“มัลลิกา” ประกาศตัวเป็นผู้แจ้งเบาะแส “แม้ว” ลั่นใครไม่ทำถือละเว้นปฏิบัติหน้าที่

สยามรัฐ 23 กันยายน 2555 >>>




“มัลลิกา” ประกาศตัวเป็นผู้แจ้งเบาะแส “แม้ว” ไป “สิงคโปร์-บรูไน” ฐานเป็นนักโทษอาชญากร เผยส่งหน่วยสอดแนมไปแล้ว หากคืบหน้าจะรายงานสตช.ทันที ลั่นหากใครไปประเทศเดียวกับแม้ว-พบตัวแต่ไม่แจ้งเบาะแสถือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากพรรคประชาธิปัตย์ให้ดูแลเรื่องเครือข่ายสมาชิกนักรบไฟเบอร์ของพรรคในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งพรรคได้รับความร่วมมือ มีคนแจ้งเบาะแสค่อนข้างมาก จึงขอประกาศในวันนี้ไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ ผบ.ตร. ว่า จะเป็นผู้แจ้งเบาะแส พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะเดินทางมาประเทศสิงค์โปร์ หรือประเทศบรูไน โดยจะแจ้งพิกัด แจ้งโรงแรม สถานที่พัก และแจ้งบุคคลที่เข้าไปพบว่ามีจำนวนเท่าไหร่อย่างไร และได้ประกาศผ่านเครือข่ายให้คนที่รู้เบาะแสให้ความร่วมมือ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม มอบหมาย ผบ.ตร.ช่วยมาเอาเบาะแสที่ตน ในช่วงระยะเวลาระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาประเทศดังกล่าว เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลที่อยู่ในกองทะเบียนประวัติอาชญากรและมีประกาศจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น หากใครต้องการเดินทางไป ก็จะมอบข้อมูลประวัติอย่างละเอียดให้คนที่จะไป
น.ส.มัลลิกา กล่าวต่อว่า หากใครปรากฏภาพหรือปรากฏตัวว่าไปอยู่ในประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวและไม่นำเจ้าหน้าที่ไปควบคุมตัวมา ถือว่าคนเหล่านั้นละเว้นปฏิบัติหน้าที่และไม่พยายามให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตามระบบการแจ้งเบาะแสนั้น จะใช้ระบบปกติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านเจ้าหน้าที่จากระบบสายด่วน 4 ตัว และหมายเลข 111 ซึ่งเป็นข้อมูลที่จะเข้าถึงนายกรัฐมนตรี โดยเบื้องต้นระหว่างนี้ได้มีการเช็คพิกัดและส่งคนที่เป็นเจ้าหน้าที่และไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่สอดแนมอยู่ในประเทศดังกล่าว หากส่งเรื่องมาที่ตน ตนจะรีบประสานงานไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทันที
น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า อยากสอบถามไปที่ ร.ต.อ.เฉลิม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า สำนวนที่ดีเอสไอนำชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นศาลปี 2554 ตอนนี้ถึงไหนแล้ว เพราะมีข้อมูลข่าวที่รายงานโดยทั่วไปในช่วงปี 54 เช่น วันที่ 19 ม.ค. 54 ดีเอสไอเคยขอคำสั่งเพื่อให้ศาลยกคำร้องกรณีที่จะให้ เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช. ซึ่งในวันนั้นดีเอสไอได้ระบุว่า ไม่ให้ปล่อยตัว  เนื่องจากนายจตุพรในฐานะจำเลยร่วมกันก่อการร้าย ได้อ้างเหตุผลในการร่วมชุมนุม นปช. บริเวณราชประสงค์ ขณะเดียวกันนายจตุพรได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเอกสารเหล่านี้อยู่ในสำนวนของดีเอสไอ ดังนั้นเรื่องนี้สามารถที่จะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ หัวหน้าผู้ก่อการร้ายตัวใหญ่กลับมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามสำนวนนี้อยู่ในศาลไม่ได้หายไปไหน แม้ว่าดีเอสไอจะมาเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตาม ดังนั้นลำดับการต่างๆตั้งแต่ปี 45 -46 และเหตุการณ์ฆ่าตัดตอน ยืนยันว่าผู้ก่อการร้ายที่แท้จริงคือบุคคลคนนี้จริงๆ ดังนั้นเพื่อที่หน่วยงานราชการจะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจว่ามาสิงค์โปรแล้วจะต้องเกรงใจใคร เจ้าหน้าที่เหล่านั้น เมื่อไปจับเขาจะได้มั่นใจยิ่งขึ้นว่าข้อมูลทั้งหมดอยู่ในชั้นศาลแล้ว