ไต่สวน 6 ศพวัดปทุม 2 พยานในเหตุการณ์คาดทหารยิง ไม่เห็นผู้ชุมนุมยิงต่อสู้

ประชาไท 4 กันยายน 2555 >>>




พยานยันเห็นทหารเล็งและยิงจากราง BTS อาสามงคล-อัครเดช-พยาบาลเกด ถูกยิงพร้อมกันในเต็นท์พยาบาลในวัดก่อนยิงได้ยินทหารตะโกน“กูให้มึงเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานอยู่กับบ้าน มาร่วมชุมนุมกันทำไม” พร้อมระบุไม่เห็นอาวุธและการยิงตอบโต้จากผู้ชุมนุม

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 55 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 402 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพการเสียชีวิต คดีหมายเลขดำที่ ช.5/2555 กรณีการเสียชีวิตของ

  • นายสุวรรณ ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้เสียชีวิตที่ 1
  • นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้เสียชีวิตที่ 2
  • นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ผู้เสียชีวิตที่ 3
  • นายรพ สุขสถิตย์ อายุ 66 ปี อาชีพพนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน ผู้เสียชีวิตที่ 4
  • น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี อาชีพพยาบาลอาสา ผู้เสียชีวิตที่ 5 และ 
  • นายอัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้าง ผู้เสียชีวิตที่ 6 

