ทนายของกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยคนเสื้อแดงแห่งประเทศไทยประณามข้อสรุปของรายงานล่าสุดเรื่องการสังหารผู้ชุมนุมในปี 2553 โดยระบุว่าเป็นรายงานที่ไม่สร้างสรรค์และยั่วยุเพราะเหยื่อจะไม่ยอมรับอะไรที่น้อยกว่าการนำเอาตัวคนผิดมาลงโทษ
“พวกเราทุกคนอยู่ที่นั้นและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รายงานชิ้นนี้เกือบทั้งหมดช่วยล้างผิดทำให้กับตัวการสำคัญหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ สร้างมลทินให้กับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ” นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือเสื้อแดงกล่าว “เหยื่อจะไม่ยอมรับผิดพลาดเรื่องความเเท่าเทียมระหว่างการที่กองทัพยิงประชนมือเปล่าและสิทธิพลเรือนในการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยต่อต้านรัฐบาลที่แต่งตั้งโดยการทำรัฐประหาร”
ในวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555 คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เผยแพร่รายงานสุดท้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม ปี 2553 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 90 รายถูกสังหารในการปฏิบัติการปราบปรามผู้ชุมนุมเสื้อแดงของกองทัพ
ตามที่นายอัมเตอร์ดัมระบุ เมื่อรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีมาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะตั้ง คอป. ขึ้น มีเหตุผลที่ต้องตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นอิสระ อำนาจ และสมาชิกภาพของคณะกรรมมาการ สามปีก่อนหน้านี้ ประธาน คอป. นายคณิต ณ นครได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลทหารที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งให้สอบสวนกรณี “ฆ่าตัดตอน” และได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาไม่สนใจเรื่องการนำใครมาลงโทษและให้ความสนใจไปที่การให้อภัยมากกว่า
ตามที่นายอัมเตอร์ดัมระบุ เราจึงไม่สามารถเชื่อถือรายงานของ คอป. ได้อย่างจริงจังเมื่อพิจารณาว่ารายงานล้มเหลวที่จะกล่าวถึงลักษณะอันมิชอบด้วยกฎหมายของรัฐประหารกองทัพที่ถอดถอนรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร รัฐที่มาจากการเลือกตั้งตามแนวทางประชาธิปไตยในปี 2549 อันเป็นความขับข้องใจหลักของการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทย นายอัมเตอร์ดัมกล่าวว่า คอป. กลับโทษทักษิณว่าทำให้เกิดรัฐประหาร เหมือนที่รองนายรัฐมนตรีสุเทพ เทือกสุบรรณโทษผู้ชุมนุมว่า “วิ่งเข้าหากระสุน” เอง
“การนำเสนอข้อมูลในรายงาน คอป. เรื่องการสังหารผู้ชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 ล้มเหลวที่จะประณามการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากลอย่างชัดเจนในเรื่องการตั้งเขตใช้กระสุนจริงในบางพื้นที่ของกรุงเทพฯ” นายอัมเตอร์ดัมกล่าว “คนเสื้อแดงไม่ยอมรับบทสรุปของรายงานที่ลำเอียงชิ้นนี้เนื่องจากเป็นความพยายามที่จะล้างความผิดอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่ก่อโดยคนกลุ่มเล็กในประเทศไทยอย่างกลุ่มอำมาตย์ เราจะสู้ต่อไปเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษ เพื่อที่ประชาชนไทยจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงของทหารครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีใครต้องรับผิด”
วงจรของความรุนแรงที่ทหารสังหารพลเรือนเกิดขึ้นเป็นประจำในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2516, 2519, 2535, 2552 และ 2553 ตามที่นายอัมเตอร์ดัมระบุ บทสรุปของรายงานฉบับนี้เป็นสิ่งรับประกันว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอีกแน่นอน
ในปลายเดือนมิถุนายน นักประวัติศาสตร์ไทย ดร.ธงชัย วินิจกุล ได้นำนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมและคณะผู้แทนเหยื่อ พยานและสมาชิกรัฐบาลเข้าพบศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ที่กรุงเฮกเพื่อสนทนากับกับเรื่องคำร้องขอให้ไอซีซีทำการสอบสวนสถานการณ์ประเทศไทย
“ขณะที่บางส่วนของรายงานมีคำแนะนำที่ควรยกย่อง แต่ส่วนที่กล่าวถึงความรุนแรงในเดือนเมษายนและพฤษภาคมปี 2553 กลับล้มเหลวอย่างน่าสังเวช” ดร.ธงชัย จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิลกล่าว
“คณะกรรมมาการถูกชี้นำด้วยอคติและแนวความคิดของพวกเขาเองเพราะมีคณะกรรมการของ คอป. หลายรายที่สนับสนุนการทำรัฐประหารในปี 2549 องค์กรสิทธิมนุษยชนที่จริงจังควรใช้ความระวังก่อนที่จะรับรองรายงานฉบับนี้”
