เหลียวหลังแลไปข้างหน้าเพื่อประชาธิปไตย: ความคืบหน้าคดีสลายการชุมนุม 2553 (เบรคที่ 1)



ทีมข่าว นปช.
19 สิงหาคม 2555




ผู้ดำเนินรายการ: อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ
ผู้ดำเนินรายการร่วม: พีระ ลิ้มเจริญ

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องทหารสไนเปอร์ที่ปรากฏในคลิปได้มีการให้ข่าวในลักษณะที่ปฏิเสธว่า ทหารดังกล่าวไม่ได้เป็นผู้ใช้ปืนยิงประชาชนที่มาร่วมชุมนุม กรณีนี้อาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?

ก็คือว่าต้องเสียใจที่จะต้องออกมาพูดว่า ปัญหาก็คือแสดงว่า พล.อ.ประยุทธ ไม่ได้ดูคลิปอะไรเลย เพราะว่ามาถึงตอนนี้สื่อมันเร็ว มือถือก็ถ่ายรูปได้ แล้วก็มีกล้องผู้สื่อข่าวเต็มไปหมด ภาพต่าง ๆ ที่ออกมามากมาย รวมทั้งอย่าลืมว่ามีหลักฐานของคนที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น หมายถึงว่าคนอื่นถ่ายที่มีการยิง จากภาพจะเห็นว่าเป็นการประทับปืนยิงในแนวราบ นี่เป็นตัวอย่าง คือฝั่งโน้นเป็นประชาชนนั่นแหละ แล้วถามตรง ๆ อย่างที่บ่อนไก่ว่าขนาดคุณอะไรล่ะที่ปลอมตัวเอาเงินไปให้ แล้วปรากฎว่าชาวบ้านเค้าบอกว่าถ้ามาจะเอาทุเรียนตบหน้า ก็คือทหารไปยิง คนเป็น ๆ ก็เห็น เพราะฉะนั้นมันมีภาพที่เป็นภาพ (การยิงโชว์ภาพ) แต่ที่คนเห็นด้วยตาหรือถ่ายภาพมา นี่ถามว่าแล้วยิงอะไร อีกฝั่งประชาชนเขามีอาวุธที่ไหน เขาก็จุดยางเพื่ออำพรางไม่ให้ตัวเองโดนยิง คำถามก็คือเขาบอกว่ามีเอาไว้สังเกตุการณ์ อันนี้ภาพชัดมากเลย แล้วยังมีคลิปที่สั่งบอกไม่ต้องซ้ำ เค้าหยุดเป็นระยะ ในภาพนี่สั่งห้าม แล้วยังมียิงซ้ำอีก คือยิงนี่ของจริงนะ ตายก็ของจริง บาดเจ็บก็ของจริง แต่ที่พูดอำพรางว่าเผาโน่นเผานี่ ล้มสถาบันนี่มันของไม่จริง หรือกระทั่งชายชุดดำก็ของไม่จริง ของจริงก็คือกระสุนที่เบิกมานี่กระสุนจริงนะ ใช้จริง แล้วก็หายไปไม่ได้แปลว่า เอาล่ะ เขาบอกว่าเบิกมา 3,000 ถ้าหากว่าเหลือคืน 300 แปลว่าจะมีคนตาย 2,700 นี่เป็นคำพูดของ ผบ.ทบ. พูดได้อย่างไร เราไม่มีใครบอกขนาดนั้นก็ตายจริง 98 ตายมากกว่านั้นไม่รู้ หรือคุณเอาอีก 2,700 ไปยิงใครอีกเราก็ไม่รู้ หรือเอาไปขายก็ไม่รู้ แต่ว่ามีการตายจริงและอย่างน้อยที่ตายจริงก็กำลังอยู่ในระหว่างสืบสวนไต่สวน แรกมี 13 คดี ก็มีคำถามว่าเอ้าทำไมที่วัดปทุมมีเฉพาะ 2 คดีก็ตาย 6 ก็บวกเข้าไปอีกก็บวกเข้าไปอีก 4 เป็น 17 คดี แล้วมาเพิ่มช่างภาพอิตาลีก็เป็น 18 คดี แล้วก็ที่เดียวกันอีกก็เป็น 19 คดี เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ถ้าคิดไปแล้วนะ อาจารย์ว่ามันจะไม่ 19 แล้วแหละ สำนวนมันก็มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วที่สำคัญก็คือคนเป็น คือสมมุติว่าคุณพีระคุณถูกยิง คุณเห็นนะว่าใครยิงคุณ คุณยังไม่ตาย คุณเป็นพยานที่มีชีวิตอยู่แล้วก็สามารถเรียกคนอื่นมาเป็นพยานได้ ในทางคดีต้องถือว่าคุณพีระเป็นประจักษ์พยานเลย แล้วอันนี้เป็นคดีเจตนาฆ่า จึงมีคดีชุดใหม่ไม่ใช่แต่เพียง 98 ศพ ก็มีเจตนาฆ่า เพราะฉะนั้น ผบ.