นปช. ไม่เปลี่ยนจุดยืน...แค่รบยืดเยื้อ

โพสต์ทูเดย์ 12 กันยายน 2555 >>>




1 ปีของแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลังได้เป็นรัฐบาล กำลังถูกสั่นคลอนจากฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเอง หลังนักวิชาการกลุ่มแดงอิสระต่างแสดงความผิดหวังใน 1 ปีที่รัฐบาลของคนเสื้อแดงไม่ใช้โอกาสนี้ปฏิรูปโครงสร้างการเมือง ทั้งยังถอยให้กลุ่มอำนาจเก่ามากเกินไป ขณะที่ นปช.ถูกตั้งคำถามถึงจุดยืนว่ายังคงทำหน้าที่เป็นแนวร่วมป้องกันประชาธิปไตย หรือเป็นกระดองกันภัยให้รัฐบาลเพียงอย่างเดียว "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการ นปช. เปิดใจกับโพสต์ทูเดย์ โดยยืนยัน นปช. บรรลุเป้าหมายที่ประกาศไว้

นปช. ในพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำหลายเรื่อง อย่างที่ประกาศไว้จริงหรือไม่

เราเห็นความคืบหน้าอย่างชัดเจนในการดำเนินคดีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 ที่ไม่เคยปรากฏเลยตลอด 2 ปีกว่าของรัฐบาลชุดที่แล้ว รัฐบาลชุดนี้ยังเยียวยาผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตทุกสีเสื้อทุกฝักฝ่าย เป็นการแสดงความรับผิดชอบของรัฐ ขณะเดียวกันเรายังเห็นความพยายามของรัฐบาลและรัฐสภาในการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ติดอุปสรรคที่มีบางฝ่ายพยายามสกัดขัดขวาง มันทำให้เรายังเห็นข้อจำกัดและอันตรายของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของ ประชาชน ว่าไม่สามารถที่จะเดินไปโดยง่าย เพราะยังมีภัยคุกคามซุ่มอยู่ตามที่ต่างๆ ตลอดเวลา

แสดงว่าความกลัวรัฐประหารยังมีอยู่

ไม่ได้เรียกว่ากลัว แต่มันเป็นสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวัง การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะการรัฐประหาร

ช่วยอธิบายสถานภาพระหว่าง นปช.และ พรรคเพื่อไทย

ยังคงเป็นมิตรและเป็นแนวร่วมที่ดีต่อกัน ทั้งสองฝ่ายกำลังช่วยประคับประคองประเทศ เวลานี้รัฐบาลจะล้ม หรือ นปช.จะล้ม มันไม่เท่ากับประเทศไทยจะพัง ถ้ายังเป็นอยู่แบบ 6 ปีที่ผ่านมามันน่าเป็นห่วง เรากำลังเอาความโกรธแค้น ชิงชัง ความไม่ยอมรับซึ่งกันและกันมาขังประเทศไว้ในความขัดแย้ง มันไม่ควรเป็นแบบนั้น ดังนั้น มันต้องค่อยๆ เรียนรู้ที่จะอยู่ในความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยกัน และต้องมองภาพประเทศไทยในวันข้างหน้า

เหตุใด นปช. ไม่เคยสร้างอำนาจต่อรองหรือกดดันให้พรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนเป้าหมายที่เป็นประชาธิปไตย แต่กลับเลือกที่จะประคับประคองพรรค

มันอาจจะไม่ถึงเวลาที่ต้องแสดงออกขนาดนั้น เพราะรัฐบาลเองยังต้องการความแข็งแรงก่อน เราคงไม่เลือกไปสร้างความเสียดทานให้รัฐบาลที่แม้แต่ตัวรัฐบาลเองก็ยังอยู่ ในภาวการณ์ที่อันตราย แต่เมื่อไรก็ตามที่รัฐบาลมีความเข้มแข็งมากขึ้น คงจะต้องมีการพูดจาบางเรื่องกันอย่างจริงจัง แต่วันนี้ยังไม่ถึงเวลา สถานการณ์จะพัฒนาไปเอง
ผมไม่คิดว่าคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยในฝ่ายประชาธิปไตยจะเห็นว่าในปีแรก ทุกอย่างต้องสมบูรณ์ เพราะในโลกของความเป็นจริงมันเป็นไปแบบนั้นไม่ได้ แต่ตราบใดก็ตามที่พรรคเพื่อไทยยังมีความชัดเจนว่ายืนอยู่ข้างประชาชน ยังอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ก็ยังเป็นที่พึ่งที่หวังกันได้