ทั้ง 6 ศพ ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ใกล้แยกราชประสงค์ ในช่วงที่มีการสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยอัยการได้นำประจักษ์พยานในเหตุการณ์เข้าเบิกความ 2 ปาก ประกอบด้วย นายศักดิ์ชาย แซ่ลี้ อายุ 38 ปี และนายนายธวัช แสงทน หรือพระธวัช อายุ 50 ปี
นายศักดิ์ชาย แซ่ลี้ ในฐานะพยานเบิกความโดยสรุปว่าเข้าร่วมชุมนุมอยู่เต็นท์แดงชุมแพ 52 ซึ่งอยู่บริเวณหน้าวัดประทุมวนาราม ซึ่งมาเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ตั้งแต่ มี.ค. ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว ในวันที่ 19 พ.ค. 53 หลังแกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุม และแจ้งให้ผู้ชุมนุมไปหลบภายในวัดหรือไปที่สนามกีฬาศุภชลาศัย หลังจากนั้นตัวพยานจึงได้เก็บของและหลบเข้าไปในวัดปทุม จนเวลาประมาณ 18.00 น. เห็นคนถูกยิงตรงเกาะกลางถนนหน้าประตูทางออกวัดปทุมฯ ซึ่งมาทราบภายหลังว่าบุคคลดังกล่าวคือนายอัฐชัย ชุมจันทร์ (ผู้เสียชีวิตที่ 2) ขณะนั้นเห็นทหารถือปืนยาวอยู่บนรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุม ตัวพยานจึงได้วิ่งไปอุ้มร่างนายอัฐชัย มายังเต็นท์พยาบาลในวัด หน้าสหกรณ์ และได้บอกพยาบาลแหวน หรือ ณัฐธิดา มีวังป่า ให้เข้ามาช่วย โดยพยาบาลแหวนได้ให้ พยาบาลเกด หรือ น.ส.กมนเกด อัคฮาด (ผู้เสียชีวิตที่ 5) นำถังออกซิเจนมาให้ผู้บาดเจ็บ แต่ออกซิเจนมีไม่เพียงพอ พยาบาลแหวนจึงปั้มหัวใจอยู่ประมาณ 10 นาที นายอัฐชัย จึงเสียชีวิต
นายศักดิ์ชาย เบิกความต่อว่าหลังจากนั้นได้ไปที่เต็นท์พยาบาลสวนป่า ซึ่งเป็นเต็นท์พยาบาลที่อยู่ด้านในวัดอีก 1 เต็นท์ พบผู้บาดเจ็บถูกยิงที่กลางหลัง ทราบชื่อภายหลังว่านายกิตติชัย (นามสกุล “แข็งขัน” ชาวขอนแก่น-ประชาไท) ซึ่งพยาบาลแหวนได้เข้ามาปฐมพยาบาลด้วยการเอาไม้ดามหลังไว้ และมีอีกคนถูกยิงที่มือ ทราบชื่อภายหลังว่า “บัวศรี” ขณะวิ่งกลับมารับนายกิตติชัย เห็นทหารที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าตั้งท่าโดยวางปืนประทับกับขอบรางรถไฟเล็งมาทางพยาน จึงไปยังหลบหลังรถยนต์ที่อยู่ใกล้กัน จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น กระสุนปืนตกห่างตัวพยานราว 1 เมตร จึงหลบไปอยู่หลังรถยนต์และเห็นเจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนยิงใส่เต็นท์พยาบาล เห็น น.ส.กมนเกด ที่กำลังก้มลงหลบถูกกระสุนปืนยิงแน่นิ่งไป โดยหันหัวเข้ามาทางด้านในวัดส่วนขาเหยียดไปนอกวัด
นายศักดิ์ชาย เบิกความอีกว่า ในเต็นท์ดังกล่าวยังมีอีก 2 คน โดยหนึ่งในนั้นทราบชื่อภายหลังว่านายอัครเดช (ผู้เสียชีวิตที่ 6) ร้องขอความช่วยเหลือ ขณะนั้นนายอัครเดชหันหัวออกไปนอกวัด ส่วนอีกคนทราบชื่อภายหลังคือนายมงคล (ผู้เสียชีวิตที่ 3) นอนนิ่งไปแล้ว ซึ่งขณะนั้นแสงจากดวงอาทิตย์ยังพอมองเห็น หลังเสียงปืนสงบและท้องฟ้ามือพยานจึงได้นำนายอัครเดช ซึ่งขณะนั้นยังไม่เสียชีวิตไปที่เต็นท์สวนป่าก่อน และกลับมารับศพ น.ส.กมนเกด และนายมงคล ซึ่งเสียชีวิตแล้วไปไว้ที่เต็นท์สวนป่าเช่นกัน และขณะนั้นนายอัครเดชยังไม่เสียชีวิตจึงได้ประสานให้พระในวันปทุมฯ โทรศัพท์แจ้งให้รถพยาบาลมารับคนเจ็บไปรักษา แต่ได้รับแจ้งว่า รถพยาบาลไม่สามารถเข้ามาได้ จนกระทั้ง เวลาประมาณ 23.00 น. นายอัครเดชจึงถึงแก่ความตาย  และหลังจากนั้นจึงรับแจ้งว่ารถพยาบาลจะเข้ามารับคนเจ็บแต่ห้ามผู้อื่นออกจากพื้นที่ไปกับรถพยาบาลด้วย พยานอยู่ในวัดจนเช้าวันที่ 20 พ.ค. 2553 เวลา 7.00 น. ยังเห็นทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้า และได้ตรวจรถยนต์ของพยานที่จอดไว้หน้าวัดด้านในพบรอยกระสุนปืนที่ตัวรถด้วย