ทบ. มันมีคนเห็นเป็นพันคนนะด้วยตาของเขาว่าในการต่อสู้ซึ่งอีกข้างหนึ่งไม่มีอะไร มีภาพยิงหนังสติ๊กก็ได้รางวัลระหวางประเทศนะ หรือมีแต่จุดพลุ หรือมีแต่ปล่อยโคม ตะไล แต่ว่าที่ตายนี่ตายจริง เพราะฉะนั้นภาพที่เห็นและประจักษ์พยานเป็นจำนวนมากและโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ การจับอาการแล้วก็รู้สึกว่าท่าน ผบ.ทบ. ท่านไม่แฮปปี้กับตำรวจ พูดคล้าย ๆ จะขู่ว่าพวกคุณก็รับผิดชอบด้วยกันนะอยู่ ศอฉ. ขอร้อง เหมือนที่พูดวันที่แถลงข่าวว่าประเทศไทยนาทีนี้ต้องใช้ความจริง ไม่ต้องมาเข้าข้างคนเสื้อแดง ต้องพูดความจริงกัน เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พูดความจริงออกมาเถิด แน่นอนบางท่านอาจจะไม่เป็นไร เพราะว่าคุณมีกฎหมายคุ้ม แต่อย่างไรก็ตาม การอันควรหรือไม่ควรนั้นมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่าความจริง คำถามว่าคุณจะปิดบังได้อย่างไร บางคนเขาใช้คำว่าปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ หรือคำโบราณว่าช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวไปปิดก็ไม่มิด อันนี้มีการฆ่าคนกันนะคะ อาจารย์ยังจำคนสามจังหวัดภาคใต้ได้เขาพูด พวกหมู่บ้านเสื้อแดงที่เจาะไอร้อง ประชาชนเวลาเขาคุยกันเขาบอกว่า พี่น้อง...ที่บ้านเราเวลายิงเขายังต้องแอบ ๆ ซ่อน ๆ ยิงนะ แต่ที่ราชประสงค์เขายิงน่ะเปิดหน้ายิงเลย เปิดเผยจะแจ้งเลย นี่เป็นความคิดของคนสามจังหวัดภาคใต้ เขาจึงไปพูดให้เห็นว่าการถูกกระทำไม่ใช่แต่เฉพาะคนสามจังหวัดภาคใต้ คนเสื้อแดงก็ถูกกระทำเพราะว่าคนเหล่านี้เขามาชุมนุมด้วย เพราะฉะนั้นก็อยากจะมีความเห็นว่าที่มาพูดขู่ DSI ขอร้องผ่านอธิบดี แล้วก็เมื่อถามถึงกรณี DSI จะเรียกทหารสไนเปอร์มาให้ปากคำ พล.อ. ประยุทธ กล่าวย้อนถามว่าสไนเปอร์อะไร ใครเป็นคนใช้สไนเปอร์ แล้วรู้หรือไม่ว่าสไนเปอร์เป็นใคร รูปที่ปรากฎเป็นทหารที่เค้าติดกล้องเฉย ๆ ไม่ติดเฉย ๆ หรอกท่าน เมื่อกี้เห็นชัด ๆ ว่ายิงเปรี้ยง ๆ ขนาดอีกคนห้ามยังยิงเลย และกล้องตัวนั้นและปืนตัวนั้นไม่ใช่แบบสไนเปอร์ แล้วไปอยู่ในที่สูง แล้วจะให้อธิบายว่าอย่างไร แล้วแผลกระสุนมันเป็นลักษณะยิงจากที่สูง มีแนวราบก็มี ถามว่ายิงทำอะไร ประชาชนเขาอยู่อีกที่ไกล ๆ แล้วไปยิงเขาทำอะไร ถามว่าคุณมีที่กำบัง คุณอยู่ในที่สูง ตามกติกาบอกว่าใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวเอง แล้วใครเขาไปทำอะไรคุณ ที่อยู่ข้างบนนั่นใครไปทำอะไร

อย่างที่ ศอฉ. เขาได้แถลงการณ์ออกมาว่า ยิงป้องกันตัวจากชายชุดดำ อาจารย์เห็นว่าอย่างไรครับ ?

