"มาร์ค" จี้ "ทักษิณ" หยุดเล่นการเมืองเร่งเดินหน้าสู่ความปรองดอง

สยามรัฐ 23 กันยายน 2555 >>>




“มาร์ค” ชี้ พท. ตั้งกรรมการสอบเพิ่ม ไม่ได้นำไปสู่ความปรองดอง ยังย่ำอยู่ที่เดิม ติง "ธาริต" อย่าพูดอะไรเกินคำวินิจฉัยศาล เตือนคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมควรทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา จี้ "ทักษิณ" หยุดเล่นการเมืองเร่งเดินหน้าสู่ความปรองดอง

วันที่ 22 ก.ย. 55 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งข้อกล่าวหากับผู้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังในสลายการชุมนุมจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เดือนเมษายน 2553 ว่า ตอนนี้ทางฝ่ายกฎหมายกำลังรวบรวมสิ่งที่ทางผู้เกี่ยวข้องให้สัมภาษณ์เอาไว้ ถ้าเห็นว่าเข้าข่ายที่ ทำให้เราสามารถใช้สิทธิทางกฏหมายได้ก็จะได้ดำเนินการ เพราะในชั้นนี้สิ่งที่เราทราบคือ คำสั่งของศาล กรณีการไต่สวน และหลายท่านเองก็คงจะได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของอธิบดีศาลอาญา คือขั้นตอนตามกฎหมายเป็นแบบนั้น ไม่ใช่ลักษณะของการพบยามตั้งธง หรือตั้งอะไรล่วงหน้า ที่เกินเลยความเป็นจริง เราดูในข้อกฎหมายและรวบรวมข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า ใน พ.ร.ก.แก้ไขเหตุการณ์ฉุกเฉิน ปี 2548 ที่ระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตามคำสั่งที่มีกฎหมายรองรับไม่จำเป็นต้องโทษนั่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเวลานี้ไม่ต้องไปถึงขั้นนั้น เอาง่ายๆว่า คำสั่งของศาลในคดีที่ไต่สวนนั้น ได้สรุปเหตุการณ์ชัดเจน ยังไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่ามีการเจตนาฆ่า แต่ทำไมผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามที่จะไปตั้งข้อหาในลักษณะนั้น ตรงนี้ก็ต้องไปเริ่มต้นกันตรงนั้นมาก่อน ส่วนการที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ออกมากล่าวตรงกับกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์  อธิบดีดีเอสไอ นั้น คงไม่ใช่ เพราะตนดูคำสัมภาษณ์อยู่ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้พูดตรงกันทุกครั้ง
   “ใครจะพูดอะไรอย่าไปสนใจเลย ให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไป แล้วผมกับคุณสุเทพ เรายอมรับกระบวนการยุติธรรม เราเรียกร้องทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมได้ ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และคิดว่าการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรองดองที่แท้จริง ซึ่งคอป.ในข้อเสนอแนะก็เขียนอย่างนี้ ผมอยากจะเรียกร้องว่ารัฐบาลก็ดี ที่ยืนยันว่าการปรองดองเป็นเรื่องสำคัญ ก็ต้องยอมรับจุดเริ่มต้นตรงนี้ของข้อเท็จจริง และกระบวรการยุติธรรมที่จะเดินไปสู่ความปรองดอง และวันนี้มีข้อเสนอจาก คอป. แล้ว แต่รัฐบาลมีผู้สนับสนุนที่พยายามมาดิสเครดิต ไม่ยอมรับให้กระบวนการนี้ให้เดินต่อ ผมถือว่าขัดต่อนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อสภาฯ รัฐบาลต้องตั้งหลักตรงนี้ให้ดี”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาให้ความเห็นก็เช่นเดียวกัน มายอมรับกระบวนการยุติธรรมดีกว่า คดีก่อการร้ายที่ค้างอยู่ อย่าบิดเบือน เพราะสำหรับผู้ที่เสียชีวิตไปนั้นมีทั้งเจ้าหน้าที่ มีทั้งทหารตำรวจและประชาชน สิ่งที่กำลังพูดถึงชายชุดดำคือข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้น มีพยาน มีหลักฐาน มีการดำเนินคดีไปแล้ว เพราะฉะนั้นหยุดเล่นการเมือง ให้เป็นเรื่องของการทะเลาะกันเชิงวาทะกรรม เอาข้อเท็จจริงกับกระบวนการยุติธรรมเป็นคำตอบไปสู่การปรองดองจะดีที่สุด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเตรียมตั้งคณะกรรมการค้าหาความจริงขึ้นมาสอบเพื่อพิจารณาหักล้างในประเด็นของคอป.นั้น สรุปง่ายๆแนวทางของพรรคเพื่อไทยคือใครที่พูดอะไรตรงกับตัวเองก็บอกว่าเป็นความจริง ใครที่พูดอะไรแล้วไม่ตรงกับตัวเองก็ไม่เอา อย่างนี้จะนำไปสู่ความปรองดองได้อย่างไร ถ้าทุกฝ่ายทำแบบพรรคเพื่อไทยสังคมก็ย่ำอยู่ที่เดิม คอป.เสนอความจริงมาเขาก็บอกเองว่าอาจจะไม่ถูกใจทุกฝ่าย แต่เราต้องมาแสวงหาข้อเท็จจริงที่เป็นความจริงร่วม เพื่อเดินไปข้างหน้า ถ้าไม่ทำคือไม่อยากปรองดองหรือคุณพยายามที่จะยัดเยียดความคิดตัวเองไม่สนใจข้อเท็จจริง และก็เสนอไปแล้วว่าคอป.ควรที่จะมาคุยกับนายกฯ ตนทราบว่าคนที่ทำงานไปแล้ว เขาคงไม่ต้องงานให้งานที่เขาทำสูญเปล่า คิดว่าเขาอาจจะต้องเสียสละเพิ่มเติม กับตนนั้นก็พยายามที่จะสื่อสารถึงคนที่สามารถสื่อสารกับคอป.ได้ เพราะได้สะท้อนไปแล้วว่า งานที่ออกมามันควรจะถูกใช้เพื่อสร้างความปรองดอง ไม่ได้แปลว่าต้องเชื่อ คอป. ทั้งหมด แต่ต้องเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สังคมเดินหน้าไปได้ เพราะไม่เช่นนั้น ตนก็นึกไม่ออกว่า จะให้สังคมตั้งต้นเดินหน้าไปปรองดองอย่างไร
เมื่อถามว่า ในเรื่องการแปลรายงานคอป.ให้องค์กรต่างชาติทราบในรายละเอียด จะมีผลอย่างไรกับประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆมีการแปลสรุปไปแล้วและเห็นทางองค์กรระหว่างประเทศเองสนับสนุนข้อเสนอแนะของ คอป. เพราะฉะนั้นการจะไปพยายามปิดบัง ไม่ให้ชาวต่างประเทศรู้เป็นไปไม่ได้ งานของคอป.หรือกลไกของ คอป. ที่ตนได้ติดตามการทำงานทราบดีว่าองค์กรระหว่างประเทศหรือมิตรประเทศเขาให้น้ำหนักและให้ความสนใจ เพราะเขาสนับสนุนเรื่องที่ปรึกษา เรื่องผู้เชี่ยวชาญเพราะฉะนั้น ความคิดที่จะเป้นของ นพ.เหวง ที่บอกว่าจะไม่ให้โลกรับรู้คงไม่ใช่เพราะโลกรู้แล้ว อยู่ที่ว่าเขากำลังจับตาดูงานว่าชิ้นนี้ออกมาแล้วคนไทย สังคมไทย รัฐบาลไทย จะเดินหน้าอย่างไร