ท่าทีเกี้ยเซี้ยของรัฐบาลกับกองทัพไป กระทบกับจุดยืนของ นปช. บ้างไหม

นปช. มีความแหลมคมพอที่จะเห็นว่าสถานการณ์ไหนควรเดินอย่างไร สถานการณ์ไหนไม่ควรเปิดแนวรบให้กว้างไกลออกไป เวลานี้ไม่มีความจำเป็นต้องไปปะทะอะไรกับกองทัพอีก ในเมื่อกระบวนการยุติธรรมกำลังดำเนินการกับกลุ่มบุคคลผู้สั่งการอยู่แล้ว ถ้าไปปะทะในเวลานี้เหตุการณ์ก็วุ่นวายไปหมด แล้วสิ่งที่ควรจะเดินมันก็เดินไม่ได้ อาจติดขัดไม่มีความคืบหน้า ผมเชื่อว่าเวลานี้คนเข้าใจว่าสถานการณ์มันคืออะไร
การที่เราต่อสู้ในสนามรบ มันไม่ได้หมายความว่าจะต้องควงดาบควงหอกอยู่ตลอดเวลา บางเรื่องมันชนะด้วยการเจรจา บางเรื่องมันชนะด้วยยุทธศาสตร์ยื้อ ใช้ยุทธวิธีที่แหลมคม แยบคาย บางเรื่องมันก็ต้องตะลุมบอนหักหาญกันด้วยกำลัง เพราะฉะนั้นนี่คือภาพใหญ่ของการต่อสู้

ถ้ากระบวนการยุติธรรมเดินไปสุดทางแล้ว ชี้ว่ากองทัพมีความผิดในคดีความรุนแรงปี 2553 ถึงเวลานั้น นปช. จะกล้าแตกหักกับกองทัพหรือไม่

เมื่อดำเนินไปถึงจุดไหนก็ว่ากันไปตามนั้น ถ้าศาลตัดสินแล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาล เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม

นปช. เองก็ยอมรับในคำตัดสินของศาล

ก็ว่าไป เพราะเราจะไปบอกว่าไม่พอใจคนนั้นคนนี้ ต้องฆ่าให้ได้ ต้องเอาให้ตาย มันก็ขาดการยอมรับจากสังคมโลก แต่ถ้าเราบอกว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำ เราเป็นผู้เสียหาย และให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการและพิพากษา ทุกฝ่ายจะยอมรับได้ บ้านเมืองนี้มันไม่จบด้วยการไล่ล่าล้างแค้น แต่บ้านเมืองนี้จะจบด้วยทุกอย่างเข้าสู่กรอบกติกาที่เป็นธรรม

พรรคเพื่อไทยกำลังผลักดันระบบสมาชิก พรรคเต็มตัวเหมือนสมัยไทยรักไทย มองว่าเป็น การสร้างมวลชนของพรรคเองเพื่อไม่ให้อำนาจ ผูกขาดอยู่ที่แกนนำเสื้อแดงหรือไม่

ไม่อ่ะครับ มวลชนของพรรค คือมวลชนผู้สนับสนุนทางการเมือง แต่มวลชนของฝ่ายประชาธิปไตยเป็นมวลชนสู้รบ และถ้าไปดูให้ดีก็อาจจะเป็นคนคนเดียวกัน แต่เวลาที่จะออกมาต่อสู้ เขาก็เลือกที่จะใส่เสื้อสีแดงออกมาแล้วแต่ในสถานการณ์เท่านั้นเอง และทาง นปช.ไม่เคยคิดสร้างอำนาจต่อรองภายในพรรค เพราะถือว่าถ้าอยู่ในสนาม นปช. การคิดและกำหนดยุทธศาสตร์ตัดสินใจเด็ดขาดอยู่ที่เรา แต่เข้ามาอยู่ในระบบพรรคต้องมีระเบียบวินัยในฐานะสมาชิกของพรรค

กลุ่มคนเสื้อแดงมีโอกาสพัฒนาไปสู่การตั้ง พรรคการเมืองได้ไหม

ยังไม่เห็นภาพนั้น และยังไม่มีการพูดคุยกัน แต่คิดว่าคนเสื้อแดงที่ออกมาสู้ เขาไม่ได้อยากมีพรรคการเมือง เขาแค่อยากมีประชาธิปไตย ซึ่งต้องรอให้ถึงวันนั้นก่อน ยังไม่ง่าย เพราะมีอีกเยอะที่ต้องทำ