ก็นี่ไง ไปถามตำรวจดูซิทุกที่ไม่มีคือจากการสืบสวนสอบสวนไม่พบชายชุดดำ และแม้นว่าถ้าบอกว่ามีหนึ่งคนที่เห็นในภาพของอัลจาชีราห์ที่ยืนถือปืนก็เป็นปืนอาก้า แล้วปรากฎว่าที่คนตายทั้งหมดไม่ว่าทหารหรือประชาชนไม่มีแผลกระสุนอาก้าแม้แต่คนเดียว แล้วโดยเฉพาะทหารที่บอกว่าเสียชีวิตรวมทั้ง พ.อ.ร่มเกล้า แต่ พ.อ.ร่มเกล้า เราไม่ได้ดูผลเพราะว่าเขาไม่ได้เอามาให้ชันสูตรนะ โดยคณะนะ แต่คนอื่น ๆ เสียชีวิตด้วย M67 ซึ่งระยะขว้าง 40-100 เมตร แล้วถามว่าใครจะมีปัญญาไปขว้างเขาคนเสื้อแดงที่ไหน

ในส่วนของศพ พ.อ.ร่มเกล้า ที่ไม่มีการชันสูตรพลิกศพ อาจารย์ตั้งข้อสังเกตุเอาไว้อย่างไรบ้างหรือเปล่าครับ ?

ก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่ให้ชันสูตรพลิกศพ เพราะว่าคณะที่ไปชันสูตรนั้นได้ไปชันสูตรทหารที่เสียชีวิตอยู่ใกล้ ๆ พ.อ.ร่มเกล้า แต่ตัวพ.อ.ร่มเกล้านั้นไม่ได้เอาศพมาด้วย ก็เอาไปประกอบพิธีเลย เราก็สงสัยว่ามันมีอะไรพิลึก เพราะฉะนั้นที่ตั้งคำถามเขาบอกว่าทำไมไม่มีใครพูดถึง พูด...อยากจะให้หาความจริงมาซิว่าเสียชีวิตเพราะอะไร ก็คุณพูดคำหนึ่งก็มีคนชุดดำ มีคนเอาอาก้าไปยิง หรือไม่ก็คนชุดดำยิง M79 แต่ปรากฎว่าที่ตายไม่มีแผลจาก M79 และไม่มีแผลจากอาก้า

และจากคนตายทั้ง 98 ศพ มีใครมีอาวุธอยู่ข้างกายบ้างไหมครับ ?