นายศักดิ์ชาย ยังเบิกความยืนยันด้วยว่าขณะที่อยู่ในวัดไม่เห็นผู้ชุมนุมมีอาวุธหรือต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหาร และไม่ได้ยินเสียงปืนที่ยิงมาจากด้านในวัด นายศักดิ์ชายยังเบิกความอีกว่า ก่อนที่ทหารที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าจะยิงลงมามีการตะโกนด้วยว่า “กูให้มึงเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานอยู่กับบ้าน มาร่วมชุมนุมกันทำไม”  ส่วนสาเหตุที่ต้องนำร่างผู้เสียชีวิตมารวมกันด้านในวัด นายศักดิ์ชายให้เหตุผลว่าเพื่อไม่ให้ทหารนำเอาศพไปโดยมีประชาชนที่อยู่ที่นั่นนั่งล้อมไว้ทั้งคืนประมาณ 100 คน
พยานปากต่อมานายธวัช แสงทน หรือพระธวัช เบิกความโดยสรุปได้ว่า ได้มาร่วมชุมนุมพยานอยู่บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และวันที่ 19 พ.ค. เวลา 12.00 น. แกนนำ นปช. ได้ประกาศยุติการชุมนุม และให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางกลับบ้าน และให้ไปที่สนามกีฬาใกล้มาบุญครอง และให้เด็กและคนชราหลบอยู่ที่วัดปทุม เพราะเป็นเขตอภัยทาน โดยพยานได้เดินทางไปสนามกีฬา เกือบบ่าย 2 แต่ไม่สามารถไปถึงเนื่องจากมีทหารที่อยู่บริเวณสยามแสคว์ยิงเข้ามา พยานจึงวิงกลับมาหลบที่วัดปทุมฯ ซึ่งทหารบริเวณนั้นบางคนยิงมาทางกลุ่มผู้ชุมนุมในแนวราบ บางคนยิงขึ้นฟ้า โดยใช้ปืน M16 โดยทหารได้ตามเข้ามาเรื่อยๆ ด้วย ในตอนแรกพยานใส่เสื่อยืดดำ กางเกงยีนส์  แต่พอหลบเข้ามาในวัดปทุมฯ จึงได้เปลี่ยนเป็นสีเทาที่บริเวณเต็นท์พยาบาล เนื่องจากมีคนเตือนว่าหากใส่สีดำจะถูกทหารยิง ขณะนั้นเห็นทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้าจำนวนมาก จึงเกิดความกลัวและหลบไปในกุฏิพระในวัดติดกับฝั่งสยามฯ ในระหว่างนั้นทหารที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าได้มีการเล็งปืนลงมา จึงหลบเข้าไปและมีคนหลบตามมา 3-4 คน หลังจากนั้นจึงได้ยินเสียงปืนจากรางรถไฟฟ้า
พระธวัช เบิกความต่ออีกว่า กุฏิที่ตนเองหลบอยู่ มีคนต่อคิวรอเข้าห้องน้ำ 3-4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นทราบภายหลังว่าชื่อนายสุวรรณ (ผู้เสียชีวิตที่ 1) ต่อคิวอยู่ด้วย โดยเวลาประมาณ 17.00 น. พยานสังเกตเห็นทหารถือปืนอยู่บนรางรถไฟฟ้าประมาณ 3 คนแต่งชุดพราง สวมหมวกเหล็ก ซึ่งมุมที่นายสุวรรณยืนอยู่จะมีช่องมองเห็นรางรถไฟฟ้า โดยขณะนั้นนายสุวรรณยืนต่อคิวเป็นคนสุดท้ายโดยตัวหันตัวไปทางห้องน้ำ แต่เอี้ยวหน้าไปมองทหารที่อยู่บนรางรถไฟผ่านช่องดังกล่าว จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 ชุด เห็นผู้เสียชีวิตที่ 1 ฟุบลงกับพื้น โดยมีผู้หญิงที่เข้าคิวตรงนั้นร้องขอความช่วยเหลือ พยานจึงได้วิ่งเข้าไปหามนายสุวรรณมาหลบอีกมุมหนึ่ง และเรียกให้คนมาช่วยพร้อมนำจีวรมาทำเป็นเพลหามเข้าซองไปไว้ที่หน้าศาลา ตรงเต็นท์พยาบาลสวนป่า ขณะนำร่างนายสุวรรณไปตรงนั้นมีศพ 1 ศพนอนอยู่แล้ว และภายหลังมีเข้ามาอีก 4 ศพ
พระธวัช เบิกความด้วยว่าขณะที่หลบอยู่ตรงเต็นท์ ได้ไปช่วยหามร่างพยาบาลเกดมาไว้ หลังจากนั้นจึงได้มาล้างเลือด และพระธวัช ยืนยันว่าไม่เห็นผู้ชุมนุมยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ และไม่เห็นชายชุดดำ ส่วนมากคนที่หลบอยู่ในวัดเป็นเด็กและคนชรา ส่วนนายสุวรรณ ผู้เสียชีวิตที่ 1 นั้นสวมเสื้อสีดำ ทั้งนี้ คดีนี้จะมีการนัดไต่สวนครั้งต่อไปในวันที่ 6 ก.ย. เวลา 09.00 น เป็นต้นไป