ทีมข่าว นปช.
17 กันยายน 2555
วันนี้ (17 ก.ย. 55) เวลา 10.45 น. ห้อง 704 ศาลอาญานัดฟังคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพคดีนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ชาวยโสธร ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าคอนโดมิเนียม IDO ใกล้แอร์พอร์ตลิงก์ ถ.ราชปรารภ ช่วงเวลา 00.05-01.00 น. ของวันที่ 15 พ.ค. 2553 ซึ่งเป็นจุดประจำการของทหาร จากกรณีที่มีการยิงสกัดรถตู้ที่เข้ามาในพื้นที่
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในวันและเวลาดังกล่าว นปช. ได้มีการชุมนุมเรียกร้องให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา อยู่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และสี่แยกราชประสงค์ โดยก่อนหน้านี้อภิสิทธิ์ได้ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน และมีการแต่งตั้ง สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
ต่อมา ศอฉ. ออกคำสั่งห้ามใช้เส้นทาง ถ.ราชปรารภ ตั้งแต่สี่แยกประตุน้ำ-สี่แยกมักกะสัน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้ควบคุมดูแลบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีการติดป้ายข้อความ "เขตใช้กระสุนจริง" ในบริเวณดังกล่าวอีกด้วย
ทหารให้การว่า ในวันดังกล่าวได้รับแจ้งว่า มีการยิงระเบิด M79 และมีรถตู้สีขาวต้องสงสัยที่อาจจะเป็นคาร์บอม หรือขนอาวุธสงครามเข้ามาในบริเวณดังกล่าวนั้น แต่ศาลเห็นว่า รถตู้คันดังกล่าวได้เข้ามาจอดในบริเวณดังกล่าวเป็นเวลานาน 30 นาที ซึ่งนานพอที่ทหารจะสามารถดำเนินการตรวจสอบได้ แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่ดำเนินการอะไร อีกทั้งไม่ปรากฎในสรุปสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางราชการใดที่บ่งบอกว่า จะมีการทำคาร์บอม หรือขนอาวุธ
ทหารให้การว่า ขณะที่มีการระดมยิงรถตู้นั้นไม่มีผู้ใดเห็น หรือทราบผู้ใดเป็นผู้ยิงผู้เสียชีวิตนั้น แต่ศาลเห็นว่า บริเวณดังกล่าวทหารเป็นผู้เข้าควบคุมพื้นที่ การเข้า-ออกบริเวณดังกล่าวต้องได้รับความยิมยอมจากทหารเท่านั้น บริเวณดังกล่าวจึงไม่มีผู้ชุมนุม และชายชุดดำ แม้จะไม่มีผู้ใดเห็นการระดมยิง แต่ก็มีพยานบางคนได้ยินเสียงประกาศของทหารให้รถตู้คันดังกล่าวหยุดวิ่ง หากไม่หยุดจะยิง และได้ยินเสียงปืนดังทีละนัดตามมาหลังจากนั้น ผู้ตายได้วิ่งออกไปดูเหตุการณ์ มีเสียงระดมยิงแบบอัตโนมัติ หลังจากนั้นผู้ตายก็ถูกยิงเสียชีวิต
ผลการชันสูตรพลิกศพของผู้ตายพบกระสุนปืน .223 ในร่างของศพ ซึ่งเป็นกระสุนปืนที่ใช้กับปืนความเร็วสูงที่ใช้ในราชการสงคราม นอกจากนี้ไม่ปรากฎในสรุปสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางราชการใดที่บ่งบอกว่า มีคนร้ายโจมตี หรือปะทะกับทหารในบรเวณดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะถ้ามีการโจมตีจริงทหารก็คงไม่นิ่งเฉยที่จะตอบโต้
หลังเหตุการณ์ทหารได้เข้าตรวจพื้นที่ โดยไม่มีลักษณะเกรงกลัวว่า จะถูกทำร้ายแต่อย่างใด ศาลจึงเชื่อว่า ในสถานที่เกิดเหตุมีเพียงทหารเท่านั้นที่มีอาวุธปืน ไม่มีบุคคลอื่นใดที่มีอาวุธปืนในบริเวณดังกล่าว อีกทั้งวิถีกระสุนปืนก็ยิงในระนาบเดียวกับพื้นถนน และยังอยู่ในแนวเดียวกับบังเกอร์ทหาร ดังนั้นแม้จะไม่มีผู้ใดเห็นผู้ตายถูกกระสุนปืนของผู้ใด แต่ศาลก็เชื่อว่า การตายของผู้ตายเกิดจากกระสุนปืนของทหาร
ผลการพิสูจน์หลักฐานไม่พบอาวุธปืนกระบอกใดของทหารที่ใช้ยิงผู้ตาย แต่ศาลเห็นว่า การตรวจสอบหลักฐานดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเวลานาน และการเก็บรักษาอาวุธปืนทางราชการจะต้องมีการทำความสะอาดอาวุธปืนทุกครั้ง ซึ่งมีผลทำให้ร่องรอยหลักฐานจากอาวุธปืนเกิดการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงอะไหล่ของอาวุธปืนได้อีกด้วย
ดังนั้นจากหลักฐานทั้งหมดที่กล่าวมา ศาลจึงเชื่อว่า ผู้ตายซึ่งเสียชีวิตที่หน้าสำนักงานขายคอนโดมีเนียม IDO ถ.ราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 53 เวลาเช้ามืด เกิดจากกระสุนปืน .223 จากปืนที่ใช้ในราชการสงครามซึ่งทหารร่วมกันยิงไปที่รถตู้คันดังกล่าว
ดาวน์โหลดเอกสารได้ที่: ห้องเอกสาร