ก็แน่นอนไม่มีเลย เขาก็อ้างว่าเป็นมืออาชีพ แล้วภาพที่เห็นคนตายทุกคนมือเปล่าทั้งนั้น อาจารย์ก็คิดแล้วคิดอีกว่าเขาฆ่าคนไทยด้วยกันนะ ทีนี้เป็นคนชอบพูดถึงวิธีคิดนะ คือคุณฆ่าคนไทยกับคนที่มือเปล่า...คุณคิดอย่างไร เริ่มต้นก็รู้ว่ามีการไปพูดว่าในนี้มีอาวุธ 500 คน ไม่รู้ว่าเขาส่งคนของเขามาอยู่ในม็อบเรา 500 คนหรือเปล่า เพราะฉะนั้นต้องตายอย่างต่ำ 500 คน คือต้องทำให้ตาย แสดงว่าตั้งเป้าเอาไว้สูง ที่เก็บไปเก็บมาประมาณ 100 ยังไม่ถึง 500 เลย หรือว่าต้องทำเป้าเพราะตั้งธงไว้ก่อนแล้ว
1. ตั้งธงไว้ก่อนแล้วว่ามีคนติดอาวุธ 500 คน เพราะฉะนั้นจะต้องตายไม่ต่ำกว่า 500 คน เพราะฉะนั้นเลยต้องทำตัวเลยตั้งแต่ตอนต้นหรือเปล่า
2. เขาเห็นคนไทยที่ไม่มีอาวุธเป็นใคร อาจารย์ก็นั่งคิดย้อนกลับไปว่า คุณคิดแบบจารีตนิยมหรือคุณคิดแบบจักรวรรดินิยม ถ้าคิดแบบจารีตนิยมก็คือว่าแพ้เป็นกบฎตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรถ้าชนะเป็นเจ้า เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ได้ขอให้ชนะก็แล้วกันแพ้ไม่ได้ไม่สนว่าจะตายแบบไหน หรือว่าจักรวรรดินิยม แบบที่เขารบกันในสงครามเย็นเพราะว่าเราเคยเกิดในช่วง “ถีบลงเขาเผาลงถัง” เผาถังแดง เผาทั้งเป็นนะ หรือถีบลงจากเฮลิคอปเตอร์ หรือเผาหมู่บ้าน อันนี้มันก็มาจากเวลาจักรวรรดินิยมทั้งหลายไปรบในประเทศต่าง ๆ อย่างแถวอินโดจีนนี่ฝนเหลืองคือใช้สารเคมีพ่นลงมาเลยไม่ได้สนใจคนจะตายอย่างไร ของเราก็มีเผาบ้านนาทรายนาหินกองแล้วก็เผาในถังแดงที่พัทลุง คือเพียงแต่สงสัยก็ต้องจัดการ หมายความว่าไม่ต้องไปคิดเรื่องสิทธิมนุษยชน คือแค่สงสัย สมมุติว่ามีสัก 100 คนถ้าเขาได้ฆ่าถูกสัก 1 คนใน 100 ก็พอใจแล้ว แปลว่าคนไม่ผิดตายไป 99 คนก็ไม่เป็นไร นี่พูดจากสิ่งที่เขาทำมานะ
ทีนี้แล้วเราจะอธิบายอย่างไรว่า ถ้าประเทศเหล่านี้เช่นสหรัฐฯ คำถามว่าเขากล้าทำกับคนของตัวเองไหม อย่างตอนอังกฤษตั้งปืนกลยิงตอนสมัยยุคคานธี ยิงตายเป็นพันเลย ถามว่าอังกฤษกล้าเอาปืนไปยิงคนอังกฤษด้วยกันไหม (ไม่กล้า) แน่นอน สหรัฐฯ ก็เหมือนกันที่เขารบกันครั้งใหญ่ก็สงครามกลางเมือง หลังจากเมื่อประเทศก้าวเข้าสู่ความศิวิไลแล้ว นี่พ.ศ.นี้ที่ ๆ อื่นไม่มีก็ตั้งคำถามว่าคุณฆ่าคนไทยด้วยกันอย่างไร แล้วไม่พอตอนนี้ยังมาบอกว่าให้เงียบ ๆ ไว้ แล้วอ้างว่าตัวเองต้องดูแล คำพูดเด็ด ๆ ของ ผบ.ทบ. ที่ย้อนนักข่าวว่า “สไนเปอร์อะไร ใครเป็นคนใช้สไนเปอร์ แล้วรู้หรือไม่ว่าสไนเปอร์คือใคร ซึ่งในรูปที่ปรากฏเป็นทหารที่เขาติดกล้องเฉย ๆ และกล้องตัวนั้น และปืนตัวนั้นไม่ใช่แบบสไนเปอร์ ถ้าพูดแล้วไม่รู้อย่าพูดดีกว่า แต่สิ่งที่ใช้เพื่อใช้ระวังป้องกันซึ่งในตลาดนัดก็มีขายที่ใช้ยิงนกไม่ใช่สไนเปอร์อย่าพูดเรื่อยเปื่อย” ก็ไม่เป็นไรแต่ว่าอาจารย์อยากจะบอกว่าในหนังสือเสนาธิปัตย์ได้เขียนไว้ชัดเจน ตอนนี้ดูเหมือนในมติชนออนไลน์ก็นำมาออกอีก เอาไว้เดี๋ยวเราเอามาออกอีกก็ได้ พูดถึงมาตรการว่าการปราบไม่ใช่จราจลด้วยนะ เป็นการปราบคนที่ลุกขึ้นสู้ในเมือง หมายความว่ายกระดับการต่อสู้ คือเดิมปราบแบบเดินหน้า วันที่ 10 เมษา เอารถถังมา ประชาชนมาล้อมรถถัง รถถังขยับไม่ได้ แล้วใช้หน่วยต่อหน่วยเผชิญหน้ากัน ก็ปรากฎว่ามีความเสียหายเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นพอมาตอนช่วงเดือนพฤษภายกระดับแล้ว เป็นการสู้รบแบบในเมือง ดังนั้นเราจะเห็นภาพทั้งสไนเปอร์ทั้งการมีที่กำบัง มีการประกาศเขตพื้นที่ใช้กระสุนจริง ได้พูดได้เลยว่ามีการยกระดับแล้วชื่นชมอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่แนวทางไปด้วยกันไม่เคยใช้ยุติด้วยการเจรจา แต่ต้องการยุติด้วยการปราบปรามอย่างเดียว ชื่นชมกัน เพราะฉะนั้นอย่าพูดว่าไม่ได้ทำอะไร อย่าพูดว่ามาระวังไม่ให้เกิดความรุนแรง เพราะว่าคนเห็นกันทั้งโลกแล้ว เป็นการใช้คำว่าปราบประชาชนที่ลุกขึ้นต่อสู้ในเมือง หมายความว่าอีกข้างมีอาวุธนะ คล้าย ๆ กับที่เขารบกันที่ซีเรียในตอนนี้หรืออย่างไร คือข้างนี้ก็มีอาวุธเพราะฉะนั้นเขาต้องยกระดับคือสู้ด้วยอาวุธต่ออาวุธ แต่ที่จริงมันไม่ใช่เพราะเราไม่มีอาวุธ