก่ โดยระหว่างที่ทหารเข้าควบคุมพื้นที่สวนลุมพินีในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 มีการปะทะกับคนชุดดำในสวนลุมพินีเป็นเวลานาน 30 นาที
ในรายงานชิ้นนี้ได้ระบุว่า เจ้าหน้าที่มีการใช้ "กระสุนจริงในการปฏิบัติการ" ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลในสมัยนั้นรวมทั้งกองทัพ พยายามบอกว่า ไม่มีการใช้กระสุนจริง เช่น เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 จากข้อเท็จจริงพบว่า เหตุการณ์บนถนนดินสอ เจ้าหน้าที่ทหารนำอาวุธปืนสงครามและกระสุนจริงไปปฏิบัติหน้าที่ด้วย และหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธดังกล่าวยิงมาในทิศทางที่มีผู้ชุมนุมอยู่ สอดคล้องกับร่องรอยกระสุนปืนจำนวนมากที่ยิงมาจากทิศทางที่เจ้าหน้าที่ทหาร ปฏิบัติการอยู่ รวมทั้งการใช้กระสุนจริงยิงเข้าไปในสวนลุมพินีเช่นเดียวกับบนถนนพระรามที่ 4-บ่อนไก่ ในระหว่างการเข้าควบคุมและปิดล้อมพื้นที่
สำหรับเหตุการณ์บริเวณวัดปทุมวนาราม วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ รายงานระบุว่า เวลา 18.00 น. มีเจ้าหน้าที่ทหาร 7 นาย วางกำลังอยู่บนรางรถไฟฟ้าชั้น 1 ด้านหน้าวัดปทุมวนาราม และบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม 5 นาย ทุกนายถืออาวุธปืนเอ็ม 16 กระสุนจริง พบว่าเจ้าหน้าที่ทหารเล็งและยิงลงไปในทิศทางวัดปทุมวนาราม ยิงมาจากบริเวณสะพานลอยแยกเฉลิมเผ่า ซึ่งเป็นบริเวณที่มีทหารปฏิบัติการอยู่ โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บบริเวณ วัดปทุมวนาราม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารให้ข้อเท็จจริงว่ามีการยิงตอบโต้กับชายชุดดำ และผู้พบเห็นว่ามีคนชุดดำยิงตอบโต้กับเจ้าหน้าที่
ส่วนที่ 5 ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคการเมืองนั้น คอป. ได้เรียกร้องต่อรัฐบาล ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคการเมือง ให้แสวงหาแนวทางร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงอย่างจริงจัง รวมทั้งข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมที่ คอป. เห็นว่า การออก พ.ร.บ.ปรองดองยังต้องอาศัยเวลาที่เหมาะสมและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย, การเสนอแนะเกี่ยวกับการเยียวยา และการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก