มติชน 21 กันยายน 2555 >>>
จากกรณีที่ศาลอาญาวินิจฉัยคดีนายพัน คำกอง ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนพฤษภาคม 2553 บริเวณใกล้กับสำนักงานขายคอนโดมิเนียมไอดีโอ ถนนราชปรารภ ในวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา โดยชี้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงครามในขณะเจ้า พนักงานทหารกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบปิดล้อมพื้นที่ควบคุมตามคำสั่ง ของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นั้น
นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของนายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือ "น้องเฌอ" เด็กหนุ่มวัย 17 ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณซอยรางน้ำ ในเหตุการณ์เดียวกัน เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 กล่าวว่า กระบวนการไต่สวนการตายที่เกิดขึ้นออกมาถูกต้องดีแล้ว ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะศาลแสดงให้เห็นว่าได้พิจารณาตามพยานและหลักฐานที่ปรากฏ
"คำสั่งของศาลในคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้กับคดีอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ใครที่ถูกยิงเสียชีวิตในแนวระนาบ เช่น น้องอีซา ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ ที่ถูกยิงเสียชีวิตแถวราชปรารภ ศาลก็น่าจะมีคำสั่งไปในแนวทางนี้ แต่กังวลว่าในกระบวนการต่อสู้ขั้นต่อไป คนที่ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะคนที่ออกคำสั่งสลายการชุมนุมจะแก้ตัวว่าคำสั่งที่ออกไป เป็นคำสั่งกลางๆ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นขั้นตอนของเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติ อาจจะด้วยความประมาท หรือเพราะอารมณ์โกรธแค้นเกลียดชัง" นายพันธ์ศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า คดีของนายสมาพันธ์ ศรีเทพ มีความคืบหน้าอย่างไร นายพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า เรื่องยังเงียบอยู่ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้ โทร. หาเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่รับผิดชอบคดีนี้ แต่ก็ยังติดต่อไม่ได้
"ถ้าคดียังไม่มีความคืบหน้า ผมคิดว่าจะฟ้องเจ้าหน้าที่ดีเอสไอฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ฟ้องก่อนแล้วค่อยมาแก้ข้อกล่าวหากัน จะลองสู้ตามกระบวนการยุติธรรมปกติ เพราะอายุความคดีน้องเฌอมี 20 ปี ไม่เป็นไร ผมรอได้ ถ้ายังไม่ตายเสียก่อน ที่คดีน้องเฌอหรือคดีน้องเกด ยังไม่มีความคืบหน้า ผมคิดว่าคงเป็นเพราะคดีพวกนี้มีความอ่อนไหวมาก คนที่เสียชีวิตทั้งน้องเฌอและน้องเกดเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย มีหลักฐานชัดเจน ถ้าเกิดเร่งคดีพวกนี้ออกมาคงยุ่ง หลายฝ่ายคงกลัวว่าจะเสียการเมือง" นายพันธ์ศักดิ์ กล่าว