ปฎิรูประบบราชการทหาร และองค์กรอิสระเพื่อกระจายอำนาจ

ไทยอีนิวส์ 10 กันยายน 2555 >>>




เหตุการณ์ในอดีตเป็นความสำคัญ ในการย้อนรำลึก และทบทวนอดีตเพื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ เป็นบทเรียนจากการย้อนรำลึก 7 กันยายน ตามที่วิกิพีเดีย ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009)-คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว จากกรณีสลายการชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ที่มาข้อมูลจากวิกิพีเดีย
หากเราจำกันได้ว่าการตัดสินความผิดของสมชาย ในข่าวก็มีผลจาก ปปช. แต่ การเมืองสองมาตรฐาน ทั้งเรื่องยุบพรรค และศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรอิสระ ที่ต้องแก้ไข ถึงขั้นให้ยกเลิกไป ทีนี้ประเด็นบทความเน้นที่สองมาตรฐาน กรณีอภิสิทธิ์ รอดจาก ปปช. เรื่องแทรกแซงข้าราชการฯ แต่สุเทพ อาจจะโดนฟันสามารถตามดูรายละเอียดว่าต่างกับทักษิณ-สมชาย ที่นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ลองย้อนข้อมูลตาม Google ได้
ปัญหาสำคัญของในแง่การประเมิน ปปช. เคยเป็น ปปป. มาก่อนแล้วปรับปรุงเป็น ปปช. กรณีสนั่น ขจรประศาสน์ และวีระ สมความคิด ในแง่เครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นฯ ไปยื่นหนังสือถึง ปปช. เป็นต้น  ถ้าจำกันได้ส่วนหนึ่งการเมืองเสื้อเหลืองเกิดขึ้นจากเรื่องปัญหาเรื่องคอรัปชั่น เป็นกระแสขึ้นมา พร้อมข้ออ้างองค์กรอิสระทำอะไรทักษิณไม่ได้ต่างๆนานา แล้วในปัจจุบันกรณีเรื่องเกี่ยวกับคอรัปชั่น และการเสนอให้ปรับปรุงกฎหมายของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.). ให้กระบวนการความยุติธรรม เป็นธรรมาภิบาลมากขึ้น
กรณี ปปช.-กสม. หรือพวกกรรมการสิทธิมนุษยชน จึงนิ่งเฉยกับเรื่องคนตายเสื้อแดง จากการสลายการชุมนุม นี่เป็นคำถามสองมาตรฐาน ที่พวกนักกฎหมายน่าจะตอบเฉไฉได้ แต่ประเด็นเรื่อง กกต. มาคิดเรื่ององค์กรอิสระ เป็นการทำงานกึ่งราชการ มีบทบาทต่อการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น ต้องกำจัดจุดอ่อนข้อจำกัดของการไม่กระจายอำนาจด้วย
แน่นอนการวิจารณ์นักการเมืองมากเกินไปไม่ใช่ทางที่ถูกต้องสักทีเดียว แต่พุ่งเป้าไปที่องค์กรอิสระอย่างน่าสังเกตเป็นต้นมาเรื่ององค์กรอิสระไม่เป็นกลางทางการเมืองหลายเรื่องราว และการสร้างองค์กรเครือข่ายเสื้อเหลือง และเชียงใหม่จัดการตนเอง เป็นการสร้างแนวร่วมกับทหารไปในตัวเอง เพราะเครือข่ายเชียงใหม่จัดการตนเองอย่างกระบวนการร่างพรบ.เชียงใหม่จัดการตนเอง ที่มีคนวิจารณ์ต่างๆ นานา และ สื่อถึงด้านการสร้างสภาวะยกเว้นเรื่องทหาร ไม่ถูกตรวจสอบโดยองค์กรอิสระ กลับตาลปัตรกับการกระจายอำนาจตัวอย่างของญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
จากการกระจายอำนาจและการปฏิรูปการเมืองในเกาหลีใต้เปรียบเทียบกับไทย คือ การเมืองในเรื่องประชาธิปไตยของการเลือกตั้ง โดยคนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมือง เช่น อานันท์ ปันยารชุน ดูเป็นคนใสสะอาด และคนยอมรับเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่ไม่ได้มาจากเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นตามหลักการเลือกตั้งของประชาธิปไตย และกรณีเคยมีการวิจารณ์หมอประเวศ ที่มีการปฏิรูปการเมือง ที่มีแนวการกระจายอำนาจ ไม่มีปฏิรูปด้านการจัดการควบคุมกองทัพ เหมือนเกาหลีใต้ ในบริบทของไทย จากปี 2535-2538 แล้วเกิดการร่างรัฐธรรมนูญ 2540-49 ก็รัฐประหารอีกครั้ง เป็นบทเรียนซ้ำรอยเดิมจากผลพวงของการปฏิรูปที่เชื่อในเครือข่ายของอานันท์ ปันยารชุน-ประเวศ วะสี นำมาสู่เครือข่ายปัจจุบัน ยังไม่พ้นเป็นเครื่องมือทางการเมืองเดิม
เมื่อย้อนกลับไปกรณีเรื่องวันที่ 7 กันยา ในอดีตจะมีข่าวให้ค้นหา คือ ปปช. ชี้มูลความผิดคดี 7ตุลาฯ โดยกรรมการ ป.ป.ช. เผยลงมติชี้มูลความผิดคดีการสลายม็อบกลุ่มพันธมิตรวันที่ 7ตุลาฯ ชี้ไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองเล่น พัชรวาท ลั่นสอบมานาน ส่วนข่าวว่าทนาย พัชรวาท วิ่งโร่ฟ้องศาลปค. ร้องขอยกเลิกมติ ปปช. คดีสลายม็อบ พธม. และเรียกค่าเสียหายถึง 50 ล้านบาท โดยการเล่าย้อนเปรียบเทียบความเหมือนและต่าง คือ ทำไม ปปช. ไม่มีสอบทหารสลายการชุมนุมเมษา-พฤษภา 53
การเรียงลำดับเหตุการณ์ล่าสุด กรณี พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ใช้เครื่องมือโดยฟ้องศาลปกครอง (ปค. เป็นส่วนหนึ่งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เหมือนศาลรัฐธรรมนูญ) จากการถูกโยกย้าย โดย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงสาเหตุการปรับย้าย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ไปช่วยราชการสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า การย้ายไปช่วยราชการเป็นสิทธิและอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีกฎหมายรองรับชัดเจน และตนทำไปด้วยความจำเป็นต้องทำ เพื่อให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพราะการทำงานเริ่มมีอุปสรรคบ้าง เหมือนเป็นทีมฟุตบอล ตนเป็นผู้จัดการทีม ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นโค้ช และมีผู้เล่น เมื่อผู้เล่น เล่นไม่ดีก็เปลี่ยนตัวไปพักก่อน เมื่อโค้ชไม่ดี แพ้บ่อยก็ต้องปรับตัวออกไปพักก่อน เป็นเรื่องธรรมดาของการบริหารงาน ตนทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้ประสิทธิภาพดีขึ้น
โดยสรุปแล้ว การปฏิรูประบบราชการทหารเป็นเรื่องสำคัญ และองค์กรอิสระต้องถูกปฏิรูปให้มาตรฐานเดียวกัน ในการตรวจสอบทหารเท่ากับนักการเมือง ให้สร้างหลักการประชาธิปไตยขึ้นมาได้ ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มทหาร ศาล องค์กรอิสระ ที่ไม่ได้กระจายอำนาจให้ประชาชน